มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3145

“ข้าขอบูชายันต์ด้วยเลือดข้า!”

บนสนามรบล้วนเต็มไปด้วยเงามนุษย์ หลัวซิวแทบจะไม่มีความหวังที่จะฝ่าฟันออกไปจากวงล้อมได้เลย

เขาฟาดฟันดาบหักเซียนที่อยู่ในมือ กรีดข้อมือตัวเอง ก่อนจะมีเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมา

“โครม!”

เลือดสีแดงสดของเขาไหลรินออกมา แล้วลุกโชนภายในพริบตา เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เพลิงอัคคีที่ลุกโชนก็ได้ปกคลุมทั้งร่างกายเขา

มีแสงสีทองที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากเพลิงอัคคี เขาใช้เวทย์ต้องห้าม​​หวูจี๋ไท่ซ่าง แผดเผาดั้งเดิมของร่างศักดิ์สิทธิ์หวูจี๋

พลังออร่าบนตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นตามจังหวะอีกครั้ง เหมือนดั่งภาวะแสงสุดท้าย เพียงพริบตาเดียวพลังก็เพิ่มขึ้นไปถึงระดับความสูงที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง

ร่างกายของเขาสูงตระหง่าน ในขณะเดียวกันพลังก็เพิ่มขึ้นด้วย ร่างที่สูงสามเมตรกว่าในตอนแรกของธรรมลักษณ์ฟ้าดินสูงถึงสามสิบกว่าเมตร

ร่างที่สูงสามสิบกว่าเมตรเหมือนดั่งภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง ความหยิ่งยโสน่าทึ่ง

“ไปลงนรกให้หมด!”

กดอัดฝ่ามือข้างหนึ่งลงไป มือใหญ่ของร่างที่สูงสามสิบกว่าเมตรยื่นออกไป บดบังท้องฟ้าดั่งสันเขา

เสียงตู้มดังลั่นขึ้น หมอกเลือดหลายก้อนระเบิดพร้อมกัน ศิษย์ภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ทุกคนที่ถูกปกคลุมอยู่ใต้ฝ่ามือแทบจะดับสลายสูญสิ้นไปหมด

“น่ากลัวเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงเซียนดินตนหนึ่งจริง ๆ หรือ?”

“เซียนชั้นฟ้านับร้อยรุมสังหารเซียนดินตนหนึ่ง ถึงขั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง ซากศพนับร้อยเกลื่อนพื้น!”

“มาตรแม้นว่าเป็นราชาเซียน ก็ต้านทานดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้นที่อยู่ในมือมันไม่ได้เช่นกัน!”

“เล่ากันว่าภาชนะติ่งปีศาจที่อยู่เหนือศีรษะมันคือภัณฑ์จักรพรรดิที่อุบัติขึ้นมาในโบราณสถานปีศาจมังกรแห่งภูมิภาคระดับสี่!”

“......”

แม้นจะเป็นศิษย์แห่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะบุคคลก็ถูกโจมตีสังหารจนหวาดกลัวไปแล้ว

“สยบ!”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตวาดของสตรีนางหนึ่งสะท้อนมา พระราชวังสีทองที่ลอยอยู่ตรงขอบฟ้าร่วงหล่นลงมากะทันหัน ประหนึ่งดาวหางสีทองดวงหนึ่งพุ่งชนแผ่นดินใหญ่

“ไสหัวออกไปซะ!”

หลัวซิวฟาดฟันดาบหักเซียนที่อยู่ในมือออกมา เขารู้อยู่ว่าผู้ที่อยู่ในพระราชวังหลังนั้นก็คือตงฟางหยุนอี เขาจะใช้ดาบฉกรรจ์ที่อยู่ในมือผ่าพระราชวังหลังนี้ให้แหลกสลาย แล้วสับนางสตรีชั้นต่ำที่สมควรตายอย่างตงฟางหยุนอีให้แหลกเป็นชิ้น ๆ

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง ก็มีรุ้งยาวสีขาวเงินหลายดวงบินตรงมา พันธนาการดาบหักเซียนที่อยู่ในมือเขาเอาไว้

เห็นได้ชัดเจนเลยว่ารุ้งยาวสีขาวเงินเหล่านี้เป็นภัณฑ์เซียนที่กลั่นมาจากสมบัติพิเศษ จากพลานุภาพที่ไร้เทียมทานของดาบหักเซียน ถึงขั้นไม่สามารถตัดพวกมันให้ขาดออกจากกันได้ ซึ่งเหนียวทนทานอย่างยิ่ง

“โครม!”

ค้อนใหญ่อันหนึ่งทุบลงมาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งเป็นภัณฑ์เซียนทรงพลังชิ้นหนึ่งที่ราชาเซียนสามตนร่วมมือกันกระตุ้น ทุบใส่ภาชนะติ่งปีศาจมังกรจนกระเด็นออกไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ ภัณฑ์เซียนจักรพรรดิทั้งสองชิ้นของหลัวซิวก็หมดประโยชน์แล้ว ทำได้เพียงมองดูพระราชวังสีทองกดอัดลงมาต่อหน้าต่อตา

เหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก แต่หลัวซิวกลับมองเห็นเงาดำร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ในพระราชวังสีทอง

ลู่เมิ่งเหยา!

หากเหล็กเซียนชั้นกล้าทุบพระราชวังสีทองหลังนั้นจนแตกสลาย ศักยภาพของตงฟางหยุนอีแข็งแกร่ง ใช่ว่าจะตายเสมอไป แต่ลู่เมิ่งเหยากลับมีโอกาสโดนลูกหลงสูงมาก

ทันใดนั้น เขาก็เห็นว่ามีดาบเล่มหนึ่งปรากฏในมือลู่เมิ่งเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังตงฟางหยุนอี จากนั้น……

“ฉึก!”

ดวงแสงดาบพุ่งทะลวง ศีรษะของตงฟางหยุนอีที่ไม่มีการเตรียมป้องกันเลยแม้แต่น้อยถูกตัดลงมา

“ศิษย์ทรพี! ……”

ศีรษะของตงฟางหยุนอีที่ถูกตัดออกตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว พลังวิญญาณที่น่ากลัวปรากฏ เสมือนดาบชั้นฟ้าเล่มหนึ่ง เฉือนสังหารไปทางลู่เมิ่งเหยา

“ไม่!”

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หลัวซิวก็โกรธเกรี้ยวมากจนดวงตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เขาพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด แต่กลับสายไปแล้ว

“ไม่ต้องสนใจข้า รีบหนีไป……”

เมื่อเผชิญหน้ากับความตายในวินาทีนี้ บนใบหน้าของลู่เมิ่งเหยากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางเพ่งมองหลัวซิวพลางพูด “ขอให้มีชีวิตรอดต่อไป ข้าอยากบอกกับเจ้ามานานมาก ๆ แล้วว่าข้าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบแล้ว”

“ฉึก!”

เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด โฉมงามสิ้นชีพ ตงฟางหยุนอีที่กำลังโกรธเกรี้ยวไม่มีการออมมือเลยแม้แต่น้อย

ลู่เมิ่งเหยาต้านทานพลังโจมตีไม่ได้ด้วยซ้ำ ถูกพลังวิญญาณที่น่ากลัวทะลวงตัวหยั่งรู้ ภูตเซียนดั้งเดิมดับสลายสูญสิ้น แม้แต่ดวงจิตแท้ที่สามารถหลบหนีเข้าไปในวัฏสงสารก็มอดไหม้ไปแล้ว

เมื่อหลัวซิวพุ่งมาถึง เขาจับมือของลู่เมิ่งเหยาเอาไว้ แต่ร่างกายของนางกลับเริ่มค่อย ๆ สลายหายไป กลายเป็นจุดแสงที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า แล้วสลายหายไปกลางสายลม

“ไม่! ไม่! ……เมิ่งเหยา! ……”

หลัวซิวแหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงดัง เสียงของเขาดังก้องอยู่กลางท้องฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่วแผ่นดิน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงเถือก จิตสังหารล้นฟ้า แต่กลับทำอะไรไม่ได้แล้ว

จู่ ๆ เขาก็เหมือนคว้าอะไรบางอย่างได้ นั่นคือช่องจิตครึ่งดวงที่มีตำหนิ ซึ่งเคยหลอมรวมเข้ากับลู่เมิ่งเหยา เป็นช่องจิตครึ่งดวงของจี้หวูชวง

ภายในร่างกายที่แห้งเหือดแทบจะไม่มีจิตเซียนหลงเหลืออยู่ เขาหยิบราชาสมุนไพรเม็ดหนึ่งออกมา และไม่มีเวลาไปสนใจแล้วว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองหรือไม่ ยัดมันเข้าไปในปากโดยตรง ฤทธิ์ยาที่มากมายมหาศาลจึงไหลเวียนไปทั้งร่างกายภายในชั่วพริบตา ผลการฝึกตนที่สูญเสียไปได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

“ให้ตายเถอะ มันถึงกับกินราชาสมุนไพรสด ๆ เลยอย่างนั้นหรือ!”

“พระเจ้า มันกินอีกเม็ดแล้ว!”

“......”

ภายในเวลาชั่วขณะ หลัวซิวก็กลืนราชาสมุนไพรลงไปแล้วสามเม็ด ผลการฝึกตนไม่เพียงฟื้นฟูกลับคืนมาเจ็ดแปดส่วน แม้แต่ดั้งเดิมที่สูญเสียไปก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว

นี่จึงทำให้ราชาเซียนจำนวนมากแห่งภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ที่ไล่ล่ามากจากด้านหลังทั้งตะลึงทั้งโกรธ ราชาสมุนไพรนั้นล้ำค่ามากเพียงใด แม้แต่ราชาเซียนก็ครอบครองได้ยากมาก แต่เจ้าหมอนั่นถึงขั้นกลืนกินสด ๆ สามเม็ด ช่างเป็นการปู้ยี่ปู้ยำของล้ำค่าตามอำเภอใจจริง ๆ!

เมื่อมีการฟื้นฟูจากราชาสมุนไพร จึงทำให้หลัวซิวไม่ถึงขั้นถูกฝ่ายตรงข้ามไล่ตามทัน เขาหลบหนีตลอดทาง ยิ่งกว่านั้นคือขณะที่บุกผ่านน่านฟ้าของบางสำนักเซียน ก็ทำให้กองกำลังไม่น้อยต่างตื่นตะลึง

อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นกลุ่มราชาเซียนที่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง เหล่าสำนักเซียนก็ตื่นตะลึงก็หดลงไปทันที ไม่มีคนกล้าโผล่หัวออกมา

จู่ ๆ ด้านหน้าก็มีอัสนีกลิ้งไหล ยอดเขาเก้าลูกตั้งตระหง่านปานกระบี่เทพ ยอดเขาทุกลูกล้วนสูงเสียดเมฆ มีแสงสายฟ้าที่ไร้ขอบเขตผนึกรวมอยู่กลางยอดเขาทั้งเก้า จนกลายเป็นสมุทรอัสนี

บนนภาสูงเหมือนจะมีระลอกคลื่นอัสนีลูกหนึ่ง มีแสงสายฟ้าไหลทะลักลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าสยดสยองและน่ากลัวอย่างยิ่ง อัสนีที่ตัดสลับกันมีบารมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก ภาพฉากดังกล่าวทำให้ผู้คนตะลึงงัน

“ไท่ซ่างฉิง! มึงฆ่าท่านพี่กู วันนี้จักเป็นวันตายของมึงอย่างแน่นอน!”

“กากเดนไท่ซ่างที่สมควรตาย บังอาจสังหารเทพธิดาในเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ของกู ด้านหน้าก็คือสถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิ มึงไร้ซึ่งหนทางหลบหนีแล้ว!”

“......”

กำลังคนที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังหัวเราะอย่างเยือกเย็น ด้านหน้าไร้ซึ่งหนทางหลบหนีแล้ว หากอ้อมไปอีกทาง ต้องถูกผู้คนในเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์รายล้อมไว้แน่นอน ซึ่งพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เขามีโอกาสฝ่าวงล้อมออกไปได้เป็นครั้งที่สองแน่ ๆ

สถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิ?

หลัวซิวก็มาถึงภูมิภาคสามยอดระยะหนึ่งแล้ว และเคยได้ยินสถานที่ดังกล่าวมาก่อนเช่นกัน

เล่ากันว่ามีผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์สุดทึ่งคนหนึ่งเคยอุบัติขึ้นมาในยุคโบราณกาล ด้วยศักยภาพ​​มกุฎเซียน สามารถต้านทานจักรพรรดิเซียน เคยเข่นฆ่าทำสงครามกับจักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ แล้วสามารถถดถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ตามในเมื่อไม่บรรลุเป็นจักรพรรดิเซียน สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเซียนที่แท้จริงได้อยู่ดี ดังนั้นผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ท่านนั้นจึงใช้ตรีภพโน้มนำอัสนีนภาที่ไร้ขอบเขต ต้องการฝึกเซ่นสายฟ้าเซียนตรีภพออกมา แล้วใช้มันบรรลุมรรคผลกลายเป็นจักรพรรดิสายฟ้า!

แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายมกุฎเซียนท่านนั้นก็ทำไม่สำเร็จ เล่ากันว่าทุกสิ่งอย่างของเขาล้วนถูกตรีภพแสงสายฟ้าที่น่ากลัวฉีกกระชากจนกลายเป็นฝุ่นผง ดับสลายสูญสิ้น ดวงจิตแท้ดับสลาย

ดังนั้นสถานที่ดังกล่าวก็ถูกเรียกว่าสถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิเช่นกัน ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนในยุคหลังไม่กล้าย่างกรายเข้าไปง่าย ๆ

แต่ทว่าอัสนีที่อยู่บริเวณรอบนอกกลับไม่ได้ทรงพลังมากเท่าไหร่นัก และมีผู้แข็งแกร่งมาชุบร่างเนื้อที่นี่ หรือฝึกเซ่นภัณฑ์เซียนเช่นกัน พลานุภาพของภัณฑ์เซียนที่ผ่านการชุบโดยอัสนีจะทรงพลังมากกว่า ซึ่งสามารถขจัดสารเจือปนออกไปได้มากกว่า และมีศักยภาพในการเจริญเติบโตที่มากกว่าด้วย

นอกเหนือจากนี้ สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกเกณฑ์อัสนีแล้ว ที่นี่กลับเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่า บริเวณรอบ ๆ สมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงก็มีสำนักเซียนก่อตั้งอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งล้วนฝึกเกณฑ์ธาตุอัสนีเป็นหลัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ