มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3135

สำหรับหลัวซิวแล้ว การเอาชนะป๋ายหลี่คงหมิงได้ไม่มีสิ่งใดเป็นที่น่าภูมิใจ มีคนมาดื่มสุรากับเขาเพื่อแสดงความเป็นมิตร เขาล้วนยิ้มตอบรับไป ไม่ได้แสดงท่าทางยิ่งยโสของยอดอัจฉริยะออกมาเลย

เป็นเทพบุตรเทพธิดาเหมือนกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาทั่วไปเมื่อเทียบกับชนเผ่าโบราณทั้งหกยังต้องด้อยกว่าอีกมาก ก็เหมือนกับตงฟางหยุนเซิงนั่น เขาเป็นเทพบุตรเพียงคนเดียวของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ แต่ความแข็งแกร่งของเขาเพียงคนเดียว ทัดเทียมได้กับการร่วมมือกันของเทพบุตรสามนิกายแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สามยอดอย่างแน่นอน

ฉือเฟยหลงดูลึกซึ้งมิอาจคาดเดา แต่ในสายตาของหลัวซิว รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์สามยอดนั้นยังด้อยว่าเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกมากนัก อย่างน้อยเทพบุตรของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ฝึกฝนวรยุทธ์ระดับจักรพรรดิเซียน ทว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สามยอดอย่างมากก็เป็นเพียงฝึกฝนวรยุทธ์ระดับมกุฎเซียน

“ได้ยินว่าช่วงนี้ภูมิภาคขีดจัตุที่อยู่ใกล้เคียงไม่ค่อยสงบนัก โบราณสถานปีศาจมังกรเป็นแห่งแรก ต่อมาก็เป็นแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ได้ยินว่าในเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหก เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์กับชนเผ่าดึกดำบรรพ์มีการเคลื่อนไหวอยู่บ่อยครั้ง เหมือนว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ในภูมิภาคขีดจัตุ

เทพธิดานิกายมนุษย์กล่าวขึ้นเบา ๆ ในแดนศักดิ์สิทธิ์สามยอด แม้ว่านิกายมนุษย์จะอ่อนแอที่สุด ทว่าเทพธิดานิกายมนุษย์นางนี้ ในบรรดาเทพธิดาสามนิกาย กลับเป็นคนที่มีรูปโฉมงดงามที่สุด ตอนที่ริมฝีปากสีแดงเผยอเล็กน้อย ดูมีเสน่ห์ยั่วยวนใจ ในสายตาและรอยยิ้มล้วนแฝงไปด้วยยิ้มชวนเสน่หา

ป๋ายหลี่คงหมิงเองก็พยักหน้า “ได้ยินว่ามีแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งได้เข้าร่วม แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์สามยอดของเราก็ยังมีบุคคลใหญ่โตรุ่นก่อนเดินทางไปด้วยตัวเอง ได้ยินว่าล้วนพากันตามหาภาชนะติ่งปีศาจที่จักรพรรดิเซียนจิ่วโยวหลงเหลือไว้”

ระหว่างที่พูด ป๋ายหลี่คงหมิงได้จ้องมองเทพธิดานิกายมนุษย์ตาไม่กะพริบ แฝงไปด้วยหลงใหลเล็กน้อย

เทพธิดานิกายมนุษย์ยิ้มอย่างอ่อนหวาน เหมือนมองไม่เห็น มิได้แสดงท่าทีใด ๆ

“ตำนานเล่าว่าภาชนะติ่งปีศาจใบนั้น คือมกุฎมังกรเซียนที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกเมื่อก้าวเข้าสู่แดนเซียนสูงสุด หากไม่ใช่เพราะมีจักรพรรดิเซียนจิ่วโยวสยบภูมิภาคสิบลี้ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของมัน”

“ต่อให้เป็นมกุฎเซียนที่แข็งแกร่งแล้วอย่างไร แม้จะมีตำนานเล่าขานว่ามกุฎเซียนที่แข็งแกร่งสามารถรับมือกับจักรพรรดิเซียนได้ แต่ก็แค่รับมือได้เพียงเท่านั้น หากเป็นศัตรูกับจักรพรรดิเซียนเข้าจริง ๆ ผู้ที่ต้องตายยังคงเป็นมกุฎเซียน”

“นั่นสิ มกุฎปีศาจมังกรนั่นก็คือตัวอย่าง หลังจากถูกจักรพรรดิเซียนจิ่วโยวสังหาร เลือดเนื้อของมันก็ได้ถูกหลอมรวมเป็นภาชนะติ่ง กลั่นแปรวิญญาณเซียนของมันให้กลายเป็นภูตภาชนะติ่ง ลบความเป็นเทพและความทรงจำ กักขังไว้ในภาชนะติ่ง ไม่อาจไปผุดไปเกิดได้ชั่วนิรันดร์

สิ่งที่คนพวกนี้พูดถึงส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับภูมิภาคขีดจัตุ เนื่องจากระยะนี้ ภูมิภาคขีดจัตุแทบจะกลายเป็นจุดจับตามองของกองกำลังต่าง ๆ ในโลกเซียนไปเสียแล้ว

ภาชนะติ่งปีศาจมังกรเป็นภัณฑ์จักรพรรดิที่จักรพรรดิเซียนจิ่วโยวฝึกเซ่นขึ้นมา สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวแล้ว ย่อมต้องการที่จะเอาสมบัติจักรพรรดิเซียนของตนเองกลับมา

ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ก็อยากได้ไปครอบครองเหมือนกัน โดยเฉพาะแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยมีจักรพรรดิเซียนมาก่อน ล้วนอยากได้ภัณฑ์จักรพรรดิมาสยบดวงชะตา แม้ว่าต้องจ่ายในราคาสูง ก็ไม่เสียดาย

แต่น่าเสียดาย ผู้แข็งแกร่งมากมายต่างได้เห็นภัณฑ์จักรพรรดิภาชนะติ่งปีศาจใบนั้นอยู่ในโบราณสถานปีศาจมังกร ทว่าสุดท้ายภาชนะติ่งปีศาจใบนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนถึงวันนี้ ก็ยังคงไร้ซึ่งเบาะแส

เรื่องที่พวกเขากล่าวถึงนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับหลัวซิว เพียงแต่อัจฉริยะหนุ่มสาวพวกนี้ไม่รู้เท่านั้นเอง

จนถึงตอนนี้ คนที่รู้ว่าภาชนะติ่งปีศาจมังกรอยู่ในมือของเขามีเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือเมี่ยวหลิงเทพธิดาแห่งดึกดำบรรพ์ ส่วนอีกคนคือเทพบุตรภูตเซียนตงฟางหยุนเซิง

สองคนนี้มีสถานะที่ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นย่อมจะไม่แพร่งพรายเรื่องราวเกี่ยวกับภาชนะติ่งปีศาจมังกรออกไปโดยง่าย แดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวต้องการนำภาชนะติ่งปีศาจกลับไป เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ย่อมอยากได้ภัณฑ์จักรพรรดินี่มาครอบครองเช่นเดียวกัน

และก็เพราะเหตุนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นทายาทเผ่าไท่ซ่างเท่านั้น สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่จึงแทบจะค้นหาไปในทุกซอกทุกมุมของภูมิภาคขีดจัตุ

ไม่นานนัก การพบปะครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง ฉือเฟยหลงได้เชิญหลัวซิวไปยังนิกายฟ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สามยอด ถูกเขาปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

สำหรับเรื่องนี้ฉือเฟยหลงไม่ได้ใส่ใจนัก พูดเพียงว่าแล้วพบกันใหม่ จากนั้นก็กลายเป็นแสงกล ขี่เมฆมงคลเหาะออกไป

หลัวซิวเองก็เตรียมที่จะจากไป เทพธิดานิกายมนุษย์กลับได้เดินเข้ามาหา รอยยิ้มของนางเหมือนดั่งบัวสวรรค์เบ่งบาน ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนดั่งน้ำ พูดได้ว่าเป็นโฉมสะคราญยากหาผู้ใดเทียบได้

ทว่าสีหน้าท่าทางของหลัวซิวกลับยังคงเหมือนเดิม ในบรรดาสตรีที่เขาได้พบพานมา มีเพียงโฉมหน้าของเมี่ยวหลิง ที่เคยทำให้เขาลืมตัวไปชั่วขณะ

เทพธิดานิกายมนุษย์ผู้นี้ก็นับว่าเป็นโฉมสะคราญที่พบได้น้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เทียบกับเมี่ยวหลิงไม่ได้

“คุณชายหลัวเป็นแค่ผู้บำเพ็ญตนอิสระจริง ๆ หรือ?” เทพธิดานิกายมนุษย์ยิ้มกล่าวอย่างอ่อนหวาน มาถึงด้านหน้าของเขา ปากเผยอเล็กน้อย ลมหายใจหอมดั่งใบเตย

“เทพธิดาล้อเล่นแล้ว หากข้ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งจริง ๆ เหตุใดถึงต้องใช้สถานะบำเพ็ญตนอิสระมาปิดบังตัวตนด้วยเล่า?” หลัวซิวกล่าวไปเช่นนี้

“เช่นนั้นคุณชายยินดีเข้าร่วมนิกายมนุษย์ของเราหรือไม่? ด้วยพรสวรรค์ของท่าน อาจได้เป็นเทพบุตร” น้ำเสียงของเทพธิดานิกายมนุษย์แฝงไปด้วยความหลอกล่อ

ฟ้าดินมนุษย์สามนิกายนิกายมนุษย์ฝึกฝนเต๋ากิเลสมนุษย์ นิกายดินฝึกฝนเต๋ากลั่นร่าง แสวงหาเรื่องเนื้ออันแข็งแกร่ง ส่วนนิกายฟ้าแสวงหาธรรมเวชอันยาวไกล มันดูไม่ธรรมดายิ่งกว่า

นิกายมนุษย์แสวงหาความปรารถนา นิกายดินแสวงหากำลัง นิกายฟ้าแสวงหาเต๋า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ