มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3120

หุ่นของจวินหลินสูงโปร่ง กำลังอมยิ้ม ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนได้อาบน้ำในช่วงฤดูผลไม้

ส่วนจื่อหลงกลับกำยำ ออร่าดูแข็งกร้าว แววตาดุดัน ให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนที่เผด็จการมาก

“ศิษย์น้องเมี่ยวหลิง จิตใจของผู้คนในปัจจุบันเหี้ยมโหด เจ้าอย่าถูกคนอื่นหลอกเข้าล่ะ”

หลังจากจื่อหลงปรากฏ สายตาเขาก็ร่วงลงบนตัวหลัวซิว แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด “ได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าร่างญาณของชนเผ่าไท่ซ่างเลิศล้ำ เดี๋ยวข้าขอทดลองดูหน่อยแล้วกัน”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น จื่อหลงนี่ก็ลงมือโดยตรง เส้นผมยาวสีม่วงของเขาปลิวลอย กลางฝ่ามือมีแสงม่วงโอบล้อม แล้วขยำไปทางหลัวซิวดั่งกรงเล็บมังกรสีม่วง

“จื่อหลง เจ้าทำเกินไปแล้วนะ”

และในเวลานี้ ผู้ที่ลงมือขัดขวางจื่อหลงกลับเป็นศิษย์พี่จวินหลินนั่น เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง แสงเขียวกลุ่มหนึ่งจึงแย้มบานออกไป ต้านทานกรงเล็บมังกรสีม่วงเอาไว้

เหมือนเมี่ยวหลิงก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจื่อหลงจะลงมือต่อหน้านางอย่างอุกอาจ ใบหน้าที่เรียวบางดูเยือกเย็น

“จื่อหลง เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? บัดนี้เจ้ายังไม่ใช่เทพบุตร ต่อให้เจ้ากลายเป็นเทพบุตรแล้ว คนที่ข้าพามาก็เป็นผู้ที่เจ้าสามารถแตะต้องได้หรือ?”

สีหน้าของหลัวซิวก็หม่นหมองลงเช่นกัน ที่เขาเดินทางมาในครั้งนี้เพราะที่นี่มีเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับแม่เขา แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อมาถึงที่นี่จะมีคนกีดกันตัวเองด้วย

ภาชนะติ่งปีศาจมังกร ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้สั่นเทิ้ม เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก

“บังอาจลงมือโจมตีนายท่าน นายท่ายปล่อยข้าออกไป เดี๋ยวข้าจักระเบิดมันให้ตาย!”ภูตติ่งปีศาจมังกรยื่นศีรษะออกมา แล้วตะโกนพูดเอะอะเสียงดัง

ช่วงนี้การได้ใช้ชีวิตอยู่ในมหาสมุทรดาราสีทองของจักรวาลหยั่งรู้ ทำให้ภูตติ่งปีศาจมังกรไม่ค่อยมีความสุข มันถูกดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าสะกดทุกวัน มันอยากออกไปสูดอากาศหายใจด้านนอกมากจริง ๆ

“จวินหลิน เจ้าจักขวางข้ารึ? ข้าก็แค่อยากทดสอบศักยภาพของมันดูเท่านั้นเอง”

จื่อหลงค่อย ๆ ชักมือกลับมา สายตาที่เยือกเย็นจ้องเขม็งไปทางหลัวซิว

“แค่เซียนดินกระจอก ๆ ก็มีสิทธิ์มาช่วงชิงตำแหน่งเทพบุตรรึ?”จื่อหลงดูเหยียดมาก ราวกับไม่นำหลัวซิวมาไว้ในสายตาด้วยซ้ำ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวก็รู้สึกงงมาก ตำแหน่งเทพบุตร? นี่มันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า?

เมี่ยวหลิงไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด ดวงตามงดงามที่เยือกเย็นจ้องมองจื่อหลง “จื่อหลง ระวังคำพูดคำจาของเจ้าด้วย ไท่ซ่างฉิงเป็นบุตรแห่งจักรพรรดิเซียน เจ้าดูเหมือนว่าเขาเป็นมดตัวจ้อย ก็เท่ากับดูหมิ่นจักรพรรดิเซียน เจ้าแบกรับโทษฐานความผิดนี้ได้หรือ?”

“บุตรจักรพรรดิ? ฮ่าฮ่า ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ามันใช่ตัวจริงหรือไม่ ต่อให้ใช่ตัวจริง ในโลกนี้ผู้แข็งแกร่งก็ย่อมเป็นจ้าวเสมอ ไม่ว่าตัวตนจะเป็นอย่างไร หากไม่มีศักยภาพก็เป็นได้เพียงมดตัวจ้วยเท่านั้นแหละ!”จื่อหลงทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นแล้วพูด

ลักษณะท่าทีของจื่อหลงแข็งกร้าวมาก มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งแพร่กระจายออกมาจากร่างกาย พฤติกรรมเช่นนี้ของเขาดูเหมือนจะอวดดีอย่างบ้าระห่ำ แท้จริงแล้วมันเป็นความเกะกะระรานที่เกิดจากศักยภาพของตัวเอง

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สมัครเทพบุตรแห่งเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเซียนชั้นฟ้าตั้งนานแล้ว วรยุทธ์ที่ฝึกก็เป็นวรยุทธ์จักรพรรดิเซียนชั้นสุดยอด ควบคู่กับเขาเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานอีก ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชาเซียนจึงแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย

“จื่อหลงเจ้าอย่าลืมนะว่าวรยุทธ์จักรพรรดิเซียนที่เจ้าฝึกกำเนิดจากจักรพรรดิหญิง!”สีหน้าอารมณ์ของเมี่ยวหลิงเย็นเยือกมากยิ่งขึ้น

“หึ ศิษย์น้องเมี่ยวหลิง เจ้าเลิกนำจักรพรรดิหญิงมาข่มข้าได้แล้ว คอยกลายเป็นเทพบุตรเมื่อไหร่ เจ้าก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องได้กลายเป็นคู่ครองของข้า บัดนี้ไยเจ้าจึงเอาแต่เข้าข้างคนนอก?”

จื่อหลงพูดอย่างถือดีมาก ๆ “หากมันมีศักยภาพก็แล้วไป หากศักยภาพของมันต้านทานหนึ่งพลังโจมตีของข้าไม่ได้ ถึงตายไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย แล้วจะมีสิทธิ์มาช่วงชิงตำแหน่งเทพบุตรหรือ?”

จิตสังหารที่ไร้รูปแผ่ขยายออกไป คนอื่นที่เหลือต่างพากันถดถอย บนสนามจึงเหลือแค่เพียงจวินหลินและเมี่ยวหลิงที่ขวางอยู่ด้านหน้าหลัวซิว

“เหอะ ๆ นี่คือบุตรจักรพรรดิที่กล่าวถึงน่ะหรือ? ก็ทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังสตรี แล้วรอให้ผู้อื่นมาคุ้มกันเท่านั้นแหละ”

จื่อหลงก้าวเดินไปข้างหน้า “จวินหลิน เมี่ยวหลิง ข้าแนะนำให้พวกเจ้าอย่าขวางข้าจะดีกว่า เพราะพวกเจ้าขวางข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้ร่วมมือกันก็ไม่มีประโยชน์!”

เส้นผมสีม่วงของเขาสยายออก ดั่งมารคลั่ง แสงม่วงที่ซัดสาดพรั่งพรูออกมาจากร่างกายเขา แล้วกลายเป็นกรงเล็บมังกรสีม่วงขนาดใหญ่ ปกคลุมพื้นที่ทั้งท้องฟ้า

“ในเมื่อเจ้าอยากเป็นเทพบุตรขนาดนี้ เช่นนั้นก็ผ่านด่านข้าไปให้ได้ก่อนเถอะ”

จวินหลินลงมือแล้ว ต่างเป็นผู้สมัครเทพบุตรเหมือนกัน เดิมที่เขาและจื่อหลงก็เป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว อีกทั้งอุปนิสัยของทั้งสองคนก็แทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย

คนหนึ่งอ่อนโยนดั่งสายลมในฤดูผลไม้ คนหนึ่งแข็งกร้าวเผด็จการ

นิ้วมือกลายกระบี่ รัศมีที่เฉียบคมโผล่ ๆ หาย ๆ ฉีกกระชากสุญญากาศ พลังโจมตีหนึ่งของผู้สมัครเทพบุตรทั้งสองพุ่งชนกันกลางอากาศ

“ตู้มม!”

เสียงระเบิดที่ต่ำตุ้มสะท้อนออกไป ทั้งสองต่างไม่อยากลงไม้ลงมือกันอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงระงับคลื่นพลังเอาไว้ ส่งผลให้พลังกระทบแค่ในวงเล็ก

“โฮกก!”

เงาลวงของมังกรแท้สีม่วงตัวหนึ่งปรากฏด้านหลังจื่อหลง ก่อนที่พลังออร่าของเขาจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะอย่างดุดัน

เมี่ยวหลิงกระโดดครั้งหนึ่ง ผันร่างเป็นแสงกลแล้วบินจากไป

หลัวซิวก็ผันร่างเป็นแสงกลแล้วบินตามไปเช่นกัน ไม่นานนัก พวกเขาก็เข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ในโลกาแดนปริศนาแห่งนี้ ภาพฉากที่อยู่ภายในดูมีมนต์ขลัง ภายในหุบเขามีหอคอยหลังหนึ่ง ซึ่งประณีตสวยหรูมาก

ก้าวเดินเข้าไปในหอคอย ทั้งคู่นั่งประจันหน้ากัน หลัวซิวกำลังจ้องมองนางด้วยแววตาเชิงสอบถาม

“ภูมิภาคสิบลี้แห่งโลกเซียน ในทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีเทพธิดาและเทพบุตร ซึ่งจะคัดเลือกผู้สมัครจากหมู่วัยรุ่น”

เมี่ยวหลิงปรับคำพูดภาษาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ อธิบาย “ข้าคือเทพธิดาในยุคนี้ และเทพบุตรยุคก่อนของเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์เพิ่งกลายเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นตำแหน่งเทพบุตรของยุคนี้จึงว่างชั่วคราว”

“แล้วนี่มันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า?”หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

“อ้างอิงจากกฎเกณฑ์ของเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ เทพธิดาในทุกยุคล้วนต้องแต่งงานกับเทพบุตร เมื่อเป็นเช่นนี้ถึงจะสามารถกำเนิดรุ่นหลังที่โดดเด่นยิ่งกว่า”เมี่ยวหลิงถอนหายใจแล้วพูด

“ห๊ะ?”

หลัวซิวรู้สึกมึนงงเล็กน้อย “หากเทพธิดาต้องแต่งงานกับเทพบุตรละก็ เช่นนั้นท่านแม่และท่านพ่อข้า……”

“เมื่อปีนั้นจักรพรรดิหญิงถูกคนใช้อำนาจลักพาไป”มีความเก้อเขินเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าเมี่ยวหลิง

หลัวซิวรู้สึกมึนงงอีกครั้ง “ท่านพ่อข้าดุดันเช่นนั้นเลยรึ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า……”

คำพูดนี้ของหลัวซิวทำเอาเมี่ยวหลิงหลุดขำ “ดุดันมากอยู่แล้วสิ ทั้งยังดุดันจนระเนระนาดย่ำแย่สุด ๆ ไปเลย ท่านพลิกฝ่ามือเพียงครั้งเดียว เทพบุตรยุคก่อนก่อนก็ถูกโจมตีจนกระอักเลือดบาดเจ็บสาหัสเลย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เมี่ยวหลิงก็ไม่หัวเราะอีก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “เมื่อปีนั้นเรื่องนี้ก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่เล็กเช่นกัน กระทั่งต่อมาท่านพ่อเจ้าบรรลุเป็นมกุฎเซียน มีศักยภาพมกุฎเซียนที่แทบจะสามารถต่อกรสังหารจักรพรรดิเซียน โลกเซียนนั้นกว้างใหญ่ จึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรอีก”

“นี่ข้าว่านะโฉมงาม เหมือนทั้งหมดที่เจ้าพูดมาจะไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคำถามที่ข้าเพิ่งถามนะ? เจ้าหลงประเด็นไปหน่อยไหม?”หลัวซิวพูดเน้นย้ำ

ถึงแม้เขาก็อยากรู้เรื่องราวในอดีตของพ่อแม่เช่นกัน แต่วินาทีนี้เขากลับเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองมากกว่า เขาไม่อยากถูกคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งหมายตาไว้ตลอดเวลาหรอกนะ

“ต้องมีความเกี่ยวข้องอยู่แล้วสิ เพราะข้าไม่อยากแต่งงานกับเทพบุตรในยุคนี้”เมี่ยวหลิงตอบกลับ

“เพราะเหตุใดหรือ? ข้ารู้สึกว่าจวินหลินนั่นก็ไม่ค่อยเลวเลยนะ”หลัวซิวรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “อีกอย่างแม้นเจ้าจักไม่อยากแต่งงานกับเขา แล้วมันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้ารึ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ