หุ่นของจวินหลินสูงโปร่ง กำลังอมยิ้ม ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนได้อาบน้ำในช่วงฤดูผลไม้
ส่วนจื่อหลงกลับกำยำ ออร่าดูแข็งกร้าว แววตาดุดัน ให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนที่เผด็จการมาก
“ศิษย์น้องเมี่ยวหลิง จิตใจของผู้คนในปัจจุบันเหี้ยมโหด เจ้าอย่าถูกคนอื่นหลอกเข้าล่ะ”
หลังจากจื่อหลงปรากฏ สายตาเขาก็ร่วงลงบนตัวหลัวซิว แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด “ได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าร่างญาณของชนเผ่าไท่ซ่างเลิศล้ำ เดี๋ยวข้าขอทดลองดูหน่อยแล้วกัน”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น จื่อหลงนี่ก็ลงมือโดยตรง เส้นผมยาวสีม่วงของเขาปลิวลอย กลางฝ่ามือมีแสงม่วงโอบล้อม แล้วขยำไปทางหลัวซิวดั่งกรงเล็บมังกรสีม่วง
“จื่อหลง เจ้าทำเกินไปแล้วนะ”
และในเวลานี้ ผู้ที่ลงมือขัดขวางจื่อหลงกลับเป็นศิษย์พี่จวินหลินนั่น เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง แสงเขียวกลุ่มหนึ่งจึงแย้มบานออกไป ต้านทานกรงเล็บมังกรสีม่วงเอาไว้
เหมือนเมี่ยวหลิงก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจื่อหลงจะลงมือต่อหน้านางอย่างอุกอาจ ใบหน้าที่เรียวบางดูเยือกเย็น
“จื่อหลง เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? บัดนี้เจ้ายังไม่ใช่เทพบุตร ต่อให้เจ้ากลายเป็นเทพบุตรแล้ว คนที่ข้าพามาก็เป็นผู้ที่เจ้าสามารถแตะต้องได้หรือ?”
สีหน้าของหลัวซิวก็หม่นหมองลงเช่นกัน ที่เขาเดินทางมาในครั้งนี้เพราะที่นี่มีเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับแม่เขา แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อมาถึงที่นี่จะมีคนกีดกันตัวเองด้วย
ภาชนะติ่งปีศาจมังกร ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้สั่นเทิ้ม เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก
“บังอาจลงมือโจมตีนายท่าน นายท่ายปล่อยข้าออกไป เดี๋ยวข้าจักระเบิดมันให้ตาย!”ภูตติ่งปีศาจมังกรยื่นศีรษะออกมา แล้วตะโกนพูดเอะอะเสียงดัง
ช่วงนี้การได้ใช้ชีวิตอยู่ในมหาสมุทรดาราสีทองของจักรวาลหยั่งรู้ ทำให้ภูตติ่งปีศาจมังกรไม่ค่อยมีความสุข มันถูกดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าสะกดทุกวัน มันอยากออกไปสูดอากาศหายใจด้านนอกมากจริง ๆ
“จวินหลิน เจ้าจักขวางข้ารึ? ข้าก็แค่อยากทดสอบศักยภาพของมันดูเท่านั้นเอง”
จื่อหลงค่อย ๆ ชักมือกลับมา สายตาที่เยือกเย็นจ้องเขม็งไปทางหลัวซิว
“แค่เซียนดินกระจอก ๆ ก็มีสิทธิ์มาช่วงชิงตำแหน่งเทพบุตรรึ?”จื่อหลงดูเหยียดมาก ราวกับไม่นำหลัวซิวมาไว้ในสายตาด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวก็รู้สึกงงมาก ตำแหน่งเทพบุตร? นี่มันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า?
เมี่ยวหลิงไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด ดวงตามงดงามที่เยือกเย็นจ้องมองจื่อหลง “จื่อหลง ระวังคำพูดคำจาของเจ้าด้วย ไท่ซ่างฉิงเป็นบุตรแห่งจักรพรรดิเซียน เจ้าดูเหมือนว่าเขาเป็นมดตัวจ้อย ก็เท่ากับดูหมิ่นจักรพรรดิเซียน เจ้าแบกรับโทษฐานความผิดนี้ได้หรือ?”
“บุตรจักรพรรดิ? ฮ่าฮ่า ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ามันใช่ตัวจริงหรือไม่ ต่อให้ใช่ตัวจริง ในโลกนี้ผู้แข็งแกร่งก็ย่อมเป็นจ้าวเสมอ ไม่ว่าตัวตนจะเป็นอย่างไร หากไม่มีศักยภาพก็เป็นได้เพียงมดตัวจ้วยเท่านั้นแหละ!”จื่อหลงทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นแล้วพูด
ลักษณะท่าทีของจื่อหลงแข็งกร้าวมาก มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งแพร่กระจายออกมาจากร่างกาย พฤติกรรมเช่นนี้ของเขาดูเหมือนจะอวดดีอย่างบ้าระห่ำ แท้จริงแล้วมันเป็นความเกะกะระรานที่เกิดจากศักยภาพของตัวเอง
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สมัครเทพบุตรแห่งเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเซียนชั้นฟ้าตั้งนานแล้ว วรยุทธ์ที่ฝึกก็เป็นวรยุทธ์จักรพรรดิเซียนชั้นสุดยอด ควบคู่กับเขาเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานอีก ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชาเซียนจึงแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
“จื่อหลงเจ้าอย่าลืมนะว่าวรยุทธ์จักรพรรดิเซียนที่เจ้าฝึกกำเนิดจากจักรพรรดิหญิง!”สีหน้าอารมณ์ของเมี่ยวหลิงเย็นเยือกมากยิ่งขึ้น
“หึ ศิษย์น้องเมี่ยวหลิง เจ้าเลิกนำจักรพรรดิหญิงมาข่มข้าได้แล้ว คอยกลายเป็นเทพบุตรเมื่อไหร่ เจ้าก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องได้กลายเป็นคู่ครองของข้า บัดนี้ไยเจ้าจึงเอาแต่เข้าข้างคนนอก?”
จื่อหลงพูดอย่างถือดีมาก ๆ “หากมันมีศักยภาพก็แล้วไป หากศักยภาพของมันต้านทานหนึ่งพลังโจมตีของข้าไม่ได้ ถึงตายไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย แล้วจะมีสิทธิ์มาช่วงชิงตำแหน่งเทพบุตรหรือ?”
จิตสังหารที่ไร้รูปแผ่ขยายออกไป คนอื่นที่เหลือต่างพากันถดถอย บนสนามจึงเหลือแค่เพียงจวินหลินและเมี่ยวหลิงที่ขวางอยู่ด้านหน้าหลัวซิว
“เหอะ ๆ นี่คือบุตรจักรพรรดิที่กล่าวถึงน่ะหรือ? ก็ทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังสตรี แล้วรอให้ผู้อื่นมาคุ้มกันเท่านั้นแหละ”
จื่อหลงก้าวเดินไปข้างหน้า “จวินหลิน เมี่ยวหลิง ข้าแนะนำให้พวกเจ้าอย่าขวางข้าจะดีกว่า เพราะพวกเจ้าขวางข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้ร่วมมือกันก็ไม่มีประโยชน์!”
เส้นผมสีม่วงของเขาสยายออก ดั่งมารคลั่ง แสงม่วงที่ซัดสาดพรั่งพรูออกมาจากร่างกายเขา แล้วกลายเป็นกรงเล็บมังกรสีม่วงขนาดใหญ่ ปกคลุมพื้นที่ทั้งท้องฟ้า
“ในเมื่อเจ้าอยากเป็นเทพบุตรขนาดนี้ เช่นนั้นก็ผ่านด่านข้าไปให้ได้ก่อนเถอะ”
จวินหลินลงมือแล้ว ต่างเป็นผู้สมัครเทพบุตรเหมือนกัน เดิมที่เขาและจื่อหลงก็เป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว อีกทั้งอุปนิสัยของทั้งสองคนก็แทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย
คนหนึ่งอ่อนโยนดั่งสายลมในฤดูผลไม้ คนหนึ่งแข็งกร้าวเผด็จการ
นิ้วมือกลายกระบี่ รัศมีที่เฉียบคมโผล่ ๆ หาย ๆ ฉีกกระชากสุญญากาศ พลังโจมตีหนึ่งของผู้สมัครเทพบุตรทั้งสองพุ่งชนกันกลางอากาศ
“ตู้มม!”
เสียงระเบิดที่ต่ำตุ้มสะท้อนออกไป ทั้งสองต่างไม่อยากลงไม้ลงมือกันอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงระงับคลื่นพลังเอาไว้ ส่งผลให้พลังกระทบแค่ในวงเล็ก
“โฮกก!”
เงาลวงของมังกรแท้สีม่วงตัวหนึ่งปรากฏด้านหลังจื่อหลง ก่อนที่พลังออร่าของเขาจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะอย่างดุดัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...