มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3104

“นางบอกว่าจะไปแดนต้องห้ามกระดูกฝัง นางไปทำอะไรที่นั่น?”

ใช้ไร้รูปไร้ลักษณ์อำพรางออร่า ซ่อนเร้นอยู่ในอนัตตา หลัวซิวสะกดรอยตามหลังเหล่าแสงกลที่อยู่ด้านหน้าอย่างห่าง ๆ

“โครม!”

ทันใดนั้นเอง ก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งดวงหนึ่งจุติลงมา มีผู้แข็งแกร่งตนหนึ่งที่รอบกายปกคลุมด้วยแสงเซียนปรากฏกลางนภา ทำการขัดขวางทางเดินของลู่เมิ่งเหยาและเหล่าท่านชายเอาไว้

“ผู้ใด?”

มีท่านชายคนหนึ่งซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเซียนที่แข็งแกร่ง แต่ในแววตาเขากลับไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าเป็นเซียนจากกองกำลังใด? ไยจึงต้องขัดขวางเส้นทางของเรา?”

มีท่านชายอีกคนหนึ่งเอ่ยปากถาม สีหน้าอารมณ์ดูหยิ่งผยอง ก่อนจะหยิบป้ายบัญชาการชิ้นหนึ่งออกมา ด้านบนมีคำว่า“ซ่างเสวียน”สลักอยู่

“วังซ่างเสวียน?”

ผู้แข็งแกร่งที่ทั้งร่างกายถูกปกคลุมด้วยแสงเซียนนั่นอุทานอย่างตะลึงคำหนึ่ง ภายในน้ำเสียงมีความหวาดหวั่นปนอยู่ด้วย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าวังซ่างเสวียนที่เขาพูดถึงน่าจะไม่ธรรมดามาก

“ในเมื่อเจ้ารู้จักป้ายบัญชาการชิ้นนี้ แล้วบัดนี้เจ้าบอกจุดประสงค์ของเจ้าออกมาได้หรือยัง?”

ท่านชายที่หยิบป้ายบัญชาการซ่างเสวียนออกมาทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะแขวนป้ายบัญชาการไว้ตรงเอว

“ข้าน้อยต้องการตามหาคนคนหนึ่ง เขาก็มาจากทิศทางนี้เช่นกัน ฉะนั้นถึงได้ขวางทุกท่านเอาไว้ ขออภัยด้วยขอรับ”

แม้นฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเพียงกึ่งเซียน แต่ป้ายบัญชาการซ่างเสวียนในเมื่อครู่นี้กลับทำให้เซียนคนดังกล่าวหวาดหวั่นมาก คำพูดคำจาก็เกรงใจขึ้นมามากเช่นกัน

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น เขาก็โบกมือใช้จิตเซียนแปรเปลี่ยนร่างร่างหนึ่งออกมา ซึ่งเหมือนหลัวซิวที่ปรากฏในหอเยียนเซียะทุกประการ

“คนดังกล่าวมีนามว่าไท่ซ่างฉิง ไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายเคยพบเจอหรือไม่?”บนตัวเซียนคนดังกล่าวยังคงถูกปกคลุมด้วยแสงเซียนอยู่เช่นเคย ซึ่งไม่ได้เปิดเผยร่างแท้แต่อย่างใด

“ช่างเป็นชื่อที่โอหังยิ่งหนัก ผู้ใดบังอาจใช้คำว่าไท่ซ่างมาตั้งชื่อ?”

“แต่ข้ากลับเคยได้ยินว่าในยุคโบราณก่อนเคยมีเผ่าไท่ซ่างคงอยู่จริง ๆ แต่เผ่าดังกล่าวเสื่อมทรุดลงไปตั้งนานแล้ว”

“เราไม่เคยเห็นคนที่เจ้ากล่าวถึงเลย เรายังต้องเร่งออกเดินทาง เจ้าถอยไปเถอะ”

เหล่าท่านชายต่างพากันเอ่ยปากพูด ถึงแม้พวกเขาจะกำเนิดจากกองกำลังใหญ่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนตนหนึ่ง ก็ไม่กล้าทำอะไรที่กำเริบเสิบสานมากเกินไปเช่นกัน เพราะถ้าเกิดยั่วเซียนจนโมโหแล้วฝ่ายตรงข้ามทุ่มสุดชีวิตเพื่อสังหารคน เช่นนั้นมันก็จะได้ไม่คุ้มเสียแล้วล่ะ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญท่านชายทุกท่านเลยขอรับ”

เซียนดังกล่าวไม่ได้ไต่ถามต่อ เงาร่างเคลื่อนไหวทีหนึ่ง เตรียมพร้อมที่จะจากไป

แต่ทว่าในเวลานี้เอง ลู่เมิ่งเหยากลับเอ่ยปากพูดกะทันหัน “บัดนี้ผู้ที่เจ้ากล่าวถึงอยู่ที่ใดรึ?”

“เทพธิดารู้จักคนดังกล่าวหรือขอรับ?”

เซียนที่กำลังจะจากไปชะงักงันไปกะทันหัน ราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังเพ่งมองลู่เมิ่งเหยา

“ระวังกิริยาท่าทางของเจ้าด้วย เทพธิดาเมิ่งเหยามาจากภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ”ท่านชายที่หยิบป้ายบัญชาการซ่างเสวียนออกมาในเมื่อครู่นี้พูด

“ภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์?”

เซียนคนนั้นจึงซี๊ดปากทันที รีบประสานมือกราบขอโทษแล้วพูด: “เมื่อครู่ข้าน้อยเสียงมารยาท ได้โปรดเทพธิดาช่วยให้อภัยด้วยนะขอรับ”

แม้นเมื่อครู่จะมีคนหยิบป้ายบัญชาการซ่างเสวียนออกมา แต่ก็ไม่สามารถทำให้เซียนคนนี้แสดงลักษณะท่าทีได้ต่ำต้อยเช่นนี้ ดูจากปฏิกิริยาของเขา หากความรู้สึกที่เขาเผชิญหน้ากับวังซ่างเสวียนคือความหวาดหวั่น เช่นนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ก็คือความเคารพยำเกรงแล้วล่ะ

“ตอบคำถามของข้ามา”สีหน้าอารมณ์ของลู่เมิ่งเหยายังคงเย็นเยือกเหมือนเคย ใบหน้าไร้ความรู้สึก

บางทีผู้อื่นอาจไม่ทราบความหมายแฝงของชื่อไท่ซ่างฉิง แต่ลู่เมิ่งเหยากลับทราบอยู่ว่าครั้นนางอยู่ในโลกามนุษย์ นางจำได้ว่าอดีตชาติของหลัวซิวก็คือไท่ซ่างฉิง!

นอกเสียจากในโลกเซียนมีคนที่ชื่อและนามสกุลเหมือนเขา แต่ว่าต่อให้อัตราความเป็นไปได้จะเล็กน้อยมากเพียงใดก็ตาม นางก็อยากสืบสาวให้แน่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อครู่นางก็เห็นเช่นกันว่าผู้ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้จิตเซียนแปรเปลี่ยนออกมาไม่ใช่หลัวซิวแต่อย่างใด

“ข้าน้อยก็ไม่ทราบเบาะแสของคนดังกล่าวเช่นกันขอรับ ฉะนั้นถึงได้มาตามหาเขา”เซียนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตอบกลับ

“แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องตามหาเขา?”ลู่เมิ่งเหยาถามอีกครั้ง

“สำหรับคำถามนี้ ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ไม่สามารถให้คำตอบกับเทพธิดา”เซียนดังกล่าวพูดอย่างรู้สึกผิด จากนั้นเงาร่างก็กระพริบครั้งหนึ่ง ผันเป็นแสงกลดวงหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วหายวับไป

ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ หลัวซิวซ่อนเร้นอยู่ในละแวกใกล้มาโดยตลอด จากการที่ผลการฝึกตนของเขาค่อย ๆ สูงขึ้น มาตรแม้นว่าเป็นเซียนผู้แข็งแกร่งก็ไม่สามารถค้นพบสถานซ่อนเร้นของเขา จากการที่ผลการฝึกตนของเขายิ่งสูง อุบายของไร้รูปไร้ลักษณ์ก็ยิ่งแข็งแกร่งเช่นกัน

เขาแทบจะไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าเซียนในเมื่อครู่นี้ต้องมาจากหอเยียนเซียะแน่นอน

อดีตเขาก็เคยยึดกุมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งเช่นกัน ในภพชาติของไท่ซ่างฉิง ยิ่งเคยนำพากองทัพเทพมารทำสงครามปราบปรามไปทั่วทุกสารทิศของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด แล้วจะไม่รู้แผนการที่ต้องพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ได้อย่างไรเล่า?

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการกระทำในหอเยียนเซียะของเขาทำให้ผู้แข็งแกร่งบางคนในเมืองหยุนม่านไม่พอใจ จึงอยากมีคนสังหารเขา หรือจับกุมตัวเขาภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทำให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหอเยียนเซียะได้รับผลกระทบ

มองดูเซียนคนนั้นจากไป ในขณะที่หลัวซิวกำลังจะเผยตัวเพื่อพบปะกับลู่เมิ่งเหยาอยู่นั้น ทว่าจู่ ๆ กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงเกิดขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ