“ตรีภพ วัฏจักร ลิขิต......”
“ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีพรสวรรค์เช่นนี้!”
ดวงตาของอาจารย์ปู่เสวียนแท้เป็นประกายขึ้นมา แม้ว่าเขาจะมีชีวิตมานานแสนนาน ก็ไม่เคยเห็นอัจฉริยะที่น่าทึ่งเช่นนี้มาก่อนเลย
“ยอดอัจฉริยะไร้เทียมทาน ไม่มีเกินกว่านี้อีกแล้ว”
อาจารย์ปู่เสวียนแท้ตกตะลึงอึ้งทึ่งเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าในประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้มีน้อยมาก
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวที่จมอยู่ในสภาวะตรัสรู้เต๋าคล้ายรู้แจ้งไปถึงจิตวิญญาณ เขารู้สึกว่าตัวเองได้มองเห็นเส้นทางสู่อนาคต
แม้ว่าเส้นทางสายนี้ ปัจจุบันจะดูอ่อนแอราวกับเส้นบาง ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นเส้นทางสู่อนาคตสูงสุดอย่างแน่นอน
ครั้งหนึ่งเคยสัมผัสรู้ในสถานตรีภพวังทะยานเซียน ครั้งหนึ่งชีวิตเคยตกอยู่ในความสิ้นหวังถึงกับต้องตายแล้วเกิดใหม่
ชาตินี้หลัวซิวฝึกตนมาเป็นเวลาไม่นานนัก แต่โชคชะตาของเขาไม่ธรรมดา ผลสั่งสมของเขาเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก ประสบการณ์ของเขาก็ล้มลุกคลุกคลานลำบากยากเข็ญเกินกว่าที่ผู้คนสามารถจินตนาการ
บางคนบอกว่าจะประสบความสำเร็จได้เพราะความมุมานะ แต่การประสบความสำเร็จเพราะความมุมานะนั้นมิจำเป็นต้องมุมานะฝึกตนเป็นเวลานานแสนนาน เมื่อสะสมจนถึงระดับที่แน่นอนแล้วระเบิดออกมา ล้วนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเพราะความมุมานะ
หลัวซิวในยามนี้ ก็เป็นเช่นนั้นนั่นเอง
ไท่จี๋แปรผันที่อยู่ในดวงตาของเขาค่อย ๆ สลายไป ลิขิตไท่จี๋อนัตกาล ตรีภพไท่จี๋เสวียนแท้ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเขา นิมิตทั้งสามอย่างเหมือนว่าไม่ใช่แค่ซ้อนทับกันเท่านั้น แต่ได้เริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
เป็นอยู่เช่นนี้ ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด นิมิตสลายไป ดวงตาของหลัวซิวกลับสู่ความสงบ ตื่นขึ้นจากสภาวะการตรัสรู้
ตัวเขาในยามนี้ รู้สึกว่าตัวเองร่างกายและจิตใจเบาหวิว เขาได้รับเคล็ดวิชาอันร้ายกาจแขนงหนึ่งจากการตรัสรู้ในครั้งนี้
การตรัสรู้ในครั้งนี้ ที่เขาได้รับมิใช่เพียงเต๋าลิขิตไท่จี๋อนัตกาล และมิใช่แค่เต๋าตรีภพไท่จี๋เสวียนแท้เพียงเท่านั้น แต่เป็นแรงบันดาลใจอันริบหรี่ในการเกิดความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งเกี่ยวกับเกณฑ์สูงศักดิ์ทั้งสามชนิดอย่างตรีภพ ลิขิต และวัฏจักร
เพียงแรงบันดาลใจอันน้อยนิด ภายใต้อนุมานวิถีไร้ลักษณ์ของเขา ได้กลายเป็นพลังอมตะแขนงหนึ่ง
“ถนนยาวไกล ใจไร้ขอบเขต ยุทธ์ไร้ที่สิ้นสุด ข้าไร้เทียมทาน!”
วินาทีนั้น แสงเทวอันเจิดจรัสไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งทะยานสู่ฟ้า มีภูเขาเต๋าแท้เป็นจุดเริ่มต้น พุ่งสู่กลีบเมฆ ฉีกเส้นขอบฟ้า
นิมิตได้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนในสำนักเซียนเสวียนแท้ ไม่นานก็มีแสงกลสายแล้วสายเล่าลอยมายังภูเขาเต๋าแท้ ทว่ากลับถูกพลังอันมิอาจต่อต้านกลุ่มหนึ่งขัดขวางเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้
บนภูเขาเต๋าแท้ หลัวซิวลืมตา มองไปยังอาจารย์ปู่เสวียนแท้ที่จ้องมองเขาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
พบเพียงว่าในดวงตาของอาจารย์ปู่เสวียนแท้กะพริบไปด้วยแสงอันแวววับ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาที่มุมปาก “จากโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน มีเพียงไร้ลักษณ์ที่สามารถเข้าใจตรีภพ ลิขิต และวัฏจักรอย่างทะลุปรุโปร่งได้ หรือเจ้าจะเป็นชนเผ่าไท่ช่าง?”
หลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็ตะลึงเล็กน้อย ชนเผ่าโบราณทั้งหกไม่ค่อยถูกกันนัก อาจารย์ปู่เสวียนแท้มาจากชนชั้นตระกูลอนัตกาล ไม่แน่อาจเห็นชนเผ่าไท่ช่างเป็นศัตรูก็ได้
“เจ้ามิต้องกังวล ข้ามิได้มีความเกลียดชังต่อชนเผ่าไท่ช่าง เดิมนึกว่านับตั้งแต่มกุฎไท่ซ่างอวี้เลือนหายไป ชนเผ่าไท่ช่างได้สิ้นสุดการสืบทอดไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าผ่านมาเป็นเวลายาวนานเช่นนี้ จะโผล่ขึ้นมาอีกหนึ่งคน”
“ข้าถึงกับรู้สึกว่า พรสวรรค์ของเจ้า สติปัญญาของเจ้า ชะตาลิขิตของเจ้า การตระหนักรู้ของเจ้า เหนือกว่ามกุฎไท่ซ่างอวี้ที่อยู่ในยุคโบราณก่อนผู้นั้นเสียอีก
อาจารย์ปู่เสวียนแท้ย้มอ่อน ๆ “แต่เจ้าจักต้องระวังตัว อย่าให้เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์คนพบสถานะของเจ้าอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นพวกเขาต้องเล่นงานเจ้าอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้รับเก้าต้องห้ามไท่ซ่างในตำนานจากเจ้า ก็จะไม่ยอมให้ชนเผ่าไท่ซ่างคนหนึ่งเติบโตขึ้นมา เป็นภัยต่อรากฐานของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอย่างเด็ดขาด”
“น่าเสียดายที่ข้าถูกพวกเขาค้นพบเข้าเสียแล้ว ที่ผู้น้อยเข้ามาหลบซ่อนในสำนักเซียน ก็เพราะได้ถูกเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ไล่ล่า” หลัวซิวกล่าวอย่างจนใจ
“อ๋อ? เช่นนี้ก็หมายความว่า เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ตามหาคนคนหนึ่งพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปทั่วภูมิภาคขีดจัตุก็เพื่อตามหาเจ้าเองหรอกหรือ?”
อาจารย์ปู่เสวียนแท้ขมวดคิ้ว “เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์อวดเบ่งจองหองแต่ไหนแต่ไรมา ยิ่งกว่านั้นภูตศักดิ์สิทธิ์กับไท่ซ่างแทบจะเป็นศัตรูที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ข้ามีความกังวลบางอย่าง ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
หลัวซิวได้ยินดังนั้น ย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าอาจารย์ปู่เสวียนแท้เป็นห่วงตระกลอนัตกาลที่อยู่ด้านหลัง แม้เขาจะเดินออกมาจากอนัตกาล แต่หัวใจของเขา ยังคงผูกมัดอยู่กับตระกลอนัตกาล
“แต่หากเจ้าพบกับปัญหาอะไรในอนาคต ก็กลับมาที่นี่ได้”
อาจารย์ปู่เสวียนแท้พลันกล่าวขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าได้ตระหนักรู้เต๋าตรีภพไท่จี๋เสวียนแท้ของข้าที่อยู่ที่นี่ได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าเป็นศิษย์ของข้าแล้ว”
“เจ้าคือชนเผ่าไท่ซ่าง มีไร้ลักษณ์ มีเก้าต้องห้าม ข้าเองก็สอนอะไรให้เจ้าไม่ได้ หวังเพียงว่าหากในอนาคตเจ้าได้พบกับอัจฉริยะที่พอจะสืบทอดได้ ให้เจ้าถ่ายทอดไท่จี๋เสวียนแท้ของข้าต่อไป”
หลัวซิวลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมา “ผู้น้อยมีบางเรื่องอยากขอร้อง”
“เรื่องอันใด?”
เรียบเรียงคำพูดสักพัก หลัวซิวก็ได้บอกกล่าวเรื่องของลู่ฝานออกมา เขาใช้สถานะของลู่ฝานหลบภัยอยู่ที่นี่ ก่อนจะจากไป จะไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ได้
“มีเรื่องเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?”
“ดูท่าข้าต้องสร้างความเคลื่อนไหวบางอย่างขึ้นมาสักหน่อยแล้ว”
หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาดื่มเหล้าในถ้วยที่ถืออยู่ในมือ วางกรองแก้วเซียนก้อนหนึ่งเอาไว้ แล้วลุกขึ้นเดินจากไป
“อ๊าก!......”
ผ่านไปไม่นานนัก เสียงร้องอย่างเจ็บปวดได้ดังลอยออกมาจากเมืองเซียนแห่งนี้ ศิษย์ของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นถูกสังหาร
หลัวซิวจงใจเปิดเผยช่องโหว่ ให้ศิษย์ของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นค้นพบตัวตนของเขา จากนั้นก็แกล้งทำเป็นปกปิดความสามารถ ให้อีกฝ่ายส่งข่าวออกไป แล้วค่อยสังหาร
หลัวจากฆ่าคนแล้ว เขาก็กลายร่างเป็นแสงกล เตรียมไปจากเมืองเซียนแห่งนี้
“โจรร้ายบังอาจนัก กล้าก่อการฆาตกรรมในเมืองอย่างนั้นหรือ? หยุดอยู่ตรงนั้นเสีย!”
เสียงตวาดดังลอยมา ในเมืองเซียนแต่ละแห่งล้วนมีผู้แข็งแกร่งประจำการอยู่ ส่วนเจ้าเมืองของเมืองเซียนแห่งนี้ เป็นเซียนชั้นฟ้าที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง
“ท่านเจ้าเมืองลงมือแล้ว!”
“นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นความองอาจของท่านเจ้าเมือง......”
ผู้คนไม่น้อยต่างพากันชื่นชมด้วยความประหลาดใจ สำหรับเจ้าเมืองแห่งเมืองเซียน ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ต่างพากันเลื่อมใสศรัทธา
ทว่าแสงกลแปลงมาจากเจ้าเมืองผู้นี้เพิ่งจะลอยขึ้น มือใหญ่สีทองข้างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ตึง!
เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นอันน่ากลัวดังก้องไปทั่วท้องฟ้าเหนือเมืองเซียน ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไป อนัตตาแหลกสลาย เสมือนม่านอันมืดมิด ปกคลุมท้องฟ้าเหนือเมืองเซียน
ร่างของเจ้าเมืองที่ผู้คนมากมายพากันเลื่อมใสร่วงหล่นลงมา กระแทกลงบนพื้นจนอย่างทุลักทุเลเป็นหลุมขนาดใหญ่อย่าง เลือดไหลอาบไปทั่วร่าง เกือบถูกซัดตายไปในฝ่ามือเดียว
ไม่นานนัก อนัตตาฉีกขาด แสงกลสายแล้วสายเล่าลอยออกมา เป็นเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง ผู้ที่นำหน้านั้นคือชายชราผมเคราขาว รอบกายรายล้อมไปด้วยคลื่นท่วงเซียนที่มีเพียงผู้แข็งแข็งมหาเซียนเท่านั้นถึงจะมีได้
ในเวลานี้ หลัวซิวได้เพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด ขับขี่เข็มทิศสาสน์เต๋า พุ่งลอยไปบนอนัตตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...