“ไสหัวไป!”
สะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง คลื่นลมพัดกระหน่ำ ม้วนพัดศิษย์ในสำนักพวกนี้ออกไปจนหมด ทิ้งห่างออกไปไกลสิบกว่าลี้
ยืนอยู่หน้าบ้านไม้ หลัวซิวทอดถอนใจ เรื่องราวพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองคงอยู่ในสำนักเซียนเสวียนแท้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
เขาทราบดีว่าตนเองลงมือกับศิษย์ในสำนัก พวกเขาย่อมจะไม่ยอมละมือง่าย ๆ แน่ เพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่า ‘ลู่ฝาน’ เป็นคนที่มิอาจล่วงเกินได้ พวกเขาอาจไปขอความช่วยเหลือจากศิษย์ใจกลาง
หากว่าเขาลงมือต่อไปเช่นนี้ ช้าเร็วจักต้องไปถึงหูบุคคลใหญ่โตของสำนักเซียนเป็นแน่ หากถูกพบว่าเขาปลอมเป็นลู่ฝานแอบแฝงเข้ามาในสำนักเซียน ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่ตนเองเท่านั้นที่ต้องประสบกับความหายนะ ลู่ฝานเองก็ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย
“ไปภูเขาเต๋าแท้อีกครั้ง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ถึงตอนนั้นก็ต้องจากไป”
“สำหรับลู่ฝาน หากข้าสร้างปัญหาอยู่ที่นี่ เกรงว่าก็คงอยู่สำนักเซียนเสวียนแท้ต่อไปไม่ได้เช่นกัน มอบลิขิตโอกาสอย่างหนึ่งให้กับเขา ถือเป็นการชดเชยก็แล้วกัน”
หลัวซิวมีแผนอยู่ในใจตัวเอง เขาจะไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเห็นเยว่เอ๋อร์ได้อีกครั้ง
กลับถึงภูเขาเต๋าแท้ หลัวซิวยังคงมิได้เหาะขึ้นไป แต่ได้เดินไปทีละก้าว อยู่บนขั้นบันไดหินบนภูเขา
เขาเดินไป พลางล้วงเอาใบสุดท้ายของจินซานเย่ออกมา เนื่องจากเขาทราบดี ที่เขาเข้าสู่สภาวะตรัสรู้ได้ในครั้งก่อนนั้น ประสิทธิภาพของราชาสมุนไพร เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
บังเอิญว่าเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่อาศัยอยู่บนภูเขาเต๋าแท้ได้กลับมาพอดี
“เอ๊ะ? ราชาสมุนไพร?”
สายตาของชายวัยกลางคนจับจ้องไปยังใบไม้สีทองที่อยู่ในมือของหลัวซิวทันที แม้ว่าเขาได้ใช้พลังไร้ลักษณ์ปกปิดกลิ่นอายของราชาสมุนไพร ทว่าชายวัยกลางคนผู้นี้กลับไม่ธรรมดา สามารถมองออกในทันที
หลัวซิวเองก็คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเช่นนี้ ระหว่างที่ภายในใจเคร่งเครียดอยู่นั้น เขาก็ได้เตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา
“เหอะ ๆ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามิได้ประสงค์ร้ายกับเจ้า”
ชายวัยกลางคนก้าวเดินเข้ามา “ตอนเจ้ามาเมื่อครั้งที่แล้ว ข้าก็ได้มองเห็นความแตกต่างของเจ้า เจ้าน่าจะไม่ใช่ศิษย์ของสำนักเซียน แต่ได้แปลงรูปเป็นศิษย์ของสำนักเซียน”
“สำหรับใบราชาสมุนไพรที่อยู่ในมือของเจ้าใบนี้ แค่ก็ไม่สนใจที่จะแย่งเช่นกัน อย่าว่าแต่มันเป็นเพียงใบราชาสมุนไพรเท่านั้น ต่อให้เป็นราชาสมุนไพรต้นหนึ่ง ข้าก็คร้านที่จะเหลือบมอง”
“เขาเพียงแค่สงสัย เจ้าเป็นเพียงคนรุ่นหลังแดนเซียนดินเท่านั้น ไม่นึกว่าจะมีสมบัติอย่างราชาสมุนไพรอยู่ในมือ”
ชายวัยกลางคนพูดติดต่อกันหลายประโยค ทว่าหลัวซิวกลับสัมผัสไม่ได้ถึงความประสงค์ร้ายและความจงใจเลยสักนิด และไม่มีท่าทางว่าจะจับตัวเขาหลังจากมองทะลุตัวตนที่แท้จริงของเขา
“เอ๊ะ? ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไท่จี๋บนร่างของเจ้า......”
ทันใดนั้น รูม่านตาของชายวัยกลางคนก็หดเล็กลง จ้องหลัวซิวตาไม่กะพริบ
ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ลึกมิอาจคาดเดา หลัวซิวเองก็มิได้ปิดบังใด ๆ ประสานมือคารวะ กล่าว: “ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้น้อยได้ตรัสรู้เต๋าบนยอดเขา ตระหนักรู้ได้เพียงเล็กน้อย กลับถูกผู้อื่นเข้ามารบกวนการตรัสรู้เต๋าไป”
“ข้าจากไปเพียงไม่นาน เจ้าก็ตรัสรู้เต๋าแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ชายวัยกลางคนมีท่าทีตกตะลึง มองสำรวจหลัวซิว ในสายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าถือราชาสมุนไพรไว้ในมือ เพราะต้องการใช้ราชาสมุนไพรเพื่อตรัสรู้เต๋าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ สำหรับเรื่องที่ผู้น้อยแปลงรูปเป็นศิษย์สำนักเซียนนั้น เป็นเพราะไร้ทางเลือก แค่มาเพื่อหลบภัย ไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างอื่น” หลัวซิวกล่าวอธิบาย
“นับว่าเจ้าค่อนข้างซื่อสัตย์ ถูกค้าค้นพบตัวตนยังแล้วยังสงบเช่นนี้ เห็นได้ว่าตัวธรรมของเจ้าไม่ธรรมดา เมื่อเทียบกับอัจฉริยะในสำนักเซียนพวกนั้น เหนือกว่าไม่รู้อีกสักกี่เท่า”
ชายวัยกลางคนยิ้มพลางพยักหน้า ราวกับว่าไม่ใส่ใจเรื่องที่หลัวซิวปลอมเป็นศิษย์สำนักเซียนแฝงตัวเข้ามาเลยสักนิด
“พ่อหนุ่ม เจ้าชื่อว่าอย่างไรหรือ?” จู่ ๆ ชายวัยกลางคนก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ผู้น้อยนามหลัวซิว” หลัวซิวกล่าวตอบ มิได้ใช้ตัวตนของไท่ซ่างฉิง
ตัวตนทั้งสองของเขาในปัจจุบัน สถานะไหนเหมาะกับสถานการณ์เช่นไร เขาก็จะเลือกใช้สถานะนั้น
“เจ้าสนใจกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่? ข้าสามารถสอนไท่จี๋ผันแปรวิถีตรีภพให้เจ้าได้” ชายวัยกลางคนพลันยิ้มกล่าว
ได้ยินดังนั้น หลัวซิวก็ต้องชะงัก ภายในใจของเขาพอจะคาดสถานะของชายวันกลางคนที่ยากแท้หยั่งถึงคนนี้ได้อย่างเลือนราง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...