มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3136

ข่าวถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เรื่องการปรากฏของวังปี้โหยว ส่งผลต่อเส้นประสาทของทุกฝ่าย

ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ คนมีพรสวรรค์ประสบโอกาสอันดี ภูมิภาคสิบลี้ ผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าได้มาถึงภูมิภาคสามยอดกระทั่งที่ว่าในนั้นยังมีผู้สำเร็จวิถีเซียนที่ได้หลบซ่อนจากโลกมาเป็นเวลานานแสนนานปะปนอยู่ไม่น้อย

ตำนานเล่าว่า จักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ได้หายตัวไปหลังจากเข้าไปในวังปี้โหยว ด้วยเหตุนี้เมื่อวังปี้โหยวได้ปรากฏขึ้น ผู้ที่เคลื่อนไหวเร็วที่สุดย่อมเป็นเขาภูตศักดิ์สิทธิ์

ในวันนี้ มีกระแสพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ผู้คนที่อยู่ในภูมิภาคสามยอดต่างก็สัมผัสได้ถึงความกดดันอันยิ่งใหญ่ไพศาล

แรงกดดันปกคลุมไปทั่วภูมิภาค นี่เป็นพลังอำนาจที่มีเพียงผู้สำเร็จวิถีเต๋าที่ก้าวเข้าสู่ระดับเซียนสูงสุดเท่านั้นถึงจะทำได้!

วังปี้โหยว เส้นทางเลิศล้ำ เบาะแสที่ลึกลับของจักรพรรดิเซียนในแต่ละยุคสมัย ให้ผู้คนรุ่นหลังแข่งกันสืบเสาะตามหา คนข้างหน้าล้มคนข้างหลังเข้ามาเสริม

ในขณะเดียวกัน การมีอยู่ของวังปี้โหยวก็มิได้เป็นความลับอีกต่อไป นักยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากันรีบเดินทางมา

คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไปในวังปี้โหยว เพราะอย่างไรเสียหลังจากจักรพรรดิเซียนในแต่ละยุคสมัยได้เข้าไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย

แต่ที่ทำให้ผู้คนไม่เข้าใจคือ ในอดีตเคยมีผู้สำเร็จเซียนสูงสุดได้ติดตามจักรพรรดิเซียนเข้าไปด้านใน แต่สุดท้ายมีเพียงเซียนสูงสุดเท่านั้นที่กลับมา ทว่าจักรพรรดิเซียนกลับไม่ได้กลับมาอีกเลย

มีคนต้องการสืบเสาะความลับของวังเลิศล้ำ และมีคนต้องการตามหาเส้นทางเลิศล้ำที่อยู่ในวังปี้โหยวสายนั้น

ส่วนบรรดานักยุทธ์ธรรมดาทั่วไปที่มาชื่มชมความสนุกพวกนั้น พวกเขาเพียงแค่ต้องการได้มองหนึ่งในวังเลิศล้ำในตำนานด้วยความเคารพเท่านั้นเอง

หลัวซิวไม่คิดไปที่นั่นเลยสักนิด แต่เลือกที่จะออกห่าง ตอนนี้ความสนใจของแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ได้ถูกวังปี้โหยวดึงดูดไป มันเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะหลบหนีไปจากที่นี่

จากภูมิภาคขีดจัตุมาจนถึงภูมิภาคสามยอดและจากภูมิภาคสามยอดไปยังภูมิภาคเบญจธาตุ บวกกับวิชาไร้ลักษณ์ไร้รูปร่างของเขา ต่อให้เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์กับชนเผ่าดึกดำบรรพ์มีฝีมือเหนือฟ้า ก็ไม่มีทางที่จะตามหาเขาพบ

ผ่านไปไม่นาน หลัวซิวก็ได้ยินข่าวอย่างอื่น ผู้สำเร็จวิถีเซียนของแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวก็ได้มายังภูมิภาคสามยอดและได้ต่อสู้กับผู้สำเร็จวิถีเซียนของเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ ทำลายผืนแผ่นดินไปนับล้านลี้

เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาไม่น้อย หลัวซิวเดาว่าอาจเป็นเพราะเรื่องแดนต้องห้ามกระดูกฝัง

แม้ว่าเขาภูตศักดิ์สิทธิ์จะได้รับความสูญเสียอย่างหนักในแดนต้องห้ามกระดูกฝัง แต่ก็ได้เป็นฝ่ายรอบโจมตีก่อน เกือบทำให้ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวมีอันตรายถึงชีวิต

เป็นหนึ่งในหกเผ่าพันธุ์โบราณเหมือนกัน และมีการถ่ายทอดของจักรพรรดิเซียนเหมือนกัน แดนศักดิ์สิทธิ์จิ่วโยวย่อมจะไม่ยอมกลืนความคับแค้นนี้เอาไว้อยู่แล้ว

บัดนี้ภูมิภาคสามยอดตกอยู่ในความโกลาหล หลัวซิวเองก็ไม่กล้าขับขี่เข็มทิศสาสน์เต๋าสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่แน่ว่าด้วยความไม่ทันระวัง อาจต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหาเซียนเข้าโดยบังเอิญก็ได้ หรืออาจถึงขั้นเป็นผู้สำเร็จเซียนสูงสุด

ผ่านไปอีกหลายวัน ข่าวที่น่าตกใจยิ่งกว่าได้แพร่กระจายมา ผู้สำเร็จเซียนสูงสุดของเผ่าพันธุ์มังกรเซียนกับผู้สำเร็จเผ่าจิ่วโยวได้ร่วมมือกัน สังหารเซียนสูงสุดผู้นั้นของเขาภูตศักดิ์สิทธิ์!

หลังจากยุคโบราณหลังเป็นต้นมา ในยุคปัจจุบัน เซียนสูงสุดพบเห็นได้น้อย มกุฎเซียนไม่ปรากฏ จักรพรรดิเซียนไร้ร่องรอย

เซียนสูงสุดถูกสังหาร มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาคสิบลี้อย่างแน่นอน ต่อให้เป็นหลัวซิวเมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“ในยุคบรรพกาล เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์โหดเหี้ยมจนเกินไป นับตั้งแต่จักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ได้หายตัวไป เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ถูกทุกฝ่ายล้อมโจมตี ได้รับความเสียหายอย่างหนัก”

“ลือกันว่าในยุคบรรพกาล เผ่าจิ่วโยวกับเผ่าพันธุ์มังกรเซียนได้ถูกเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์กดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรง”

“นั่นเป็นผู้สำเร็จเซียนสูงสุดเชียวนะ กลับถูกสังหารไปเช่นนี้ เกรงว่าเขาพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์คงต้องแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่”

หลัวซิวได้ยินผู้คนคุยกันต่าง ๆ นานา คลื่นลูกใหญ่ที่เกินขึ้นเพราะวังปี้โหยว รุนแรงยิ่งกว่าโบราณสถานปีศาจมังกรกับแดนต้องห้ามกระดูกฝังในภูมิภาคขีดจัตุเสียอีก

“ได้ยินว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ได้พากันปิดผนึกภูมิภาคสามยอดเป็นที่เรียบร้อย เกรงว่าการปรากฏของวังปี้โหยว จะก่อให้เกิดศึกครั้งใหญ่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์”

เมื่อหลัวซิวได้ยินข่าวคราวเช่นนี้ มันทำให้เขาไม่สบายใจขึ้นมา เพราะเช่นนี้ก็หมายความว่าเขาไม่สามารถไปจากภูมิภาคสามยอดได้ ความคิดที่จะไปลี้ภัยยังภูมิภาคเบญจธาตุ ได้แต่ล้มเลิกไป

แดนศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกันปิดผนึกภูมิภาค นั่นเป็นแนวป้องกันที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเซียนยังไม่อาจข้ามผ่านได้ ด้วยความสามารถของเขาไม่มีทางที่บุกออกไปได้อย่างแน่นอน

“ดูท่าข้าคงทำได้เพียงซ่อนตัวอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอให้พายุลูกนี้ผ่านพ้นไป”

แม้ว่าจะจนปัญญา แต่หลัวซิวก็มิได้กังวลใจนัก เขามีวิชาไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง หากต้องการซ่อนตัวจริง ๆ ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าคิดที่จะหาเขาเจอ

ในเมื่อมีแผนการอยู่ในใจแล้ว หลัวซิวก็เตรียมหาสถานที่เพื่อหลบซ่อนตัว ในมือเขายังมีราชาสมุนไพรอยู่อีกหลายต้น อยากมาก็แค่ปิดขังฝึกตนสองสามปี ไม่แน่ว่าเมื่อพายุลูกนี้ผ่านไป เขาอาจมีผลการฝึกตนในแดนเซียนชั้นฟ้าแล้วก็เป็นได้

นี่คือป่าภูเขาที่ขาดแคลนปราณทิพย์เซียน โดยปกติแล้ว ยิ่งเป็นสถานที่ที่ขาดแคลนปราณทิพย์เซียน ก็ยิ่งแทบจะไม่มีสมบัติวิเศษใด ๆ อยู่เลย ถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ น้อยมากที่จะมีคนมาเยือน

ในรัศมีเกือบสิบสิบล้านลี้ ไม่มีเมืองเซียนอยู่เลย ปราณทิพย์เซียนขาดแคลนอย่างน่าสงสาร

นักยุทธ์โดยธรรมดาทั่วไปต่างก็หลีกเลี่ยงที่จะมีในสถานที่เช่นนี้ กลัวว่าจะชะลอความก้าวหน้าของระดับผลการฝึกตนของตนเอง ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว ยิ่งเป็นสถานที่แบบนี้ กลับยิ่งปลอดภัย

“เจ้าจะทำอะไร?”

ทันใดนั้น หลัวซิวพลันจับมืออันนุ่มนวลของนางเอาไว้ มันทำให้เมี่ยวหลิงเป็นเหมือนถูกไฟช็อต นางตกใจอย่างแรง ถึงกับร้องออกมา

แต่วินาทีนี้ พลังแห่งชีวิตอันบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งได้ลอยเข้ามาตามฝ่ามือที่ถูกหลัวซิวจับเอาไว้ นี่คือพลังของกฎชีวิต มีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นลิขิตอันมหัศจรรย์ ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ เมี่ยวหลิงก็รู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของตนคงที่แล้ว

“ไม่ใช่สิ ต่อให้ไร้ลักษณ์ของชนเผ่าไท่ซ่างของพวกเจ้าผันแปรกฎทั้งหมดได้ แต่ประสิทธิภาพก็ไม่น่าจะดีเช่นนี้” เมี่ยวหลิงส่งเสียงด้วยความสงสัย

“ทำไม? คิดว่าตัวเองหายเร็วเกินไปงั้นหรือ?” หลัวซิวเหลือบตามองบนให้กับนาง

ประสิทธิภาพของกฎชีวิตอันบริสุทธิ์ย่อมไม่ดีเช่นนี้แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อครู่ดูเหมือนเขาได้ใช้ไร้ลักษณ์ผันแปรกฎชีวิต แค่ความจริงแล้วเขาได้ใช้พลังแห่งลิขิตไท่จี๋อนัตกาล

นับตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน วิชาศักดิ์สิทธิ์รักษาอาการบาดเจ็บ อนัตกาลอยู่ในอันดับแรก พลังแห่งลิขิตลึกลับมหัศจรรย์ไร้ขีดสุด ต่อให้เป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงแค่ไหน ตราบใดที่มีลมหายใจอยู่ อาการบาดเจ็บล้วนหายดีได้ภายในเวลาอันสั้น

แน่นอน หลัวซิวไม่เคยฝึกฝนวรยุทธ์ของตระกลอนัตกาลมาก่อน เต๋าไท่จี๋อนัตกาลที่เขาได้สัมผัสรู้แตกต่างไปจากไท่จี๋อนัตกาลที่แท้จริง แต่ด้านประสิทธิภาพของการรักษาก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก

“บอกมาซิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

สำหรับเมี่ยวหลิง อันที่จริงแล้วหลัวซิวไม่ได้คิดร้ายอะไรเลย เพราะอย่างไรเสียคนที่คิดจะเล่นงานเขาคือเทพบุตรรุ่นก่อน ๆ ที่ถูกไท่ซ่างอวี้ พ่อของเขาแย่งเทพธิดาไป

สงครามศักดิ์สิทธิ์ ได้เริ่มขึ้นแล้ว”

เมี่ยวหลิงทอดถอนใจ สำหรับสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่นางพูดถึง ย่อมหมายถึงสงครามระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอนอยู่แล้ว

วังปี้โหยวปรากฏ สิบลี้เคลื่อนตัว ผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของภูมิภาคอื่น ๆ ก็ได้มายังที่นี่อย่างต่อเนื่อง รวมตัวกันอยู่ด้านหน้าวังปี้โหยว

บรรดาผู้สำเร็จวิถีเซียนเหล่านี้ต่างหยิ่งยโสยิ่งนัก บุญคุณความแค้นในอดีตต่างถูกขุดออกมา สถานการณ์จึงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ทำให้เกิดสงครามชุลมุน

ตอนแรกมีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์จิ่งโยว เผ่าพันธุ์มังกรเซียน และเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาต่อมา ชนเผ่าดึกดำบรรพ์ก็ได้ถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

แม้ว่านางจะเป็นเทพธิดารุ่นหนึ่งของชนเผ่าดึกดำบรรพ์ และยังมีภัณฑ์เซียนการสืบทอดอยู่ในมือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้สำเร็จวิถีเซียนพวกนั้น นางไร้ซึ่งความสามารถที่จะต่อต้านได้

สำหรับอาการบาดเจ็บของนางนั้น เกิดจากผลพวงของการต่อสู้ระหว่างผู้สำเร็จวิถี และยังถูกไล่ล่าในเวลาต่อมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ