มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3131

หลัวซิวเองก็ไม่รู้ว่าจะตรัสรู้เต๋าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในวันเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดทำได้เลย หลายคนต่างพากันสงสัยว่าที่นี่ไม่มีร่องรอยการตรัสรู้เต๋าของอาจารย์ปู่เสวียนแท้อยู่เลย

แต่หลัวซิวกลับคิดว่าหมาขี้ย่อมต้องมีมูล ยิ่งกว่านั้นแล้วไม่ว่าที่นี่จะมีร่องรอยตรัสรู้เต๋าหรือไม่ สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีความเสียหายอันใด

อย่างไรเสียที่เขาเลือกมายังสำนักเซียนเสวียนแท้ในตอนนั้น ก็เพื่อหลบหนีการล่าสังหารของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์

เขาหาสถานที่แล้วนั่งขัดสมาธิลง ทะเลดาราสีทองที่เกิดจากการผนึกรวมของพลังวิญญาณในตัวหยั่งรู้มีพุ่งออกมาด้วยตัวสำนึกอันยิ่งใหญ่มหาศาล เพียงชั่วพริบตา ตัวสำนึกของเขาก็ได้ปกคลุมไปทั่วภูเขาเต๋าแท้

วิชาต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง ตัวหยั่งรู้ไร้รูป ห้วงจิตไร้รูป ถึงแม้ว่าหลังจากกลายเซียน พลังวิญญาณจะกลายเป็นสิ่งที่มีรูปลักษณ์จับต้องได้ ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว เขายังคงสามารถทำให้พลังวิญญาณที่มีรูปร่างกลายเป็นไร้รูปร่างได้

พูดได้ว่า ในขอบเขตบริเวณที่ตัวสำนึกของเขาปกคลุมอยู่นั้น นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาเซียนขึ้นไป มิเช่นนั้นคงมิอาจสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของตัวสำนึกของเขาได้

ทว่าถึงแม้ตัวสำนึกของเขาจะได้ครอบคลุมไปทั่วภูเขาเต๋าแท้แล้ว กลับไม่พบความแปลกประหลาดใด ๆ ในที่นี้เลย ภูเขาทั่วทั้งลูกธรรมดามาก ไม่มีร่องรอยของตรัสรู้เต๋าอะไรนั่นอยู่เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไท่จี๋ผันตรีภพ

อย่างไม่รู้ตัว หลัวซิวได้นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้มาสามวันแล้ว แม้จะหาร่องรอยตรัสรู้เต๋าในภูเขาเต๋าแท้ไม่พบ แต่เขาก็มิได้ละเลยต่อการฝึกตนของตัวเองเลย

ขับเคลื่อนเวทย์ต้องห้ามสองชนิดพร้อมกัน เขาล้วงเอาใบที่สองของจินซานเย่ออกมา แล้วส่งเข้าปาก

แก่นแท้อันทรงพลังที่ซ่อนแฝงของราชาสมุนไพร ได้เพิ่มระดับผลการฝึกตนของเขา ขัดเกลาพลังวิญญาณกับร่างเนื้อของเขา ขณะเดียวกันผลล้ำธรรมเวชฟ้าดินที่มีมาแต่กำเนิดของราชาสมุนไพร ก็ได้ทำให้เขาเข้าสู่สภาวะตรัสรู้เต๋าอย่างเลือนราง

ทันใดนั้น หลัวซิวที่จมอยู่ในสภาวะแห่งการตรัสรู้เต๋า ได้สัมผัสถึงความลี้ลับมหัศจรรย์ที่มีอยู่เล็กน้อยของภูเขาเต๋าแท้แห่งนี้ได้อย่างคลับคล้ายคลับคลา

เหมือนว่าเขาได้มองเห็นภาพไท่จี๋ที่เกิดจากการประสานกันระหว่างหยินหยาง ภาพไท่จี๋หมุนไปตามวิถีโคจรที่เร้นลับถึงขีดสุด ตรีภพได้เกิดขึ้นมาทีละเส้นละสาย ในตรีภพแต่ละสายเหมือนดั่งว่าแฝงไปด้วยฟ้าดินฝืนหนึ่ง ห้วงเวลาแห่งหนึ่ง

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป บุรุษหนุ่มชุดแพรคนหนึ่งได้มาถึงภูเขาเต๋าแท้ และมองเห็นหลัวซิวที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา

“เป็นไปได้อย่างไร?”

สายตาของบุรุษหนุ่มชุดแพรพลันจ้องเขม็ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อ

เพราะในสายตาของเขา ชายหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลนักผู้นั้น หยินหยางรายล้อมอยู่รอบกาย ในหยินหยางแฝงไปด้วยความเป็นตาย ด้านหลังของเขา เงาไท่จี๋ค่อย ๆ ปรากฏคนอย่างเลือนราง

ในขณะเดียวกัน เขาได้มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ภายในใจยิ่งตกตะลึง “ลู่ฝาน?”

เขาอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ เนื่องจากหลายปีมานี้ลู่ฝานตกต่ำมาโดยตลอด สูญเสียต้นกำเนิดร่างเซียนวิภาไป อยู่ในสำนักเซียนเสวียนแท้ เขาเทียบไม่ได้แม้แต่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

“ไท่จี๋อนัตกาล!”

ภายใต้ความประหลาดใจ ความริษยาปรากฏขึ้นมาในดวงตาของบุรุษหนุ่มชุดแพร สำหรับเรื่องที่อาจารย์ปู่เสวียนแท้ได้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์อนัตกาลนั้น อยู่ในสำนักเซียนเสวียนแท้มันไม่ใช่ความลับอะไร

ทว่าอาจารย์ปู่เสวียนแท้กลับไม่เคยทิ้งการสืบทอดใด ๆ ของตระกลอนัตกาลเอาไว้ในสำนักเซียนเลย ดังนั้นในสำนักเซียนเสวียนแท้ จึงไม่มีวรยุทธ์และพลังอมตะใด ๆ ที่สามารถฝึกฝนไท่จี๋อนัตกาลได้อยู่เลย

และในวินาทีนี้ เขากับเห็นคนไม่เอาไหนอย่างลู่ฝานกำลังผนึกรวมรูปไท่จี๋อนัตกาล เช่นนั้นต้องเป็นเพราะได้สัมผัสรู้ถึงร่องรอยธรรมเวชที่อาจารย์ปู่เสวียนแท้ได้หลงเหลือเอาไว้อย่างแน่นอน

เพราะมีเพียงในร่องรอยธรรมเวชที่อาจารย์ปู่เสวียนแท้หลงเหลือเอาไว้ ถึงจะมีความลึกลับมหัศจรรย์ของธรรมเวชไท่จี๋แห่งชนชั้นตระกูลอนัตกาลซ่อนแฝงอยู่

“ฟื้นขึ้นมาเสีย!”

บุรุษหนุ่มชุดแพรหรี่ดวงตาลง จู่ ๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมา เสียงถูกผนึกรวมโดยผลการฝึกตน รัดเข้าด้วยกัน บุกพุ่งเข้าไปในหูของ ‘ลู่ฝาน’

ขณะที่กำลังจมอยู่ในการตรัสรู้เต๋า หลัวซิวรู้สึกว่าตนเองคว้าความมหัศจรรย์ของธรรมเวชตรีภพสูงศักดิ์ได้อย่างเลือนราง

ทว่าในช่วงเวลาอันสำคัญนี่เอง เสียงสายหนึ่งกลับได้ระเบิดขึ้นมาที่ข้างหูเหมือนดั่งฟ้าผ่า ทำให้เขาตื่นจากสภาวะตรัสรู้เต๋า

“พรึบ!”

เขาพลันลืมตาขึ้นมา แววอาฆาตอันน่ากลัวที่ดุร้ายถึงขีดสุดได้พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา ไอสังหารเป็นเหมือนดั่งวัตถุที่จับต้องได้ แทงทะลุไปในอากาศที่อยู่ข้างหน้า

หลัวซิวพลันหันกลับมา และมองเห็นบุรุษหนุ่มชุดแพรที่ได้มาถึงภูเขาเสวียนแท้ผู้นั้น “เหตุใดถึงได้ตัดการตรัสรู้เต๋าของข้า?”

“ข้าแค่ดีใจ คิดไม่ถึงว่าคนไม่เอาไหนที่สูญเสียร่างเซียนวิภาไปอย่างเจ้าจะมีสติปัญญาเช่นนี้ ไม่นึกว่าเจ้าจะสัมผัสรู้ได้ถึงร่องรอยธรรมเวชที่อาจารย์ปู่เสวียนแท้หลงเหลือเอาไว้ได้”

บุรุษหนุ่มชุดแพรทำเสียงเย้ยหยัน ในแววตาแฝงไปด้วยความเหยียดยาม หรือแม้กระทั่งความพออกพอใจ

ตัวเขาเองไม่อาจสัมผัสรู้ธรรมเวชในที่นี้ได้ ดังนั้นจึงไม่หวังว่าคนอื่นจะสัมผัสรู้ได้เช่นเดียวกัน ส่วนการตัดการตรัสรู้เต๋าของ ‘ลู่ฝาน’ สำหรับเขาแล้วทำไปเพราะความพอใจของตนเองเท่านั้น เหตุผลก็ง่ายเพียงเท่านี้

หลัวซิวได้ยินดังนั้น แววอาฆาตในดวงตาก็ยิ่งลุกโชน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัดการตรัสรู้เต๋าของผู้อื่น เป็นเหมือนความแค้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

ใครหลายคนมีโอกาสเข้าสู่การตรัสรู้ได้เพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต ด้วยเหตุนี้สำหรับนักยุทธ์หลายคนแล้ว ถูกคนตัดการตรัสรู้ของตนเอง ก็เป็นเหมือนกับความแค้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ตัดการตรัสรู้เต๋าของผู้อื่น อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ