มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3115

แดนต้องห้ามกระดูกฝังไม่ได้มีทางเข้าเพียงทางเดียวเท่านั้น และไม่ได้มีทางออกเพียงเส้นทางเดียวเช่นกัน

ขณะที่ออกจากแดนต้องห้ามกระดูกฝัง หลัวซิวกลับมาพร้อมกับแหวนเก็บของอีกสองสามวง

ออร่าเงียบสงัดที่อยู่ในแดนต้องห้ามสามารถกัดกร่อนทุกสรรพสิ่ง เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ตายอยู่ในแดนต้องห้ามกระดูกฝังแห่งนี้ แหวนเก็บของและภัณฑ์เซียนของพวกเขาล้วนสูญเสียความเป็นเทพ ถูกกาลเวลากัดกร่อนจนกลายเป็นฝุ่นผง

แต่ทว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยที่ตายอยู่ในแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ซึ่งมีแหวนเก็บของของผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนสองวง และระดับประมุขเซียนหนึ่งวง

ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อหลงอ้าวจวินและเหล่าภูตมรณะ ขอแค่พวกเขาอยู่ในแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ก็ได้รับพลังแห่งวัฏสงสารอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาจึงแทบจะไม่มีการสูญเสียใด ๆ เลย

ทรัพย์สินที่ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนและประมุขเซียนสะสมมาน่าทึ่งมากเพียงใด? อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดหวังคือสมบัติที่อยู่ในแหวนเก็บของเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสิ่งของที่เขาในปัจจุบันยังใช้งานไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่นราชาสมุนไพรที่ล้ำค่าทั้งหลาย ซึ่งล้วนเป็นของดีที่ใช้กลั่นโอสถเซียนระดับผู้ชนะ ยิ่งกว่านั้นคือยังมีกษัตริย์สมุนไพรที่ล้ำค่ามากกว่า มันเหมือนดั่งราชาในโอสถเซียน ซึ่งมีแก่นสารชีวิตที่น่าทึ่งแฝงซ่อนอยู่

ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เขาในวินาทีนี้ต้องการมากที่สุดก็คือกรองแก้วเซียน ในจำนวนกรองแก้วเซียนที่อยู่ในแหวนเก็บของทั้งสามวงก็มีน้อยมาก ๆ แต่ทว่าคุณภาพของกรองแก้วเซียนล้วนสูงมาก แย่สุดก็เป็นกรองแก้วเซียนชั้นสูงอยู่ ยิ่งกว่านั้นคือยังมีกรองแก้วเซียนชั้นยอดอีกจำนวนหนึ่ง

ทรัพยากรการฝึกตนอย่างกรองแก้วเซียนจะมีผลต่อเซียนที่อยู่ในสามแดนเซียน ทันทีที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงมหาแดนเซียน เริ่มตั้งแต่ราชาเซียนเป็นต้นไป การเพิ่มขึ้นของผลการฝึกตนก็ไม่สามารถอาศัยการสั่งสมผลการฝึกตนเพียงอย่างเดียวแล้ว

สิ่งที่ต้องการมากกว่าคือการตระหนักรู้ในธรรมวิถี ผู้แข็งแกร่งมหาเซียนบางส่วนที่อาจจะใช้เวลาเป็นหมื่นล้านปี แต่ผลการฝึกตนก็ไม่มีการพัฒนาเลยแม้แต่น้อย ทว่าทันทีที่มีการตรัสรู้กะทันหัน ก็จะมีโอกาสทลายพันธนาการได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ บรรลุถึงกษัตริย์เซียน ตลอดชนแดนประมุขเซียน

ดังนั้นของล้ำค่าอย่างราชาสมุนไพร กษัตริย์สมุนไพรและประมุขสมุนไพร จุดที่ล้ำค่าที่สุดของพวกมันไม่ใช่แก่นสารพลังชีวิตอันมากมายมหาศาลที่แฝงซ่อนอยู่ภายใน แต่เป็นผลล้ำธรรมเวชฟ้าดินที่แฝงอยู่ภายใน ซึ่งสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับมหาแดนเซียนตระหนักรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น แล้วยกระดับแดนธรรมเวชของตัวเอง เพื่อพัฒนาผลการฝึกตนของตัวเองต่อ

“เก็บโอสถเซียนตั้งแต่ระดับราชาสมุนไพรไว้ก่อน เมื่อมีกรองแก้วเซียนชั้นสูงและกรองแก้วเซียนชั้นยอดเหล่านี้ ควบคู่กับกรองแก้วเซียนที่ข้าได้รับในเมืองหยุนม่าน ก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้ผลการฝึกตนของข้าเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับได้แล้ว”

หลังจากออกจากแดนต้องห้ามกระดูกฝัง หลัวซิวก็มุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ที่ผู้คนเบาบาง ใช้ไร้ลักษณ์สลักลายค่ายสีมาเพลา ใช้เข็มทิศสาส์นเต๋าเป็นฐานค่าย ถึงผลการฝึกตนของเขาจะบรรลุถึงแดนเซียน แต่ก็ยังสามารถทำให้เวลาที่อยู่รอบกายเขาเคลื่อนที่ช้าลงเกือบร้อยเท่า!

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา การเพ็ญตนของข้าล้วนเป็นการใช้ไร้ลักษณ์หลอมรวมเข้ากับวรยุทธ์พลังอมตะต่าง ๆ ปัจจุบันข้าก้าวเข้าสู่แดนเซียน ระดับของวรยุทธ์พลังอมตะในอดีตไม่พอดูแล้ว จำเป็นต้องเน้นฝึกเวทย์ต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่างและเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างเป็นหลัก”

“เวทย์ต้องห้ามทั้งสองวิชานี้ล้วนเป็นเวทย์ศาสตร์เลิศล้ำ วิชาหนึ่งกลั่นวิญญาณ วิชาหนึ่งกลั่นร่าง ซึ่งสามารถเสริมกันให้เด่นชัดยิ่งขึ้น”

เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หลัวซิวสามารถสัมผัสได้ว่าภายใต้การโคจรเวทย์ต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง พลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนึกรวมกันจนแทบจะกลายเป็นแก่นแท้

ก่อนจะบรรลุสู่แดนเซียน พลังวิญญาณของเขาไร้รูป และหลังจากบรรลุถึงแดนเซียน หากมีวรยุทธ์กลั่นวิญญาณโดยเฉพาะ ก็จะสามารถผนึกรวมพลังวิญญาณมีรูปออกมา ซึ่งมันมีพลานุภาพที่ไร้ขอบเขต

เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปแล้วสิบปี สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเซียนแล้ว กาลเวลาหลักร้อยหลักพันปีก็เป็นเพียงหนึ่งชั่วลมหายใจเท่านั้น

ในขณะที่บำเพ็ญเวทย์ต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง หลัวซิวก็ไม่ได้ทิ้งการชุบกลั่นร่างเนื้อของเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างเช่นกัน จิตเซียนบริสุทธิ์ที่แฝงซ่อนอยู่ในกรองแก้วเซียนได้ชำระกลั่นเลือดเนื้อและกล้ามเนื้อทุกส่วน เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าฐานร่างของตัวเองได้รับการยกระดับอย่างต่อเนื่อง

หลังจากผ่านไป 20 ปี ประตูแห่งกฎเกณฑ์ชั้นแรกก็ถูกทลาย ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเซียนช่วงกลาง ส่วนพลังวิญญาณของเขากลับเทียบเท่าเซียนขั้นสูง ร่างเนื้อศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเพียงพอที่จะสามารถปะทะกับภัณฑ์เซียนชั้นกลางได้แล้ว

ระยะเวลา 20 ปีในโลกาภายนอกผ่านไป แต่เขาที่อยู่ในสีมาเพลากลับใช้เวลาไปสองพันปีแล้ว

และเวลาก็ล่วงเลยไปอีก 20 ปีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กรองแก้วเซียนที่อยู่ข้างกายหลัวซิวถูกใช้อย่างต่อเนื่อง ผลการฝึกตนของเขาทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์อีกครั้ง บรรลุถึงเซียนช่วงปลาย

พลังวิญญาณทลายแดนเซียน ก้าวเข้าสู่แดนเซียนดิน!

กาลเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งอย่างล้วนผ่านพ้นไปในการตบะที่เงียบเหงา

หลังจากเวลาในโลกาภายนอกผ่านไปหนึ่งร้อยปี หลัวซิวที่อยู่ในสีมาเพลาก็ใช้เวลาไปเกือบหมื่นปีแล้ว

เมื่อตัวหยั่งรู้ของเขาเปลี่ยนจากไร้รูปเป็นมีรูป มันก็จะกลายเป็น​​จักรวาลหยั่งรู้แห่งหนึ่ง

ตัวหยั่งรู้เหมือนจักรวาล ซึ่งเป็นตัวหยั่งรู้ที่ระดับสูงที่สุดแล้ว เป็นสัญลักษณ์ของศักยภาพที่ไร้ขอบเขตในอนาคต

เดิมทีตัวหยั่งรู้ของเขาคือจักรวาลที่ว่างเปล่า ปัจจุบันตัวหยั่งรู้ของเขากลับผนึกรวมดาราสีทองที่เปล่งประกายระยิบระยับออกมาหลายดวง ดาราทุกดวงล้วนผนึกรวมมาจากพลังวิญญาณที่เข้มข้น ดาราอันนับไม่ถ้วนผนึกรวมเข้าด้วยกัน แล้วกลายเป็นทางช้างเผือกสีทองสายหนึ่ง

ในจักรวาลที่มือทึบเงียบเหงา มีเพียงเส้นทางช้างเผือกสีทองสายหนึ่งที่เหมือนดั่งมังกร ซึ่งประณีตสวยวิจิตรอย่างยิ่ง

“สมกับเป็นวิชากลั่นวิญญาณเลิศล้ำจริง ๆ กาลเวลาหมื่นปี ตัวสำนึกของข้าก็บรรลุถึงระดับเซียนดินขั้นสูงแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ