“ความหวังดีของผู้คุมการลู่ข้าน้อมรับไว้แล้ว แต่ว่าผลการฝึกตนของข้าเป็นเพียงกึ่งเซียน การนำเซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองให้ข้าใช้ มันเป็นการสิ้นเปลืองไปหน่อย”
หลัวซิวยิ้มพลางปฏิเสธอย่างอ่อนโยน เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าต่อให้ผู้คุมการลู่ที่อยู่ตรงหน้านี้จะถือหางเขามากเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงขั้นมอบเซียนอัคคีต่างพันธุ์ดวงหนึ่งให้ตัวเองโดยไร้เงื่อนไข
ถึงแม้ผู้คุมการลู่จะบอกแล้วว่าขอแค่ตกลงเงื่อนไขเล็ก ๆ ของเขาก็จะมอบเซียนอัคคีต่างพันธุ์ให้ ทว่าไม่ต้องพูดหลัวซิวก็รู้แล้วว่าเงื่อนไขที่กล่าวถึงนั้น ต้องเป็นการช่วยหอเยียนเซียะกลั่นยาแน่นอน
สาเหตุที่เขากลั่นยานั้น ก็เพื่อทำให้การเพ็ญตนของตัวเองสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นจึงจะไม่ทำให้การฝึกตนของตัวเองล่าช้าเพียงเพราะเรื่องกลั่นยา แม้นเซียนอัคคีต่างพันธุ์จะเป็นอะไรที่ดีเยี่ยมมาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจำเป็นต้องมี
ผู้คุมการลู่คบค้าสมาคมกับผู้อื่นมานาน จึงต้องฟังความหมายในคำปฏิเสธที่อ่อนโยนของหลัวซิวออกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“อย่างนั้นก็น่าเสียดายจริง ๆ”
เขาถอนหายใจพลางส่ายหน้า ดังนั้นจึงไม่พูดเรื่องของเซียนอัคคีต่างพันธุ์อีก ก่อนจะพูด: “ข้าจะให้คนนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาให้ท่านชายดูบัดเดี๋ยวนี้เลย”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ผู้คุมการลู่ก็หยิบม้วนหยกชิ้นหนึ่งออกมา แล้วใช้ตัวสำนึกบันทึกชื่อของวัตถุดิบต่าง ๆ เข้าไปภายใน
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง สาวใช้ก็เดินมาพร้อมกับถาดรอง ด้านบนมีวัตถุดิบที่มีออร่าเพลิงอัคคีเข้มข้นวางอยู่สามสี่ชนิด
วัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบที่สามารถทำให้เซียนอัคคีระดับกึ่งเซียนบรรลุเป็นเซียนอัคคีระดับปุถุชน แต่ทว่าคุณภาพดีแย่ของวัตถุดิบจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของเซียนอัคคี
อาทิเช่นเมื่อใช้วัตถุดิบทั่วไปยกระดับเซียนอัคคี เช่นนั้นเซียนอัคคีก็อาจจะหยุดอยู่ที่ระดับปุถุชนตลอดไป ยากที่จะเลื่อนขึ้นไปถึงระดับดิน ระดับชั้นฟ้า และยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับราชาเลย
บนถาดรองคือแก่นสารไฟลายเมฆีวางเรียงรายกันสามสี่ชิ้น แก่นสารไฟลายเมฆีเหล่านี้มีทั้งชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูงและชั้นยอด
คุณภาพยิ่งดี หลังจากเซียนอัคคีเลื่อนขั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลานุภาพหรือประสิทธิผลในการกลั่นยาหลอมอาวุธก็จะยิ่งดี
ในเมื่อหลัวซิวต้องการบ่มเพาะอัคคีชาตะไร้ลักษณ์ของตัวเอง เช่นนั้นจึงต้องวัตถุดิบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
ดังนั้นสายตาของเขาจึงร่วงลงบนแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นยอดทันที
“แก่นสารไฟลายเมฆีชิ้นนั้นเท่าไหร่หรือ?”หลัวซิวถาม
“เหอะ ๆ แววตาของท่านชายไท่ซ่างช่างยอดเยี่ยมเสียจริง นั่นคือแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นยอด ซึ่งสามารถทำให้อัคคีชีวีเลื่อนระดับกลายเป็นเซียนอัคคีได้อย่างสมบูรณ์แบบ วันนี้แซ่ลู่จักลดให้ท่าน 30 เปอร์เซ็นต์ ท่านชายซื้อด้วยกรองแก้วเซียนชั้นล่างสองล้านก้อนก็ได้แล้วขอรับ”ผู้คุมการลู่ยิ้มพลางตอบกลับ
เมื่อได้ยินราคานี้ หลัวซิวก็รู้สึกตะลึงอยู่เล็กน้อย หากไม่มีส่วนลดละกฌ มูลค่าของแก่นสารไฟลายเมฆีชิ้นนี้ก็เทียบเท่ากรองแก้วเซียนเกือบสามล้านก้อนแล้วนะ
และนี่แค่สามารถทำให้อัคคีชีวีเลื่อนระดับเป็นเซียนอัคคีระดับปุถุชนเท่านั้น อนาคตหากต้องการเลื่อนระดับเป็นเซียนอัคคีระดับดิน ระดับชั้นฟ้า แล้ววัตถุดิบที่ใช้จะแพงมากเพียงใดกัน?
แน่นอนอยู่แล้วว่าเนื่องจากหาพบแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นยอดได้ค่อนข้างน้อย อีกทั้งมันสามารถทำให้เซียนอัคคีเลื่อนระดับได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นราคาถึงได้สูงลิ่วเช่นนี้ หากเป็นแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นล่าง ใช้กรองแก้วเซียนแค่หนึ่งแสนก้อนก็สามารถซื้อได้แล้ว แต่หลังจากเลื่อนระดับ จะเป็นเพียงเซียนอัคคีระดับปุถุชนที่ธรรมดาที่สุด
ส่วนมูลค่าของแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นกลางอยู่ที่ประมาณกรองแก้วเซียนหกแสนก้อน มูลค่าของแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นสูงอยู่ที่ประมาณกรองแก้วเซียนหนึ่งล้านก้อน
ไม่ว่าอย่างไรปัจจุบันหลัวซิวก็เป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินหลักพันล้านแล้ว แม้นมูลค่าของแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นยอดชิ้นนี้จะแพงมาก แต่เขาก็ทำการซื้อมาอย่างไม่ลังเลใจอยู่ดี
ในส่วนของเตายาระดับภัณฑ์เซียนนั้น ก็ยิ่งจัดการได้ง่ายมากเลย ตอนนี้เขายังไม่จำเป็นต้องใช้เตายาระดับสูง ดังนั้นเขาจึงทำการซื้อเตายาระดับภัณฑ์เซียนชั้นกลางหนึ่งเตา ซึ่งเสียกรองแก้วเซียนไปหนึ่งล้านกว่าก้อน
หลังจากทำการซื้อของทั้งสองสิ่งนี้ ในมือหลัวซิวยังเหลือกรองแก้วเซียนประมาณห้าล้านกว่าก้อน ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาใช้จ่ายได้อีกระยะหนึ่งแล้ว
ก่อนหน้านี้เนื่องจากทรัพย์สินบนมือไม่ค่อยเอื้ออำนวย ดังนั้นหลัวซิวจึงใช้ยาแลกกับต้นโอสถเซียน ปัจจุบันในเมื่อมีกรองแก้วเซียนแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำการซื้อต้นโอสถเซียนจำนวนมากในหอเยียนเซียะโดยตรง
ในโลกามนุษย์ ต้นโอสถเซียนเป็นสิ่งที่ตามหายากมาก ทว่าในโลกเซียน ต้นโอสถเซียนระดับปุถุชนและระดับดินถือว่ามีค่อนข้างมากเลย ซึ่งในหอเยียนเซียะก็มีเก็บไว้ในคลังเยอะมากเช่นกัน
สุดท้ายเมื่อหลัวซิวเดินออกมาจากหอเยียนเซียะ ในแหวนเก็บของของเขาก็เหลือกรองแก้วเซียนชั้นล่างแค่หนึ่งล้านกว่าก้อนแล้ว
……
หอเยียนเซียะมีทั้งหมดหกชั้น สมบัติวัตถุดิบส่วนมากที่รับซื้อและขายในห้องโถงใหญ่ชั้นแรกอยู่ที่ระดับเซียน ชั้นสองสอดคล้องกับระดับเซียนดิน ชั้นสามสอดคล้องกับระดับเซียนชั้นฟ้า ส่วนสมบัติวัตถุดิบที่อยู่สูงกว่าระดับราชาเซียน หอเยียนเซียะไม่ได้รับซื้อหรือขายแต่อย่างใด อย่างไรเสียเทพธิดาหยุนม่านที่อยู่เบื้องหลังหอเยียนเซียะก็เป็นเพียงเซียนชั้นฟ้าตนหนึ่งเท่านั้น
หากในหอเยียนเซียะมีสมบัติระดับราชาเซียน ขอแค่ข่าวคราวแพร่งพรายออกไป และทันทีที่ผู้แข็งแกร่งราชาเซียนเข้ามาแก่งแย่ง ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ด้วยซ้ำ
หลัวซิวเพิ่งออกมาจากหอเยียนเซียะได้ไม่นาน เขากำลังเดินอยู่บนถนนใหญ่ ทว่าจู่ ๆ แววตาก็ชะงักงันลงไปอย่างควบคุมไม่ได้
เนื่องจากเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งบนถนนใหญ่ ลู่เมิ่งเหยา!
ตั้งแต่ลู่เมิ่งเหยาถูกหญิงชุดเขียวคนนั้นพาไป หลัวซิวก็สันนิษฐานได้แล้วว่านางอาจจะถูกพาไปยังโลกเซียนแล้ว
เมื่อปีนั้นขณะที่หญิงชุดเขียวบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน นางไม่มีทางข้ามผ่านสะพานทะยานเซียนแน่นอน แต่เป็นการใช้ฮู้บางอย่างที่แข็งแกร่งมาก ๆ ใช้อำนาจฝืนทลายอนัตตาระหว่างโลกเซียนและโลกามนุษย์
ตั้งแต่จากกันในครั้งนั้น เวลาก็ล่วงเลยไปเป็นพันปีแล้ว นางในปัจจุบันคือเทพธิดาที่เย็นชาและหยิ่งผยองแล้ว กระโปรงยาวที่ขาวดุจหิมะกำลังปลิวลอยไปพร้อมกับสายลม รูปโฉมของนางงดงามปานเทพธิดา หุ่นอรชรอ้อนแอ้น ข้างกายมีเหล่าท่านชายวัยรุ่นที่แต่งตัวหรูหราดูดีโอบล้อม
“เทพธิดาเมิ่งเหยา ด้านหน้าก็คือหอเยียนเซียะแล้ว ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหยุนม่านให้ข้าพาท่านไปเดินดูหน่อยไหมขอรับ? หากเทพธิดามีของที่ต้องตา แซ่หยวนซื้อให้เทพธิดาในทันทีอย่างแน่นอน”
“ท่านชายหยวนพูดผิดแล้วกระมัง สถานที่เท่าแมวดิ้นได้อย่างเมืองหยุนม่านจักมีสมบัติอะไรที่สามารถทำให้เทพธิดาหวั่นไหวได้เล่า?”
ท่านชายเหล่านั้นต่างพากันพูดคนละประโยค เจตนาที่จะประจบประแจงนั้นชัดเจนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ลู่เมิ่งเหยาขมวดคิ้วที่โค้งงามได้รูปนั่นลงไปเล็กน้อย รู้สึกรำคาญพวกแมลงวันที่อยู่ข้างกาย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ข้าจะไปแดนต้องห้ามกระดูกฝัง หากทุกท่านไม่มีเรื่องสำคัญอะไรละก็ ขอความกรุณาอย่ามารบกวนเวลาข้า”
เมื่อสิ้นเสียง ลู่เมิ่งเหยาก็ผันเป็นรัศมีที่งดงามตระการตาดวงหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า แล้วหายวับไปภายในพริบตา
ส่วนหลัวซิว เขาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและพลังออร่าแล้ว ลู่เมิ่งเหยาจึงไม่เห็นเขาแต่อย่างใด ต่อให้มองเห็นก็คงดูไม่ออกเช่นกัน บางทีนางคงคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าหลัวซิวมาถึงโลกเซียนแล้ว
“เทพธิดา เทพธิดาอย่าเพิ่งไปสิ……”
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าท่านชายเหล่านั้นไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ ผลการฝึกตนของแต่ละคนต่างไม่ธรรมดา ก็จะผันร่างเป็นแสงกลไล่ตามไป
หลัวซิวก็ผันร่างเป็นแสงกลไล่ตามไปโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงเช่นกัน เขาคิดมาโดยตลอดเลยว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ศักยภาพของตัวเองเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่ไม่นึกเลยว่าลู่เมิ่งเหยาจะพัฒนาได้เร็วยิ่งกว่า แม้นจักด้อยกว่าเขาไม่น้อย แต่ก็อยู่ในแดนกึ่งเซียนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...