มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3139

ในปัจจุบัน สิ่งที่สะเทือนใจผู้คนมากที่สุดในภูมิภาคสามยอดก็คือสงครามศักดิ์สิทธิ์ หลังจากผู้สำเร็จเซียนชั้นยอดคนหนึ่งได้ถูกสังหาร เขาภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง ได้ยินว่าจ้าวแห่งภูตศักดิ์สิทธิ์ถึงขั้นมาด้วยตนเอง และนำภัณฑ์จักรพรรดิมรรคผลที่จักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ทิ้งเอาไว้มาด้วย

สถานที่ที่วังปี้โหยวตั้งอยู่ ดูถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ยึดครองไปจนหมด ห้ามไม่ให้ผู้บำเพ็ญตนอิสระและคนของกองกำลังอื่น ๆ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง

สำหรับทั้งหมดนี้ หลัวซิวมิได้ไปใส่ใจ เขาได้เช่าห้องห้องหนึ่ง อยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมืองเซียน

โรงเตี๊ยมในโลกยุทธ์ มิได้บริการเพียงแค่ที่พักอาศัย ในห้องยังมีห้องลับ พร้อมสลักลายค่าย สามารถกีดกันการสอดส่องกลิ่นอายและตัวสำนึก

หลังจากหลัวซิวได้มาถึงห้อง เขาได้ตรวจสอบลายค่อยก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อมั่นใจว่าไม่มีค่ายกลประเภทสอดแนมอยู่ ถึงได้นำเมี่ยวหลิงออกมา

“เจ้าสลัดหลุดมาได้แล้วหรือ?”

หลังจากเมี่ยวหลิงออกมา พบว่าตนอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ก็อดไม่ได้ที่จะมองหลัวซิวด้วยความประหลาดใจ

“ทำอะไร? เจ้าอยากให้ข้าสลัดเสื้อผ้าอย่างนั้นหรือ?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหลัวซิวเล็กน้อย

“สารเลว!”

ใบหน้าของเมี่ยวหลิงแดงระเรื่อเล็กน้อย นางรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจเปลี่ยนหัวข้าสนทนา ไม่อยากให้นางรู้ว่าสลัดหลุดจากการไล่ล่าของราชาเซียนมาได้อย่างไร

“ที่นี่น่าจะปลอดภัย เวลาสองสามวันเพียงพอให้เจ้าฟื้นตัวหายดี”

หลัวซิวกล่าวอย่างช้า ๆ “แต่ข้าขอเตือนเจ้าอย่างหนึ่ง หากอาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วยังกล้าลงมือกับข้า ข้าจักต้องให้บทเรียนที่ไม่อาจลืมไปตลอดชีวิตกับเจ้าอย่างแน่นอน”

“หึ เจ้าคิดว่าข้าอยากลงมือกับเจ้างั้นหรือ?” เมี่ยวหลิงทำเสียงฮึดฮัดเบา ๆ

“ช่วงนี้เจ้าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ข้าจะออกไปทำธุระที่ด้านนอก” หลัวซิวก็มิได้ไปใส่ใจท่าทีของนาง

“เจ้าจะไปไหน? คงไม่คิดจะทิ้งข้าไว้ที่นี่หรอกนะ?” เมี่ยวหลิงไล่ถาม

“เหอะ ๆ เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงของข้าเสียหน่อย ต่อให้ข้าทิ้งเจ้าไว้ก็ไม่นับว่าได้แล้วทิ้งหรอกมั้ง?”

หลัวซิวยิ้มอ่อน ๆ จากนั้นก็ผลักเปิดประตูเดินออกไป

ในโลกเซียน ต่างก็มีประเทศเซียนราชวงศ์เซียนอยู่ในทุกภูมิภาค ในประเทศเซียนราชวงศ์เซียนแต่ละแห่ง ล้วนมีเมืองเซียนหลายแห่งดูแลในแต่ละพื้นที่ เป็นจุดรวมตัวของนักยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นข่าวคราวหรือของสมบัติวิเศษ วัตถุดิบ ต่างก็มีทั้งนั้น

ตอนนี้ยังไม่มีสถานที่เหมาะสมสำหรับการปิดขังฝึกตน หลัวซิวจึงไม่รีบที่จะเพิ่มระดับผลการฝึกตน แต่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ในเมืองเซียนแห่งนี้ ทำการเตรียมพร้อมสำหรับการปิดขังฝึกตนของตัวเองในอนาคต

ตอนนี้ผลการฝึกตนขอวงเขาอยู่ในแดนเซียนดินช่วงกลาง มันเป็นการสิ้นเปลืองเกินไปหากทานราชาสมุนไพรโดยตรงเพื่อฝึกตน ดังนั้นเขาจึงวางแผนว่าจะเพิ่มระดับการกลั่นยาของตนให้ถึงระดับนักโอสถเซียนขั้นกลางก่อน

วิธีในการกลั่นยาไม่เป็นที่ต้องกังวล เตายาระดับภัณฑ์เซียนขั้นกลางก็มีแล้ว ขาดเพียงวัตถุดิบที่ทำให้เซียนอัคคีชาตะเลื่อนขั้นเท่านั้น รวมทั้งสมุนไพรเซียนขั้นดินจำนวนมาก

กรองแก้วเซียนในแหวนเก็บของเหลืออยู่ไม่มากนัก ถ้าซื้อคงเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงได้พุ่งเป้าหมายไปที่โรงประมูลของเมืองเซียนแห่งนี้

ตอนนี้วังปี้โหยวได้ปรากฏ แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มารวมตัวกัน ขณะเดียวกันก็ได้นำลูกค้าจำนวนมากมาให้บรรดาพ่อค้าในภูมิภาคสามยอดสมบัติต่าง ๆ นานาไม่เพียงพอต่อการขาย ยอดขายเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน

ของที่เอาออกมาวางขายในร้านส่วนใหญ่เป็นของธรรมดาทั่วไป สิ่งล้ำค่าอย่างแท้จริง ล้วนถูกนำไปยังโรงประมูล มีคนแข่งกันเสนอราคา ถึงจะประมูลได้ในราคาที่สูงยิ่งกว่า

หลังจากหลัวซิวได้ไตร่ตรอง เขาเตรียมขายราชาสมุนไพรต้นหนึ่ง หากขายให้ร้านค้าโดยตรง อย่างมากราคาอยู่ที่หนึ่งล้านกรองแก้วเซียนชั้นสูง หากนำไปที่โรงประมูล ราคาจักต้องสูงกว่าอย่างแน่นอน

ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนมีอยู่มาก ดังนั้นสมบัติวิเศษอย่างราชาสมุนไพรจึงขาดตลาด ต่อให้ไม่สามารถกลั่นแปรเป็นยาเม็ดได้ ทานโดยตรงก็มีโอกาสเข้าสู้การตรัสรู้ได้เหมือนกัน หากโชคดีอาจตรัสรู้ได้ถึงความลึกซึ้งมหัศจรรย์ของเกณฑ์สูงศักดิ์ก็เป็นไปได้ แดนการฝึกตนรุดหน้าอย่างก้าวกระโดด

เขาได้หลอมหน้ากากทองคำขาวที่สามารถปกปิดใบหน้าและกีดกันการสอดแนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หลัวซิวเก็บคลื่นรัศมีพลังลง และได้มาถึงโรงประมูลแห่งนี้

“นี่คือ...... กิเลนเขียวราชาสมุนไพร?”

เมื่อเขาได้นำกล่องหยกออกมาแล้วเปิดออก ผู้ประเมินสินค้าที่มีหนวดเคราสีขาวอยู่เต็มหน้ามีท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

ราชาสมุนไพรต้นหนึ่งนอนอยู่ในกล่องหยก บนใบและรากเหง้ามีสิ่งที่คล้ายเกล็ดปกคลุมอยู่เต็มไปหมด มีสีเขียวทั้งต้น แค่ได้เห็นก็เดาชื่อออก

หลัวซิวพยักหน้าเบา ๆ แอบขับเคลื่อนพลังฝึกตนอยู่ในร่างกายอย่างลับ ๆ เตรียมลงมือทุกเมื่อ

แต่พอคิดดูดี ๆ ทันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะอย่างไรเสียการที่ทั้งห้าคนได้ตามล่าสังหารเทพธิดาดึกดำบรรพ์ ก็ถือเป็นความเสี่ยงที่อันตรายถึงชีวิต หากพบกับความตาย ก็จะไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะมาปฏิบัติภารกิจนี้ น่าจะได้มีการจัดการทรัพย์สินเอาไว้ก่อนแล้ว

วินาทีนี้ กำลังมีการประมูลโอสถหยกขาวจิตเดิมสามสิบเม็ดอยู่ นี่คือโอสถเซียนขั้นดินนิดหนึ่ง สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกตนของเซียนดินได้

โดยทั่วไป น้อยมากที่โอสถเซียนขั้นดินจะมีโอกาสเข้ามาประมูล เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากได้ปล่อยประมูลสามสิบเม็ดในครั้งเดียว ดังนั้นถึงได้รับโอกาสเช่นนี้

หลัวซิวต้องการเพิ่มระดับวิชากลั่นชา เป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่ง ก็คือเพื่อกลั่นโอสถหยกขาวจิตเดิม

เมื่อก่อนเขาเคยได้สอบถามราคาของโอสถเซียนขั้นดิน ต้นทุนในการกลั่นโอสถหยกขาวจิตเดิมหนึ่งเตา อยู่ที่ประมาณสองแสนกรองแก้วเซียนชั้นกลาง หนึ่งเตาสำเร็จได้ประมาณหกถึงสิบเม็ด

ส่วนโอสถหยกขาวจิตเดิมที่กำลังทำการประมูลอยู่ในเวลานี้ มีราคาเม็ดละห้าแสนกรองแก้วเซียนชั้นกลางแล้ว

หนึ่งเม็ดมูลค่าห้าแสน สามสิบเม็ดก็สิบกว่าล้านแสนกรองแก้วเซียนชั้นกลาง!

“ดูท่านไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม นักกลั่นยาล้วนเป็นอาชีพที่หาเงินได้เยอะสุด”

หลัวซิวรู้สึกถอนใจเล็กน้อย หากว่าเขากลายเป็นนักโอสถเซียนระดับกลาง เขาสามารถกลั่นยาได้วันละสิบเตา แถมยังรับประกันได้ว่าในแต่ละเตากลั่นออกมาได้เม็ด และคุณภาพของยาอยู่ในระดับชั้นสูงขึ้นไป

นั่นก็หมายความว่า เขาสามารถกลั่นโอสถเซียนขั้นดินออกมาได้วันละเก้าสิบเม็ด แถมยังคุณภาพสูง หากนำไปขาย ก็จะมีรายได้หลายสิบล้านกรองแก้วเซียนในแต่ละวัน

แต่น่าเสียดายสำหรับหลัวซิวในตอนนี้ นอกเสียจากว่าจะเป็นกรองแก้วเซียนชั้นสูงกับกรองแก้วเซียนชั้นยอด กรองแก้วเซียนชั้นกลางมีผลต่อการช่วยเพิ่มระดับผลการฝึกตนของเขาน้อยมาก หากไม่ใช่เพื่อซื้อสมบัติที่ต้องใช้กรองแก้วเซียนจำนวนมาก เขาก็คร้านที่จะเสียเวลาไปหาเงินด้วยวิธีนี้

“ทุกท่าน ของประมูลชิ้นต่อไปคิดว่าถูกท่านต้องให้ความสนใจอย่างแน่นอน เพราะนี่คืเซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองดวงหนึ่ง!”

ระหว่างที่พูดนั้น ลูกแก้วขนาดเท่าหัวคนก้อนหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นบนเวทีประมูล ในลูกแก้ว ได้ผนึกเปลวไฟสีทองหย่อมหนึ่งเอาไว้ แม้จะมีตัวต้องห้าม ก็ยังสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่พลุ่งพล่าน กระจายไปทั่วทั้งห้องโถง

“มูลค่าของเซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองไม่จำเป็นต้องให้ข้าน้อยพูดมาก หากนักโอสถเซียนระดับกลางหรือไม่ก็นักหลอมอาวุธระดับกลางท่านใดก็ตามได้มันไป ล้วนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นแปรได้สองเท่า หากได้รับการบ่มเพาะ สามารถบ่มเพาะให้กลายเป็นเซียนอัคคีกลายพันธุ์ขั้นสามได้ หรืออาจเป็นในระดับที่สูงยิ่งกว่า!”

พิธีกรประมูลพยายามพูดปลุกระดมอย่างเต็มที่ ทำให้บรรยากาศการประมูลคึกคักขึ้นมา ใครหลายคนต่างมีแววตาเร่าร้อน บอกกับตัวเองว่าจักต้องเอาเซียนอัคคีกลายพันธุ์นี้มาครองให้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ