บรรลุสู่แดนเซียนดิน หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังของตัวเองในวินาทีนี้ แข็งแกร่งกว่าครั้นยังเป็นเซียนหลายเท่าตัวมาก
การที่เขาบรรลุเป็นเซียนดินไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาเข้าใจดีมากว่าต่อให้บรรลุเป็นเซียนดิน เมื่ออยู่ในภูมิภาคสิบลี้แห่งโลกเซียนที่กว้างใหญ่ไพศาล เขาก็ยังคงเป็นเศษฝุ่นที่เล็กจิ๋วอยู่เช่นเคย
ผลการฝึกตนบรรลุถึงเซียนดิน สิ่งแรกที่หลัวซิวจะทำก็คือฝึกเซ่นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพใหม่อีกครั้ง ยกระดับให้มันกลายเป็นภัณฑ์เซียนชั้นกลาง
จากความล้ำลึกของสวรรค์ ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ล้นและร้าง บัดนี้ยังขาดคัมภีร์สวรรค์ ครั้นอยู่ในโลกามนุษย์ คัมภีร์สวรรค์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว หลัวซิวคาดคะเนว่าตงฟางหยุนอีอาจเป็นผู้นำคัมภีร์สวรรค์ไปหลังจากสังหารบรรพสวรรค์
เนื่องจากขาดคัมภีร์สวรรค์ ดังนั้นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพของหลัวซิวจึงไม่สมบูรณ์แบบแต่อย่างใด
มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ การใช้ตัวอ่อนภัณฑ์เซียนอย่างเข็มทิศสาส์นเต๋าเป็นพื้นฐาน แล้วหลอมกลั่นอัญดั้งเดิมเจ็ดชิ้น ทำให้วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่เขากลั่นออกมามีศักยภาพที่สูงส่งมาก
ในแหวนเก็บของของเขามีวัตถุดิบต่าง ๆ เยอะมาก ยิ่งกว่านั้นคือยังไม่ขาดแคลนแหล่งเซียนล้ำค่าที่ใช้กลั่นภัณฑ์เซียนชั้นสูงตลอดจนภัณฑ์เซียนผู้ชนะด้วย
เขาใช้อัคคีชาตะไร้ลักษณ์กลั่นแปร นำวัตถุดิบต่าง ๆ หลอมรวมเข้าไปในวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ใช้เวลาสามปียกระดับวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพให้ขึ้นไปเป็นภัณฑ์เซียนชั้นกลาง
แม้นจะเป็นชั้นกลาง แต่ถ้าเกิดพูดถึงพลานุภาพ มันกลับไม่ด้อยกว่าภัณฑ์เซียนชั้นสูงอย่างแน่นอน แล้วถ้าเกิดผันเป็นเข็มทิศสาส์นเต๋าโบยบินอยู่ในอนัตตา เช่นนั้นมันก็จะสามารถเทียบทัดภัณฑ์เซียนหกเหินชั้นยอด
และนี่ก็คือศักยภาพความสามารถของภัณฑ์เซียน และมีความเกี่ยวข้องกับลายเส้นธรรมเวชที่หลัวซิวสลักลงไปด้วยมือตนเอง
ปัจจุบัน พลังวิญญาณในจักรวาลหยั่งรู้ของเขาได้ผนึกรวมกันจนกลายเป็นมหาสมุทรดาราสีทองไปแล้ว
ท่ามกลางมหาสมุทรดาราสีทอง วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพวงหนึ่งกำลังค่อย ๆ โคจรอย่างช้า ๆ และมีออร่าความล้ำลึกของธรรมเวชสังสารวัฏไหลเวียนออกมา
ด้านการตระหนักรู้บนเส้นทางแห่งวัฏสงสารของหลัวซิวอยู่เหนือมกุฎเต๋าสังสารวัฏในอดีตตั้งนานแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือเซียนชั้นฟ้าส่วนมากก็ใช่ว่าจะสามารถเทียบเคียงการตระหนักรู้บนเส้นทางแห่งวัฏกับเขาได้เสมอไป
ไร้ลักษณ์เชี่ยวชาญการอนุมาน การวิวัฒนาการและด้านการตระหนักรู้ธรรมเวช จึงทำให้หลัวซิวมีข้อได้เปรียบที่เลิศเลอเป็นพิเศษ
อนาคตหากข้าต้องการแสวงหาขีดสูงสุดของวิถียุทธ์ ก็ต้องทำทุกก้าวให้สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ
การที่ผู้แข็งแกร่งวิถีเซียนทั่วไปสามารถตระหนักตรีภพ ลิขิตและวัฏสงสารได้ประเภทเดียวสามารถบรรลุเป็นผู้มากความสามารถวิถีเซียนแล้ว เป็นผู้มีอำนาจแห่งหนึ่งดินแดน
และหากข้าต้องการฝึกทั้งสามประเภท การมีวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่รองรับเส้นทางแห่งวัฏสงสารเพียงชิ้นเดียวยังไม่เพียงพอ
ยังจำเป็นต้องฝึกเซ่นภัณฑ์เซียนขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับการตระหนักรู้บนธรรมเวชตรีภพและลิขิตของข้า
มีเพียงการทำเช่นนี้ อนาคตเมื่อธรรมเวชทั้งสามหลอมรวมเป็นหนึ่ง ข้าก็จะสามารถทลายระดับเกณฑ์สูงศักดิ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น และมุ่งไปสู่เกณฑ์สรรค์ดับที่เลิศล้ำ
ถึงแม้ทั้งหมดนี้จะยังห่างไกลมากก็ตาม แต่หลัวซิวกลับจำเป็นต้องเตรียมการพร้อมล่วงหน้า หากจะรอลงมือในยามต้องการ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะสายไป
เขาเดินออกจากสถานปิดขัง แล้วเหม่อมองไปยังทิศทางของแดนต้องห้ามกระดูกฝัง
สายลมพัดผ่านใบหน้าเขา พัดเส้นผมของเขาให้ลอยขึ้น แววตาของเขาดูลึกซึ้งมาก แต่จิตใจกลับล่องลอยไปในที่ห่างไกล
ขณะที่ออกจากแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ภายใต้การช่วยเหลือจากหลงอ้าวจวิน เขาได้ปิดผนึกทางวาร์ปของสะพานทะยานเซียนเอาไว้
ถึงแม้แม่ของเขาเทพธิดาเมี่ยวฮว๋าจะทลายจุดวาร์ปของสะพานทะยานเซียนจนแตกสลาย แต่กลับไม่ได้ทำลายทั้งค่ายวาร์ปโดยสิ้นเชิง บางทีแม้นนางจะไม่อยากให้บุตรตนเองผูกติดอยู่ในระลอกคลื่นแห่งความวุ่นวายของโลกเซียน แต่ก็ยังแอบคาดหวังในใจอยู่
เมื่อคำนวณตามระยะเวลาที่ไท่ซ่างฉิงกำเนิดในโลกามนุษย์ ครั้นราชาเซียนหยุนหลงและราชาเซียนเฉว่โยวใช้สะพานทะยานเซียนลงไปโลกามนุษย์ แดนต้องห้ามกระดูกฝังยังไม่ปรากฏ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าราชาเซียนสองตนนั้นต่างเป็นบุคคลในยุคโบราณก่อน
นอกเหนือจากนี้แล้ว หลัวซิวยังสอบถามเรื่องราวของเฉว่โยวหวูจี๋กับหลงอ้าวจวินด้วย อ้างอิงจากคำพูดของหลงอ้าวจวิน เฉว่โยวหวูจี๋มีชีวิตรอดออกไปจากแดนต้องห้ามกระดูกฝังจริง ๆ เนื่องจากเขาไม่ได้พยายามเข้าใกล้แดนสุขาวดีแห่งนั้นแต่อย่างใด อีกทั้งเฉว่โยวหวูจี๋ในตอนนั้นก็เป็นเพียงกึ่งเซียนคนหนึ่ง และวาร์ปมาจากโลกามนุษย์ด้วย ดังนั้นหลงอ้าวจวินจึงไม่ได้ลงมือ
ในส่วนของเหล่ามกุฎเต๋าประมุขเต๋าที่มาพร้อมกับหลัวซิวนั้น คนส่วนมากล้วนถูกฝูงแมลงซื่อเซียนดูดกลืนไปแล้ว นอกเหนือจากเทพธิดาหยุนเซวียนและหลินเทียน ยังมีอีกคนหนึ่งที่มีชีวิตรอดออกไปจากแดนต้องห้ามกระดูกฝัง
ซึ่งคนดังกล่าวก็คือจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ สวีเฉิงอัน
“สมกับเป็นบุคคลผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถสอดแนมชะตาชีวิตจริง ๆ หวังว่าผู้เพื่อนยุทธ์สวีจักมีชีวิตคงอยู่ดี ๆ นะ อนาคตหลังจากบรรลุมรรคผลกลายเซียนเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมคำมั่นสัญญาที่เจ้าเคยให้ไว้กับข้าเมื่อปีนั้นล่ะ”
ใช้ไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าออร่า ขอแค่ไม่เจอผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนเป็นต้นไป ก็จะมีน้อยคนมากที่สามารถมองเห็นความผิดปกติบนตัวเขา
“ปัจจุบันข้าเป็นเซียนดินแล้ว หากต้องการยกระดับผลการฝึกตนให้ขึ้นไปถึงเซียนชั้นฟ้า วิธีการที่ดีที่สุดก็คือบรรลุเป็นนักโอสถเซียนระดับกลาง แล้วกลั่นโอสถเซียนระดับดินเอง”
“ถ้าฝึกตนโดยอาศัยกรองแก้วเซียน เกรงว่าหากข้าต้องการฝึกถึงแดนเซียนชั้นฟ้า หากไม่มีกรองแก้วเซียนชั้นสูงเป็นล้าน ๆ ก้อนคงทำได้ยากมาก”
“โชคดีที่ข้ามีเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างที่สามารถทลายพิษที่ปนอยู่บนตัวยา มิเช่นนั้นละก็หากมีอุปสรรคอย่างพิษบนตัวยาเพิ่มเข้ามาอีก เกรงว่าแม้จะใช้เวลาอีกเป็นพันเป็นหมื่นปี ข้าก็อย่าคิดว่าจะสามารถบรรลุถึงแดนเซียนชั้นฟ้าได้เลย”
สำหรับหลัวซิวแล้ว การบรรลุเป็นนักโอสถเซียนระดับกลางไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด จากความสามารถในการอนุมานของไร้ลักษณ์ ขอแค่เขาได้รับตำรับยาของโอสถเซียนระดับดิน ก็จะสามารถอนุมานวิชาการกลั่นยาที่เหมาะสมกับตัวเองออกมาได้อย่างรวดเร็ว
เตายาระดับภัณฑ์เซียนชั้นกลางมีแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ยกระดับเซียนอัคคีชาตะไร้ลักษณ์ของข้าให้ขึ้นไปถึงเซียนอัคคีระดับดิน
วัตถุดิบที่สามารถเลื่อนขั้นเซียนอัคคีนั้นตามหายากมาก เมื่อปีนั้นเพื่อทำให้อัคคีชาตะไร้ลักษณ์เลื่อนขึ้นไปถึงระดับเซียนอัคคีปุถุชน ก็ได้ทำการใช้กรองแก้วเซียนชั้นล่างสองล้านก้อนซื้อแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นยอดชิ้นหนึ่งมา
หากเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดในการยกระดับเซียนอัคคีระดับดิน มูลค่าของมันคงต้องสูงกว่าแก่นสารไฟลายเมฆีชั้นยอดหลายร้อยเท่าแน่นอน หรือกรองแก้วเซียนชั้นกลางประมาณสองล้านก้อนนั่นเอง
ในโลกเซียน ยิ่งเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากเท่าไหร่ คุณภาพของกรองแก้วเซียนที่ต้องใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนก็ยิ่งสูงเท่านั้น
โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถซื้อขายสมบัติระดับเซียนปุถุชนทั่วไปได้ด้วยกรองแก้วเซียนชั้นล่าง ระดับเซียนดินใช้กรองแก้วเซียนชั้นกลาง ระดับเซียนชั้นฟ้าใช้กรองแก้วเซียนชั้นสูง สำหรับสมบัติที่ระดับขั้นไม่สูงนั้น นอกเสียจากเป็นสิ่งของที่ล้ำค่าและพิเศษมาก ๆ ถึงจะใช้กรองแก้วเซียนคุณภาพสูงมาซื้อขายแลกเปลี่ยน
ยกตัวอย่างเช่นเซียนอัคคีต่างพันธุ์ เซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองถือเป็นสมบัติระดับเซียนดิน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้กรองแก้วเซียนชั้นสูงมาซื้อขายแลกเปลี่ยน
ประเทศเซียนฉื้อหมิงในปัจจุบันกำลังอยู่ในความวุ่นวาย ราชาเซียนฉื้อหมิงดับสลายสูญสิ้นมาเป็นร้อยปีแล้ว กองกำลังทั้งหลายต่างแก่งแย่งช่วงชิงกันและกัน มีราชาเซียนจำนวนไม่น้อยลงมือโจมตีอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ ล้วนต้องการกลายเป็นผู้ชี้ขาดของประเทศเซียนประเทศหนึ่ง
หลัวซิวไม่มีอารมณ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะออกจากประเทศเซียนนี้ ไปเที่ยวสำรวจในสถานที่อื่น ๆ ดู
โลกเซียนกว้างใหญ่ไพศาล มีภูมิภาคสิบลี้ ประเทศเซียนฉื้อหมิงก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของภูมิภาคขีดจัตุเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง ล้วนมีประเทศเซียนเป็นพันเป็นหมื่นประเทศ มีราชวงศ์เซียนที่นับไม่ถ้วน มีแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สยบฟ้าดินอีกหลายกองกำลัง
เพราะฉะนั้นความกว้างใหญ่ของโลกเซียน จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่อาจจินตนาการได้เลย มาตรแม้นว่าเป็นเซียนชั้นฟ้าหรือราชาเซียน สถานดินแดนที่พวกเขาเคยย่างกรายไปก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงของโลกเซียนที่กว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...