“ข้าขอบูชายันต์ด้วยเลือดข้า!”
บนสนามรบล้วนเต็มไปด้วยเงามนุษย์ หลัวซิวแทบจะไม่มีความหวังที่จะฝ่าฟันออกไปจากวงล้อมได้เลย
เขาฟาดฟันดาบหักเซียนที่อยู่ในมือ กรีดข้อมือตัวเอง ก่อนจะมีเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมา
“โครม!”
เลือดสีแดงสดของเขาไหลรินออกมา แล้วลุกโชนภายในพริบตา เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เพลิงอัคคีที่ลุกโชนก็ได้ปกคลุมทั้งร่างกายเขา
มีแสงสีทองที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากเพลิงอัคคี เขาใช้เวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่าง แผดเผาดั้งเดิมของร่างศักดิ์สิทธิ์หวูจี๋
พลังออร่าบนตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นตามจังหวะอีกครั้ง เหมือนดั่งภาวะแสงสุดท้าย เพียงพริบตาเดียวพลังก็เพิ่มขึ้นไปถึงระดับความสูงที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
ร่างกายของเขาสูงตระหง่าน ในขณะเดียวกันพลังก็เพิ่มขึ้นด้วย ร่างที่สูงสามเมตรกว่าในตอนแรกของธรรมลักษณ์ฟ้าดินสูงถึงสามสิบกว่าเมตร
ร่างที่สูงสามสิบกว่าเมตรเหมือนดั่งภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง ความหยิ่งยโสน่าทึ่ง
“ไปลงนรกให้หมด!”
กดอัดฝ่ามือข้างหนึ่งลงไป มือใหญ่ของร่างที่สูงสามสิบกว่าเมตรยื่นออกไป บดบังท้องฟ้าดั่งสันเขา
เสียงตู้มดังลั่นขึ้น หมอกเลือดหลายก้อนระเบิดพร้อมกัน ศิษย์ภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ทุกคนที่ถูกปกคลุมอยู่ใต้ฝ่ามือแทบจะดับสลายสูญสิ้นไปหมด
“น่ากลัวเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงเซียนดินตนหนึ่งจริง ๆ หรือ?”
“เซียนชั้นฟ้านับร้อยรุมสังหารเซียนดินตนหนึ่ง ถึงขั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง ซากศพนับร้อยเกลื่อนพื้น!”
“มาตรแม้นว่าเป็นราชาเซียน ก็ต้านทานดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้นที่อยู่ในมือมันไม่ได้เช่นกัน!”
“เล่ากันว่าภาชนะติ่งปีศาจที่อยู่เหนือศีรษะมันคือภัณฑ์จักรพรรดิที่อุบัติขึ้นมาในโบราณสถานปีศาจมังกรแห่งภูมิภาคระดับสี่!”
“......”
แม้นจะเป็นศิษย์แห่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะบุคคลก็ถูกโจมตีสังหารจนหวาดกลัวไปแล้ว
“สยบ!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตวาดของสตรีนางหนึ่งสะท้อนมา พระราชวังสีทองที่ลอยอยู่ตรงขอบฟ้าร่วงหล่นลงมากะทันหัน ประหนึ่งดาวหางสีทองดวงหนึ่งพุ่งชนแผ่นดินใหญ่
“ไสหัวออกไปซะ!”
หลัวซิวฟาดฟันดาบหักเซียนที่อยู่ในมือออกมา เขารู้อยู่ว่าผู้ที่อยู่ในพระราชวังหลังนั้นก็คือตงฟางหยุนอี เขาจะใช้ดาบฉกรรจ์ที่อยู่ในมือผ่าพระราชวังหลังนี้ให้แหลกสลาย แล้วสับนางสตรีชั้นต่ำที่สมควรตายอย่างตงฟางหยุนอีให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง ก็มีรุ้งยาวสีขาวเงินหลายดวงบินตรงมา พันธนาการดาบหักเซียนที่อยู่ในมือเขาเอาไว้
เห็นได้ชัดเจนเลยว่ารุ้งยาวสีขาวเงินเหล่านี้เป็นภัณฑ์เซียนที่กลั่นมาจากสมบัติพิเศษ จากพลานุภาพที่ไร้เทียมทานของดาบหักเซียน ถึงขั้นไม่สามารถตัดพวกมันให้ขาดออกจากกันได้ ซึ่งเหนียวทนทานอย่างยิ่ง
“โครม!”
ค้อนใหญ่อันหนึ่งทุบลงมาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งเป็นภัณฑ์เซียนทรงพลังชิ้นหนึ่งที่ราชาเซียนสามตนร่วมมือกันกระตุ้น ทุบใส่ภาชนะติ่งปีศาจมังกรจนกระเด็นออกไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ภัณฑ์เซียนจักรพรรดิทั้งสองชิ้นของหลัวซิวก็หมดประโยชน์แล้ว ทำได้เพียงมองดูพระราชวังสีทองกดอัดลงมาต่อหน้าต่อตา
เหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก แต่หลัวซิวกลับมองเห็นเงาดำร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ในพระราชวังสีทอง
ลู่เมิ่งเหยา!
หากเหล็กเซียนชั้นกล้าทุบพระราชวังสีทองหลังนั้นจนแตกสลาย ศักยภาพของตงฟางหยุนอีแข็งแกร่ง ใช่ว่าจะตายเสมอไป แต่ลู่เมิ่งเหยากลับมีโอกาสโดนลูกหลงสูงมาก
ทันใดนั้น เขาก็เห็นว่ามีดาบเล่มหนึ่งปรากฏในมือลู่เมิ่งเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังตงฟางหยุนอี จากนั้น……
“ฉึก!”
ดวงแสงดาบพุ่งทะลวง ศีรษะของตงฟางหยุนอีที่ไม่มีการเตรียมป้องกันเลยแม้แต่น้อยถูกตัดลงมา
“ศิษย์ทรพี! ……”
ศีรษะของตงฟางหยุนอีที่ถูกตัดออกตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว พลังวิญญาณที่น่ากลัวปรากฏ เสมือนดาบชั้นฟ้าเล่มหนึ่ง เฉือนสังหารไปทางลู่เมิ่งเหยา
“ไม่!”
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หลัวซิวก็โกรธเกรี้ยวมากจนดวงตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เขาพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด แต่กลับสายไปแล้ว
“ไม่ต้องสนใจข้า รีบหนีไป……”
เมื่อเผชิญหน้ากับความตายในวินาทีนี้ บนใบหน้าของลู่เมิ่งเหยากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางเพ่งมองหลัวซิวพลางพูด “ขอให้มีชีวิตรอดต่อไป ข้าอยากบอกกับเจ้ามานานมาก ๆ แล้วว่าข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบแล้ว”
“ฉึก!”
เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด โฉมงามสิ้นชีพ ตงฟางหยุนอีที่กำลังโกรธเกรี้ยวไม่มีการออมมือเลยแม้แต่น้อย
ลู่เมิ่งเหยาต้านทานพลังโจมตีไม่ได้ด้วยซ้ำ ถูกพลังวิญญาณที่น่ากลัวทะลวงตัวหยั่งรู้ ภูตเซียนดั้งเดิมดับสลายสูญสิ้น แม้แต่ดวงจิตแท้ที่สามารถหลบหนีเข้าไปในวัฏสงสารก็มอดไหม้ไปแล้ว
เมื่อหลัวซิวพุ่งมาถึง เขาจับมือของลู่เมิ่งเหยาเอาไว้ แต่ร่างกายของนางกลับเริ่มค่อย ๆ สลายหายไป กลายเป็นจุดแสงที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า แล้วสลายหายไปกลางสายลม
“ไม่! ไม่! ……เมิ่งเหยา! ……”
หลัวซิวแหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงดัง เสียงของเขาดังก้องอยู่กลางท้องฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่วแผ่นดิน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงเถือก จิตสังหารล้นฟ้า แต่กลับทำอะไรไม่ได้แล้ว
จู่ ๆ เขาก็เหมือนคว้าอะไรบางอย่างได้ นั่นคือช่องจิตครึ่งดวงที่มีตำหนิ ซึ่งเคยหลอมรวมเข้ากับลู่เมิ่งเหยา เป็นช่องจิตครึ่งดวงของจี้หวูชวง
ภายในร่างกายที่แห้งเหือดแทบจะไม่มีจิตเซียนหลงเหลืออยู่ เขาหยิบราชาสมุนไพรเม็ดหนึ่งออกมา และไม่มีเวลาไปสนใจแล้วว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองหรือไม่ ยัดมันเข้าไปในปากโดยตรง ฤทธิ์ยาที่มากมายมหาศาลจึงไหลเวียนไปทั้งร่างกายภายในชั่วพริบตา ผลการฝึกตนที่สูญเสียไปได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายเถอะ มันถึงกับกินราชาสมุนไพรสด ๆ เลยอย่างนั้นหรือ!”
“พระเจ้า มันกินอีกเม็ดแล้ว!”
“......”
ภายในเวลาชั่วขณะ หลัวซิวก็กลืนราชาสมุนไพรลงไปแล้วสามเม็ด ผลการฝึกตนไม่เพียงฟื้นฟูกลับคืนมาเจ็ดแปดส่วน แม้แต่ดั้งเดิมที่สูญเสียไปก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว
นี่จึงทำให้ราชาเซียนจำนวนมากแห่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ที่ไล่ล่ามากจากด้านหลังทั้งตะลึงทั้งโกรธ ราชาสมุนไพรนั้นล้ำค่ามากเพียงใด แม้แต่ราชาเซียนก็ครอบครองได้ยากมาก แต่เจ้าหมอนั่นถึงขั้นกลืนกินสด ๆ สามเม็ด ช่างเป็นการปู้ยี่ปู้ยำของล้ำค่าตามอำเภอใจจริง ๆ!
เมื่อมีการฟื้นฟูจากราชาสมุนไพร จึงทำให้หลัวซิวไม่ถึงขั้นถูกฝ่ายตรงข้ามไล่ตามทัน เขาหลบหนีตลอดทาง ยิ่งกว่านั้นคือขณะที่บุกผ่านน่านฟ้าของบางสำนักเซียน ก็ทำให้กองกำลังไม่น้อยต่างตื่นตะลึง
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นกลุ่มราชาเซียนที่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง เหล่าสำนักเซียนก็ตื่นตะลึงก็หดลงไปทันที ไม่มีคนกล้าโผล่หัวออกมา
จู่ ๆ ด้านหน้าก็มีอัสนีกลิ้งไหล ยอดเขาเก้าลูกตั้งตระหง่านปานกระบี่เทพ ยอดเขาทุกลูกล้วนสูงเสียดเมฆ มีแสงสายฟ้าที่ไร้ขอบเขตผนึกรวมอยู่กลางยอดเขาทั้งเก้า จนกลายเป็นสมุทรอัสนี
บนนภาสูงเหมือนจะมีระลอกคลื่นอัสนีลูกหนึ่ง มีแสงสายฟ้าไหลทะลักลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าสยดสยองและน่ากลัวอย่างยิ่ง อัสนีที่ตัดสลับกันมีบารมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก ภาพฉากดังกล่าวทำให้ผู้คนตะลึงงัน
“ไท่ซ่างฉิง! มึงฆ่าท่านพี่กู วันนี้จักเป็นวันตายของมึงอย่างแน่นอน!”
“กากเดนไท่ซ่างที่สมควรตาย บังอาจสังหารเทพธิดาในเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ของกู ด้านหน้าก็คือสถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิ มึงไร้ซึ่งหนทางหลบหนีแล้ว!”
“......”
กำลังคนที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังหัวเราะอย่างเยือกเย็น ด้านหน้าไร้ซึ่งหนทางหลบหนีแล้ว หากอ้อมไปอีกทาง ต้องถูกผู้คนในเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์รายล้อมไว้แน่นอน ซึ่งพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เขามีโอกาสฝ่าวงล้อมออกไปได้เป็นครั้งที่สองแน่ ๆ
สถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิ?
หลัวซิวก็มาถึงภูมิภาคสามยอดระยะหนึ่งแล้ว และเคยได้ยินสถานที่ดังกล่าวมาก่อนเช่นกัน
เล่ากันว่ามีผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์สุดทึ่งคนหนึ่งเคยอุบัติขึ้นมาในยุคโบราณกาล ด้วยศักยภาพมกุฎเซียน สามารถต้านทานจักรพรรดิเซียน เคยเข่นฆ่าทำสงครามกับจักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ แล้วสามารถถดถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตามในเมื่อไม่บรรลุเป็นจักรพรรดิเซียน สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเซียนที่แท้จริงได้อยู่ดี ดังนั้นผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ท่านนั้นจึงใช้ตรีภพโน้มนำอัสนีนภาที่ไร้ขอบเขต ต้องการฝึกเซ่นสายฟ้าเซียนตรีภพออกมา แล้วใช้มันบรรลุมรรคผลกลายเป็นจักรพรรดิสายฟ้า!
แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายมกุฎเซียนท่านนั้นก็ทำไม่สำเร็จ เล่ากันว่าทุกสิ่งอย่างของเขาล้วนถูกตรีภพแสงสายฟ้าที่น่ากลัวฉีกกระชากจนกลายเป็นฝุ่นผง ดับสลายสูญสิ้น ดวงจิตแท้ดับสลาย
ดังนั้นสถานที่ดังกล่าวก็ถูกเรียกว่าสถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิเช่นกัน ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนในยุคหลังไม่กล้าย่างกรายเข้าไปง่าย ๆ
แต่ทว่าอัสนีที่อยู่บริเวณรอบนอกกลับไม่ได้ทรงพลังมากเท่าไหร่นัก และมีผู้แข็งแกร่งมาชุบร่างเนื้อที่นี่ หรือฝึกเซ่นภัณฑ์เซียนเช่นกัน พลานุภาพของภัณฑ์เซียนที่ผ่านการชุบโดยอัสนีจะทรงพลังมากกว่า ซึ่งสามารถขจัดสารเจือปนออกไปได้มากกว่า และมีศักยภาพในการเจริญเติบโตที่มากกว่าด้วย
นอกเหนือจากนี้ สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกเกณฑ์อัสนีแล้ว ที่นี่กลับเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่า บริเวณรอบ ๆ สมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงก็มีสำนักเซียนก่อตั้งอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งล้วนฝึกเกณฑ์ธาตุอัสนีเป็นหลัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...