ชีวิตในสำนักเซียนเสวียนแท้นั้นธรรมดาเหมือนน้ำ
นอกเหนือจากการฝึกฝนทุกวันแล้ว หลัวซิวยังเดินออกจากบ้านไม้และนั่งอยู่บนเมฆมองดูห้องโถงเสวียนแท้ที่อยู่ลึกเข้าไปในประตูภูเขา
เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ เทพธิดาขีดไฟมาถึง สำนักเซียน เรือเซียนไฟกัลป์ลอบอยู่บนท้องฟ้าด้านนอกสำนักซึ่งแสดงให้เห็นว่านางยังไม่ได้จากไป
การฝึกฝนยุทธ์ถึงระดับเซียนแล้ว และการเพิ่มผลการฝึกฝนไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน
แม้ว่าเขาจะมีทรัพยากรในการฝึกฝนเพียงพอ แต่ครั้งสุดท้ายที่หลัวซิวบุกทะลวงเข้าสู่เซียนดิน เขาต้องใช้เวลาถึงร้อยปี เมื่อแปลงเป็นในสีมาเพลา นั่นก็จะนับหมื่นปี
ในฐานะศิษย์นอกสำนัก เขายังต้องไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ขีดจัตุ
ในบรรดาภูมิภาคสิบลี้ของโลกเซียน กองกำลังที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทั้งมรดกของจักรพรรดิเซียน หรือมีมรดกอันทรงพลังของมกุฎเซียนที่เทียบได้กับจักรพรรดิเซียน
ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันมีจักรพรรดิเซียนเพียงไม่กี่คนในแต่ละยุค เผ่าไท่ซ่างหายไปนานแล้วมีเพียงชื่อเสียงยังหลงเหลือยู่และยังถูกผู้คนจำนวนมากในโลกลืมไปอีกด้วย
ดังนั้นในโลกเซียน แดนศักดิ์สิทธิ์มรดกระดับจักรพรรดิเซียนที่ได้รับการยอมรับคือเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลดึกดำบรรพ์ ตระกลูนัตกาล เผ่าจิ่วโยว
ไม่มีจักรพรรดิเซียนคนใดเคยปรากฏตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นใด และในเผ่าตรีภพก็ไม่เคยมีจักรพรรดิเซียนจากท่ามกลางหกเผ่าโบราณ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่เคยมีจักรพรรดิเซียนจึงไม่ได้หมายความว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อ่อนแอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมรดกระดับจักรพรรดิเซียน ตัวอย่างเช่นเผ่าตรีภพชนเผ่าของพวกเขาเกิดมาพร้อมกับความรู้ในการฝึกฝนธรรมลักษณ์ฟ้าดิน และพลังการต่อสู้ของพวกเขาก็เป็นหนึ่งในเผ่าที่แข็งแกร่งมากที่สุดในแดนเดียวกัน อยู่ยงคงกระพัน!
เผ่าตรีภพเคยมีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเซียนหลายคน ซึ่งแต่ละคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ยงคงกระพันซึ่งสามารถหยุดจักรพรรดิเซียนและฝึกฝนจนร่างสูงถึงหมื่นฟุตได้
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ขีดจัตุนั้นจริงๆ แล้วเป็นการรวมตัวกันของกองกำลังหลักทั้งสี่ กองกำลังเดียวก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม หากกองกำลังทั้งสี่รวมกัน พวกเขาสามารถสร้างมรดกแดนศักดิ์สิทธิ์และควบคุมภูมิภาคนี้ได้
ตัวแทนของกองกำลังทั้งสี่นี้คือดินลมน้ำไฟสี่วัง วังขีดดินคือเผ่ากิเลน วังขีดลมคือเผ่าเสือขาว วังขีดน้ำคือเผ่ากัศปะ วังขีดไฟคือเผ่าหงส์เซียน
“อย่างนี้นี่เอง”
หลังจากที่หลัวซิวค้นหาข้อมูลนี้พบ เขาก็เข้าใจทันทีว่าเผ่าญาติวิหกเพลิงในอโลกามนุษย์น่าจะเป็นสาขาที่แยกออกมาของเผ่าหงส์เซียนในวังขีดไฟจากโลกเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย
เยว่เอ๋อร์ได้รับมรดกจากบรรพบุรุษรุ่นที่สามของเผ่าหงส์เซียนในปริภูมิต้องห้าม เนื่องจากระดับสายเลือดของนางเกือบจะสูงพอๆ กับบรรพบุรุษรุ่นที่เก้า นางจึงถูกส่งไปยังโลกเซียนโดยตรงเมื่อนางใช้ค่ายกล ก่อนหน้านี้หลัวซิวรู้อยู่แล้วว่าจากโลกามนุษย์สู่โลกเซียน หรือจากโลกเซียนสู่โลกามนุษย์ ไม่เพียงแต่มีสะพานทะยานเซียนเท่านั้น แต่ยกเว้นเส้นทางสะพานทะยานเซียน วิธีอื่นที่สามารถใช้ได้ต้องมีเงื่อนไขบางประการ
แต่อย่างน้อยที่สุด หากไม่สามารถใช้สะพานทะยานเซียนได้ โดยทั่วไปจะไม่มีใครจากโลกเซียนที่จะลงไปสู่โลกามนุษย์
ทันใดนั้น หลัวซิวหยิบหนังสือโบราณเล่มหนึ่งขึ้นมา ทันทีที่เขาหยิบหนังสือขึ้นมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวลา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนังสือเล่มนี้มีอายุมานานแล้ว
บนหน้าปกเขียนว่าจดหมายคุนหวู่
หลัวซิวไม่รู้ว่าคุนหวู่คือใคร เขาเปิดออกอย่างลวกๆแล้วถูกเนื้อหาที่บันทึกไว้ดึงดูด
“อาจารย์ปู่เสวียนแท้มาจากอนัตกาล และวิถีอนัตกาลคือไท่จี๋ ไท่จี๋ให้กำเนิดทวิลักษณ์ ทวิลักษณ์ให้กำเนิดจตุลักษณ์ และจตุลักษณ์ให้กำเนิดปากว้า”
“อย่างไรก็ตามอาจารย์ปู่ได้ฝึกบำเพ็ญปรปักษ์ไท่จี๋ และต้องการใช้ไท่จี๋สร้างตรีภพ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการยอมรับจากไท่จี๋อนัตกาล ขาจึงออกมาจากอนัตกาล และสร้างลัทธิเต๋าของเขาเองขึ้นมา ด้วยความโกรธ เ”
“ก่อนที่อาจารย์ปู่จะปิดกั้นฝึกตน เขาได้ทิ้งมรดกไว้บนภูเขาเต๋าแท้ ในช่วงเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมา ผู้คนนับไม่ถ้วนได้ค้นหามัน แต่ก็ไม่มีผลใดๆ....”
คู่มือจดหมายคุนหวู่นี้กล่าวถึงที่มาของอาจารย์ปู่เสวียนแท้และสาเหตุที่เขาออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์อนัตกาล
ตระกลูนัตกาลเคยมีจักรพรรดิเซียนในยุคโบราณกลางมาก่อน ดังนั้นไท่จี๋ให้กำเนิดทวิลักษณ์ ทวิลักษณ์ให้กำเนิดจตุลักษณ์ และจตุลักษณ์ให้กำเนิดปากว้าคือความคิดดั้งเดิมจักรพรรดิเซียนอนัตกาลทิ้งไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...