มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3137

“เจ้าถูกตามสังหารหรือ?”

หลัวซิวขมวดคิ้ว เมี่ยวหลิงเป็นเทพธิดาของชนเผ่าดึกดำบรรพ์ บนโลกนี้มีผู้ใดที่จะไล่สังหารนาง?

“ข้าเองก็ไม่ทราบ” เมี่ยวหลิงทอดถอนใจ

สำหรับคำตอบนี้ หลัวซิวมิได้ใส่ใจนัก ชนเผ่าดึกดำบรรพ์เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สืบทอดที่เคยมีจักรพรรดิเซียนมาก่อน หากการล่าสังหารเทพธิดาดึกดำบรรพ์ถูกเปิดเผย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นกองกำลังใดก็ตามล้วนต้องทนรับความโกรธและการตอบโต้ของชนเผ่าดึกดำบรรพ์

ในตอนนี้เอง ท้องฟ้าที่ห่างออกไปได้ถูกฉีกจนเกิดรอยแยกขนาดใหญ่ สองกลสายแล้วสายเล่าลอยออกมาจากด้าน มันดูน่าทึ่งยิ่งนัก

“แย่แล้ว เป็นพวกคนที่ตามล่าสังหารข้า” เมี่ยวหลิงสีหน้าเปลี่ยนไป

“ช่างเป็นสตรีที่ยุ่งยากเสียจริง”

หลัวซิวหัวเราะอย่างขมขื่น อุ้มเมี่ยวหลิงขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง เข็มทิศสาสน์เต๋าปรากฏขึ้นใต้เท้า

กลายเป็นลำแสงภายในพริบตา ลอยมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ไกลออกไป

“ครืน!”

ดวงแสงดาบอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งฟันเข้ามา อีกฝ่ายไม่กล่าวใด ๆ และได้ลงมืออย่างไร้ความปรานีในทันที

“พรึบ!”

เงาร่างของหลัวซิวเลือนรางไปภายในพริบตา ดวงแสงดาบฟันลงมากลับฟันโดนเพียงเศษเงาเท่านั้น ทิ้งร่องขนาดใหญ่เอาไว้ยังหมู่เขาที่อยู่ด้านล่าง เป็นเหมือนดั่งช่องแคบระหว่างภูเขา

จากนั้น มือใหญ่ข้างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสูง ปิดฟ้าบังตะวัน ห้วงโบราณเปี่ยมล้น จากบนลงล่าง กดทับลงไป

“บัดซบ นั่นคือราชาเซียน?”

สีหน้าของหลัวซิวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ราชาเซียนกับเซียนชั้นฟ้าแม้จะห่างกันเพียงแดนเดียว แต่กลับเป็นการก้าวกระโดดจากสามแดนเซียนไปถึงมหาแดนเซียน มีเพียงเทพบุตรเทพธิดาที่มีภัณฑ์เซียนการสืบทอดอยู่ในครอบครองจำนวนน้อยนิดเท่านั้นถึงจะสามารถต่อกรกับราชาเซียนธรรมดาได้

มือใหญ่บดบังฟ้า แรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาหนักหน่วงดั่งภูเขา กระเพื่อมไปด้วยกระแสพลังอันน่าหวาดกลัวซึ่งทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

หลัวซิวขับเคลื่อนความเร็วของเข็มทิศสาสน์เต๋าจนถึงขีดสุด หลบพ้นการโจมตีของมือยักษ์ไปได้อย่างหวุดหวิด แดนดินหมู่เขานับพันลี้ ถูกทำลายฝุ่นกระจายคละคลุ้งในชั่วพริบตา

ทว่าอย่างไรเสียเข็มทิศสาสน์เต๋าก็ยังมิได้เลื่อนระดับ มันเทียบเท่ากับภัณฑ์เซียนชั้นกลางเพียงเท่านั้น เซียนชั้นฟ้าธรรมดาทั่วไปตามไม่ทัน ทว่าราชาเซียนกลับมิได้รวมอยู่ด้วย

นี่คือบุรุษที่สวมในชุดสีดำผู้หนึ่ง เท้าเหยียบเรือโบราณลำหนึ่ง ไม่นานก็ไล่ตามมา และขวางหลัวซิวเอาไว้

ในขณะเดียวกัน แสงกลหลายสายได้ลอยออกมาจากเรือโบราณ ยืนอยู่ทุกทิศทุกทาง กลายเป็นวงล้อม

คนพวกนี้มีจำนวนไม่มาก มีแค่ห้าคนเท่านั้น ด้านหน้าคือราชาเซียนผู้หนึ่ง ส่วนอีกสี่คนล้วนเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นสูง

คนพวกนี้มิได้แสดงใบหน้าที่จริง รอบกายถูกปกคลุมไปด้วยแสงเซียน เห็นได้ว่าต้องการปกปิดสถานะ เช่นนี้ต่อให้สังหารเมี่ยวหลิง ไป ชนเผ่าดึกดำบรรพ์ก็จะไม่รู้ว่าผู้ใดคือฆาตกรที่แท้จริง

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดถึงต้องเอาชีวิตข้า?” ดวงตาคู่งามของเมี่ยวหลิงแฝงไปด้วยความเยือกเย็น

แม้ว่าอาการบาดเจ็บของนางจะถูกหลัวซิวควบคุมเอาไว้ได้แล้ว แต่หากต้องการให้ฟื้นตัวเต็มที่ อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกสองสามวัน

“ฆ่าพวกมันเสีย!”

ราชาเซียนที่อยู่ตรงข้ามมิได้สนใจ เพียงแค่โบกมืออย่างเยือกเย็น ช่างเด็ดขาดยิ่งนัก

เพียงชั่วพริบตา คลื่นพลังอันร้ายกาจไปพุ่งเข้ามาในทุกทิศทาง เซียนชั้นฟ้าขั้นสูงทั้งสี่ได้อัญเชิญภัณฑ์เซียนชั้นยอดออกมา และเคลื่อนใช้พลังอมตะอย่างพร้อมเพรียง พลังแห่งธรรมเวชเกณฑ์มืดฟ้ามัวดิน มุ่งเป้าไปยังหลัวซิวกับเมี่ยวหลิง

“เจ้าอย่าได้ตอบโต้”

หลัวซิวกล่าวกับเมี่ยวหลิงหนึ่งประโยค วังวนได้ปรากฏขึ้นในเวลาต่อมา ม้วนเอานางเข้าไปในคีตโลกาที่สร้างขึ้นโดยจุดลมปราณในร่างกาย

เคล็ดวิชาจุดลมปราณร้อยแปดอาจไม่นับว่าเป็นวรยุทธ์ที่สูงส่งนักในโลกเซียน ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว กลับเป็นพื้นฐานที่สร้างความมั่นคงให้กับรากฐานของเขา

ก็เหมือนกับการสร้างตึกสูงหมื่นจั้ง เขาเริ่มเดินจากด้านล่างขึ้นไปทีละขั้น พื้นฐานของเขาแข็งแรงมั่นคงกว่าบรรดาอัจฉริยะที่ฝึกฝนวรยุทธ์สูงสุดทันทีตั้งแต่แรกเริ่ม

เนื่องจากจุดเริ่มต้นของอัจฉริยะโลกเซียนนั้นสูงเกินไป วรยุทธ์ที่พวกเขาฝึกฝน ล้วนเป็นวรยุทธ์ที่คิดค้นขึ้นโดยผู้สำเร็จอาวุโสตอนที่อยู่ในจุดสูงสุด มีความลึกซึ้งมหัศจรรย์หลายจุดคนรุ่นหลังไม่อาจสัมผัสรู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มิอาจนำแก่นสารที่อยู่ด้านในออกมาใช้เองได้

ส่งเมี่ยวหลิงเข้าไปยังโลการ่างใน หลัวซิวก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก

“ตึง! ตึง! ตึง!”

เขาขยับแขนทั้งสองข้าง ต่อต้านการโจมตีของภัณฑ์เซียนชั้นยอดทั้งสี่ด้วยหมัดทั้งสอง

ลำแสงสาดกระเซ็น แสงเซียนส่งไปทั่วทุกสารทิศ ระหว่างการเผชิญหน้า ภัณฑ์เซียนชั้นยอดทั้งสี่ถูกกระแทกจนลอยปลิวออกไป พลังอมตะโจมตีที่อีกฝ่ายได้ใช้ออกมา ก็ถูกเขาต่อยกระจายไปด้วยหนึ่งหมัด

หลัวซิวในยามนี้ พูดได้ว่าไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา ในสายตามีเพียงราชาเซียนที่อยู่ข้างหน้าผู้นั้น สำหรับเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงทั้งสี่ แม้จะมีผลการฝึกตนในระดับเดียวกันกับเทพบุตรเทพธิดาของแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ความสามารถกลับเทียบกันไม่ได้ ไม่มีอันตรายอะไรนัก

“เจ้าหนุ่มผู้อวดดี เจ้าคิดจะเป็นปรปักษ์กับข้าอย่างนั้นหรือ?”

แม้ในใจจะตกตะลึง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ราชาเซียนผู้นี้หวั่นเกรง เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังอมตะที่ร้ายกาจเพียงใด ถูกใช้ออกมาโดยเซียนดินคนหนึ่ง อย่างมากก็เทียบเท่าได้กับราชาเซียนเพียงเท่านั้น เมื่อเทียบกับราชาเซียนที่แท้จริงอย่างเขาแล้ว ก็ยังคงมีความแตกต่างอยู่มาก

“ครืน! ครืน! ครืน!......”

เพียงชั่วพริบตา หลัวซิวกับราชาเซียนก็ได้ต่อสู้กันไปไม่รู้กี่กระบวนท่าแล้ว อีกฝ่ายได้อัญเชิญภัณฑ์เซียนผู้ชนะออกมา ทุกครั้งที่กระทบกัน ล้วนทำให้หลิวซิวกระอักเลือดออกมา

พลังแห่งชีวิตอันแข็งแรงมหาศาลเลื่อนไหลไปในร่างกาย อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแบบมองเห็นได้ด้วยตา อาการบาดเจ็บที่แท้จริงไม่ร้ายแรงสักเท่าไรนัก

“ในเมื่อใช้หมดทุกกระบวนท่าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไปตายอย่างสงบเสียเถิด”

ราชาเซียนชุดดำมีท่าทางเยือกเย็น ตราประทับสีดำขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งถูกเขาขับเคลื่อน กลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง กดทับไปเต็มท้องฟ้า

“พรึบ!”

เพียงชั่ววินาที แสงสลัวสีเขียวดำสายหนึ่งได้ลอยออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้วของหลัวซิว แสงสลัวเปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็นภาชนะติ่งปีศาจมังกร ไอปีศาจพุ่งกระฉูด กลายร่างเป็นมังกร เสียงคำรามสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

“ตึง!”

เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังสนั่นหวั่นไหว ภาชนะติ่งปีศาจมังกรนั้นเป็นภัณฑ์จักรพรรดิ แม้ว่าระดับผลการฝึกตนของหลัวซิวจะไม่สูงนัก แต่ระดับของตัวภาชนะติ่งเองได้กำหนดแน่นอนแล้ว อานุภาพของการโจมตีในหนึ่งครั้งทำให้สุญญากาศแตกสลาย ทำให้ตราประทับยักษ์สีดำภัณฑ์เซียนผู้ชนะชิ้นนั้น แตกกระจายอยู่ในอากาศ

“เป็นไปไม่ได้!”

ภัณฑ์เซียนชาตะของราชาเซียนชุดดำถูกทำลาย เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมา ท่าทางหวาดผวา “นั่นคือภัณฑ์จักรพรรดิ? คือภาชนะเซียนในโบราณสถานปีศาจมังกรที่หายสาบสูญ?”

ไม่มีผู้ใดให้คำตอบแก่เขา วินาทีที่อัญเชิญภาชนะติ่งปีศาจมังกรออกมา ดาบหักเซียนก็ได้ปรากฏขึ้นในมือของหลัวซิว

“ผลัวะ!”

ดาบเซียนฟาดฟัน ดวงแสงดาบสีแดงสดประดุจโลหิตกวาดฟันไปทั่วทุกทิศ ปกคลุมเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงทั้งสี่

ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกไป เหมือนดังมีเสียงร้องครวญครางด้วยความโศกเศร้าดังมาในฟ้าดิน อีกทั้งเหมือนเทพเจ้าแห่งความตายได้ตีระฆังไว้อาลัย

อานุภาพดาบเซียน ยากที่จะพบคู่ต่อสู้ นี่คือดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มหนึ่ง ถูกหล่อหลอมขึ้นด้วยมือของผู้สำเร็จมกุฎเซียนท่านหนึ่งของเผ่าไท่ซ่าง หลอมรวมเวทย์ต้องห้ามหักเซียนที่สมบูรณ์แบบ

ดาบเล่มนี้ เคยดื่มด่ำเลือดของผู้สำเร็จเซียนสูงสุดมาไม่รู้มากมายแค่ไหน เคยสังหารผู้สำเร็จมกุฎเซียนมานับไม่ถ้วน แค่ไอสังหารที่แผ่ซ่านออกมาเมื่อยามขับเคลื่อน ก็มิใช่สิ่งที่เซียนชั้นฟ้าจะสามารถทานรับได้

เป็นไปตามคาด เซียนชั้นฟ้าขั้นสูงทั้งสี่ไม่มีพลังที่จะต่อต้านได้เลย ภัณฑ์เซียนป้องกันที่พวกเขาเซ่นออกมาล้วนกลายเป็นฝุ่นละอองไปจนหมด แม้แต่ร่างของพวกเขาก็ยังกลายเป็นเถ้าธุลี ภูตเซียนแตกสลาย ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่เลือดสักหยดก็ยังไม่มี......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ