มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3142

หลัวซิวไม่ได้เลือกที่จะอยู่ในเมืองเซียนแต่อย่างใด เขาทำการกว้านซื้อต้นโอสถเซียนระดับดินจำนวนมากในเมืองเซียนแห่งนี้ก่อน จากนั้นก็เดินออกไปจากเมืองเซียน แล้วมาถึงป่าไม้ที่เงียบเหงาว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

จัดวางค่ายกล สลักจารึกลายค่าย บุกเบิกสถานที่ที่เหมาะกับการปิดขังออกมา

หลัวซิวหยิบลูกแก้วลูกนั้นออกมา จากนั้นลูกแก้วก็ถูกบีบทำลายจนมีเสียงแคว็กดังขึ้น

ณ เสี้ยววินาทีที่ลูกแก้วแตกร้าว ก็มีพลังออร่าที่เร่าร้อนพรั่งพรูออกมา เพลิงอัคคีสีทองลุกโชน ทำให้มิติปริภูมิถูกแผดเผาจนละลาย ทรุดตัวลง พลานุภาพน่ากลัวอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถแผดเผาเซียนดินให้ตายได้อย่างง่ายดาย ทำให้แม้แต่เซียนชั้นฟ้ายังต้องหลบเลี่ยง!

เซียนอัคคีต่างพันธุ์ถูกขนานนามว่าเป็นเพลิงอัคคีที่ทรงพลังที่สุดในหมู่เพลิงอัคคีระดับเดียวกัน เป็นสิ่งล้ำค่าของจอมยุทธ์ธาตุไฟ!

แต่ทว่าสุดท้ายแล้วระดับของเซียนอัคคีประเภทนี้ก็ต่ำเกินไปอยู่ดี หลัวซิวนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับที่อย่างสุขุม เพลิงอัคคีสีทองที่ลุกโชนได้ปกคลุมเขาเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย

“ไร้ลักษณ์ไร้รูป กลั่น!”

หลัวซิวตวาดเบา ๆ เพลิงอัคคีไม่มีสีหลายดวงจึงบินออกมาจากร่างกายเขา เซียนอัคคีไร้ลักษณ์เสมือนหมาป่าหิวโหยที่เจอเหยื่อ มันกระโจนออกไปอย่างดุดัน แล้วทำการดูดกลืนเพลิงอัดคีสีทองที่อันแน่นอยู่รอบ ๆ

การกลั่นแปรในครั้งนี้ดำเนินการไปสามวัน หลังจากเวลาผ่านพ้นไปสามวัน เซียนอัคคีไร้ลักษณ์ก็เลื่อนขั้นสำเร็จ จากเพลิงอัคคีที่ไม่มีสีสันใด ๆ ในตอนแรก ตอนนี้เมื่อกระตุ้นก็จะมีแสงทองอ่อน ๆ แย้มบานออกมา

เซียนอัคคีระดับดิน ต้นโอสถเซียนระดับดิน เตายาระดับภัณฑ์เซียนชั้นกลาง ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แค่ต้องกลั่นยาอีกสามสี่เตา แล้วอนุมานวิชาการกลั่นยาที่เหมาะสมกับตัวเองออกมาก็ได้แล้ว

อย่างไรก็ตามในเวลานี้เอง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างไร้เหตุผล มีความรู้สึกที่อันตรายผุดขึ้นมาในใจ

“เกิดอะไรขึ้น? หรือมีคนจับโป๊ะข้าได้แล้ว?”

หลัวซิวที่อยู่ในสถานปิดขังลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อผลการฝึกตนยกระดับขึ้นมาถึงแดนอย่างเขา น้อยมากที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ และทันทีที่มีความรู้สึกเช่นนี้ปรากฏ นั่นก็หมายความว่าเขาได้เจอกับปัญหาที่อันตรายมากแล้วจริง ๆ

“เวิง!”

ตัวสำนึกของเขาแผ่ขยายออกไปภายในพริบตา พลังวิญญาณไร้ลักษณ์ไร้รูป ไม่มีร่องรอยใด ๆ ก่อนจะทำการปกคลุมฟ้าดินของป่าไม้แห่งนี้เอาไว้อย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเอง ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สัมผัสพลังออร่าที่กำลังซ่อนเร้นได้หลายดวง และเขาก็มองเห็นคนคนหนึ่งในกระแสสัมผัส ตงฟางหยุนเซิง!

“เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์……”

สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไป ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะให้เขาไปค้นคว้าวิจัยวิชาการกลั่นยาแล้ว ถึงแม้เขาจะจัดวางค่ายกล สลักจารึกลายค่ายไว้แล้ว แต่กลับเข้าใจดีมากว่าหนีกระแสสัมผัสของเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่พ้นแน่นอน

โคจรไร้รูป เปลี่ยนแปลงอำพรางพลังออร่า หลัวซิวผันเป็นแสงกลดวงหนึ่งภายในพริบตา แล้วบินจากไปอย่างรวดเร็ว

“พวกมันเจอตัวข้าได้อย่างไร?”

สีหน้าของหลัวซิวดูย่ำแย่มาก ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาซ่อนเร้นอยู่ในภูมิภาคสามยอดมาโดยตลอด ซึ่งไม่เคยเปิดเผยร่องรอยการเคลื่อนไหวของตัวเองเลย

“หรือจะเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานประมูลเมื่อสามวันก่อน? คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกกระมัง? มิหนำซ้ำเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จะรู้ได้ยังไงว่านั่นคือข้า?”

ภายในเวลาเสี้ยววินาทีเดียวก็มีความคิดต่าง ๆ นานาผุดขึ้นมาในหัว เขาหลบหนีไปด้วยสลักจารึกลายค่ายไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสะกดรอยตามมา

“ไท่ซ่างฉิง มึงหนีไม่รอดหรอก!”

ทันทีที่หลัวซิวเคลื่อนไหว ตงฟางหยุนเซิงก็สัมผัสได้แล้ว มีกระจกกายสิทธิ์บานหนึ่งที่มีแสงเซียนไหลเวียนลอยอยู่เหนือศีรษะเขา มีรัศมีที่งดงามหลายดวงสาดส่งออกมาจากตัวกระจก ทุกตำแหน่งที่รัศมีสาดส่องผ่าน ล้วนจะถูกเปิดโปงโดยสิ้นเชิง

เมื่ออยู่ภายใต้การสาดส่องของกระจกกายสิทธิ์ มาตรแม้นว่าเป็นไร้ลักษณ์ไร้รูปของหลัวซิวหนีไม่พ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือมีเงาร่างของเขาปรากฏในกระจกกายสิทธิ์ มันได้ทำการผนึกร่างเขาเอาไว้แล้ว

“ตู้มม!”

ราชาเซียนตนหนึ่งลอยอยู่กลางนภา กดอัดฝ่ามือลงมาด้านล่าง แผ่นดินใหญ่แตกร้าว กลุ่มภูเขาล้มระเนระนาด พื้นที่บริเวณโดยรอบนับหมื่นลี้ถูกทำลายล้างจนกลายเป็นพื้นที่เรียบภายในชั่วพริบตาเดียว

การมาไล่ล่าหลัวซิวในครั้งนี้ ตงฟางหยุนเซิงได้รับบทเรียนจากครั้งก่อนแล้ว ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงพากำลังคนมาเยอะมาก ในจำนวนคนทั้งหมดก็ไม่ขาดแคลนผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนด้วย

นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีศิษย์จำนวนมากของภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์เข้าร่วมด้วย เงาคนถี่ยิบ ราชาเซียนหลายตน!

หลัวซิวผันร่างเป็นแสงกลพลางหลบหนี ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วมาก ทว่ากลับสลัดเหล่าราชาเซียนไม่ทิ้งเลย นี่จึงทำให้สีหน้าของเขาดูย่ำแย่มากกว่าเดิม พลางคิดในใจว่าอนาคตหากมีโอกาส ต้องยกระดับระดับขั้นของเข็มทิศสาส์นเต๋าขึ้นไปให้สูงกว่านี้ให้ได้

“ไท่ซ่างฉิง กูแนะนำให้มึงออมแรงไว้หน่อยเถอะ กูวางกับดักไว้ที่นี่อย่างแน่นหนาตั้งนานแล้ว มึงหนีไม่รอดแน่นอน”

ตงฟางหยุนเซิงควบคุมภัณฑ์เซียนหกเหินระดับผู้ชนะชิ้นหนึ่ง ตามอยู่ด้านหลังแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางตวาด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ