มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3141

หลัวซิวนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเงียบ ๆ หลังจากได้ยินฝ่ายตรงข้ามเสนอราคาสามล้าน ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

พูดตามตรงเลยว่าเขากังวลจริง ๆ ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่เสนอราคาต่อ บนตัวเขาไม่มีกรองแก้วเซียนที่เยอะถึงขั้นจะซื้อราชาสมุนไพรของตัวเองกลับคืนมา มิหนำซ้ำเซียนอัคคีต่างพันธุ์ที่เขาประมูลมายังต้องใช้กรองแก้วเซียนที่ได้จากการขายราชาสมุนไพรมาจ่ายอีก

ดังนั้นหลัวซิวจึงเงียบไม่พูดอะไร และเขาก็ค่อนข้างพึงพอใจกับราคาสามล้านด้วย

“ยังมัวนั่งบื้ออยู่กระไร? ไม่ได้ยินรึว่ามีคนเสนอราคาที่สูงกว่าแล้ว?”จี้เฉินมองนักประมูลที่ใบหน้าเหม่อลอยรอบหนึ่ง

“ห๊ะ?”

นักประมูลดึงสติกลับมาได้ รู้สึกแค่ว่าเหงื่อแตกท่วมตัว ก่อนจะรีบตะโกนเสียงดังว่า “ยังมีคนใดจักเสนอราคาที่สูงกว่านี้อีกหรือไม่?”

คำถามแบบเดียวกันถูกถามต่อเนื่องกันสามครั้ง ทั้งห้องโถงใหญ่เงียบสงัดถึงขั้นที่สามารถได้ยินเสียงเข็มที่ร่วงหล่นลงพื้น

“ขอแสดงความยินดีกับห้องที่นั่งพิเศษหมายเลข 1003 ด้วยที่ประมูลกิเลนเขียวราชาสมุนไพรเม็ดนี้สำเร็จ!”

เมื่อนักประมูลเคาะค้อนในมือลงมา ประตูของห้องที่นั่งพิเศษหมายเลข 1003 ก็ถูกเปิดออก ก่อนจะมีชายผู้มีผลการฝึกตนเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงคนหนึ่งเดินออกมาด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง

เห็นเพียงทันทีที่คนดังกล่าวปรากฏ สายตาและตัวสำนึกก็ผนึกไปทางหลัวซิวที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องโถงใหญ่ภายในพริบตา เงาร่างกระพริบครั้งหนึ่ง ปรากฏตรงหน้าเขาโดยตรง

มีความดูถูกเหยียดหยามปนอยู่ในแววตาเขา “แค่เซียนดินกระจอก ๆ ก็บังอาจล่วงเกินราชาเซียน ไอ้โง่เง่าที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นประโยคหนึ่ง ชายผู้มีผลการฝึกตนเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงคนนี้ก็ลงมือโจมตีภายในเสี้ยววินาทีแล้ว มีจิตเซียนผนึกรวมอยู่กลางฝ่ามือ

“ไสหัวไป!”

หลัวซิวยกเท้าขึ้นมาถีบครั้งหนึ่ง ภายใต้ผลกระทบจากเกณฑ์การลดเวลา ฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันร่วงลงมา เท้าเขาก็ถีบใส่ท้องของฝ่ายตรงข้ามก่อนแล้ว

เสียงปั้งดังขึ้น ชายผู้มีผลการฝึกตนเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงก็ถูกถีบจนกระเด็นออกไป ร่างกายที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศระเบิดแตกเป็นหมอกเลือด

ร่างเนื้อของหลัวซิวเทียบทัดภัณฑ์เซียนชั้นยอด ซึ่งหมายความว่าการถีบในครั้งนี้ของเขาเทียบเท่าพลังโจมตีครั้งหนึ่งของภัณฑ์เซียนชั้นยอด

เมื่อชายเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงนั่นกระแทกลงพื้น เนื้อหนังทั้งร่างกายก็เละจนน่าอนาถมาก ก่อนจะเป็นลมหมดสติคาที่

ภายในเสี้ยววินาทีเดียว ทุกคนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนผงะไปหมดแล้ว ชายหนุ่มที่คลื่นผลการฝึกตนเป็นเพียงเซียนดินตนหนึ่ง ถึงกับถีบผู้แข็งแกร่งระดับเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงเป็นลมภายในครั้งเดียวอย่างนั้นหรือ ตกลงเจ้าหมอนั่นคือผู้ใดกันแน่?

บัดนี้ไม่มีผู้ใดมองหลัวซิวเป็นเซียนดินตนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากเซียนดินไม่มีทางทำเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำ คนดังกล่าวบังอาจยั่วยุราชาเซียน เช่นนั้นเขาก็มีโอกาสเป็นราชาเซียนตนหนึ่งสูงมาก

“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!”

ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องที่นั่งพิเศษหมายเลข 1003 ลุกพรวดขึ้นมา จิตสังหารตลบฟุ้งออกมาจากร่างกาย ตั้งแต่เขาฝึกตนจนบรรลุเป็นราชาเซียนเป็นต้นมา เขาก็เป็นฝ่ายที่กดขี่ข่มเหงผู้อื่นมาโดยตลอด ซึ่งเคยถูกผู้อื่นกดขี่เช่นนี้เมื่อไหร่?

“เหอะ ๆ วันนี้กูก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เป็นเพียงงานประมูลเล็ก ๆ ในเมืองเซียนธรรมดา ๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนบังอาจไม่นำสำนักเซียนเจ็ดดาวของเราไปไว้ในสายตา”

มีเงาดำอีกร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้องที่นั่งพิเศษที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งบนตัวคนดังกล่าวก็มีพลังออร่าของผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนเช่นกัน

“ราชาเซียนสองตน!”

งานประมูลวุ่นวายอลหม่าน คนจำนวนไม่น้อยเริ่มปลีกตัวออก เพราะทันทีที่ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนก่อสงครามที่นี่อย่างอุกอาจ ทั้งงานประมูลต้องถูกทำลายล้างแน่นอน

สำนักเซียนเจ็ดดาวคือกองกำลังระดับราชาเซียนในภูมิภาคสามยอด โดยที่มีราชาเซียนทั้งหมดสองตน ซึ่งได้แก่เจ้าสำนักสำนักเซียน รวมไปถึงรองเจ้าสำนักสำนักเซียน

“จักลงมือหรือ?”

หลัวซิวค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “พวกมึงทั้งสองจะเข้ามาพร้อมกัน หรือเข้ามาทีละคน?”

เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ สิ่งเดียวที่สามารถตัดสินได้ก็คือศักยภาพ

หากเป็นอดีต เมื่อเผชิญหน้ากับราชาเซียน หลัวซิวยังต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลังอยู่ ทว่าตั้งแต่เคยสู้กับผู้แข็งแกร่งราชาเซียนเมื่อครั้งก่อน สภาพจิตใจของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

ต่อให้ไม่ใช้ยุทธภัณฑ์เซียนระดับภัณฑ์จักรพรรดิทั้งสาม แค่อาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เทียบทัดภัณฑ์เซียนชั้นยอด ควบคู่กับพลังอมตะสองวิชาที่เขาริเริ่ม เขาก็ไม่เกรงกลัวราชาเซียนธรรมดาแล้ว

สำนักเซียนเจ็ดดาวเป็นเพียงกองกำลังธรรมดาทั่วไป ต่อให้มีราชาเซียนคงอยู่ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก

“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงมีปัญญาความสามารถอย่างไร!”

เสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้น ผู้ที่ลงมือคือ ต้วนหย่งรองเจ้าสำนักสำนักเซียนเจ็ดดาว เห็นเพียงทันทีที่เขาง้างมือขึ้นมา ก็มีเงากระบี่ที่นับไม่ถ้วนปรากฏ ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แล้วแผ่คลุมไปทางหลัวซิว

พลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนนั้นเกะกะระรานมากเพียงใด จิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันตลบฟุ้งออกไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่งานประมูลต่างพากันหลบหนี ไม่กล้าอยู่ต่อ เกรงว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ