ยอดเขาทั้งเก้าประคองฟ้าดิน หล่อเลี้ยงสมุทรอัสนีแห่งหนึ่งขึ้นมา ซึ่งถูกเรียกขานว่าสถานเซ่นสายฟ้ามหิทธิและถูกเรียกว่าสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงเช่นกัน
เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้ หลัวซิวไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว เขาฆ่าตงฟางหยุนอี ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งยุคของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ และเป็นภาพลักษณ์หน้าตาของภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ด้วย
อย่างไรก็ตามจะฆ่าหรือไม่ฆ่ามันก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่นัก เนื่องจากเขาเป็นทายาทของเผ่าไท่ซ่าง เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จึงไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้แน่นอน
“หากกูไม่ตาย อนาคตคอยก้าวเข้าสู่แดนเซียนสูงสุดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จะเป็นวันที่เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จะได้ดับสลายสูญสิ้น!”
พร้อมกับความเกลียดแค้นที่ไร้ขอบเขต มีแววตาที่ลู่เมิ่งเหยาเพ่งมองตัวเองก่อนตายผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนหลัวซิวจะพุ่งเข้าไปทางสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงอย่างไม่ลังเลใจ
ในภพชาตินี้ เขาเคยย่างกรายเข้าไปในสถานที่ที่อันตรายมามากจนนับไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งก็กลับมาพร้อมกับความสำเร็จเสมอ
เขาในวินาทีนี้ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าตัวเองจะสามารถมีชีวิตรอดออกมาจากสมุทรอัสนีแห่งนี้หรือไม่ แต่เขากลับเข้าใจดีมาก ๆ ว่าถ้าเกิดเขาไม่พุ่งเข้าไปในสถานที่ที่อันตรายแห่งนี้ เขาต้องได้ตายอยู่ในกำมือของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
เสี้ยววินาทีที่เข้าไปในสมุทรอัสนี แสงสายฟ้าที่แวววาวจับตาก็ตีเข้าหน้า ปิดผนึกทั่วทุกสารทิศ ซึ่งเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ด้วยซ้ำ
เขาใช้ภาชนะติ่งปีศาจมังกรคุ้มกันร่างแล้วพุ่งเข้าไป วางแผนที่จะบุกตะลุยสมุทรอัสนีแห่งนี้
จากความน่าสยดสยองของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงแห่งนี้ กำลังคนจากเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางไล่ล่าเข้ามาในทันทีแน่นอน เช่นนั้นศัตรูที่เขาต้องเผชิญหน้าด้วยก็จะลดน้อยลง
พื้นที่ภายในทั้งสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงกว้างใหญ่มาก ซึ่งปกคลุมพื้นที่เกือบสิบล้านลี้ จากศักยภาพของเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่สามารถทำถึงขั้นปิดผนึกทั้งเขตพื้นที่แห่งนี้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
“ไล่ตามเข้าไป!”
เหล่าราชาเซียนจากเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ต่างพากันพุ่งเข้าไปในสมุทรอัสนีเช่นกัน เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ฝึกวิญญาณและร่างกายพร้อมกัน มีอิทธิฤทธิ์สูงสุดของวิถีเซียนแดนศักดิ์สิทธิ์ ราชาเซียนทุกตนแทบจะเคยเข้ามาในสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิง แล้วอาศัยอัสนีของสถานที่แห่งนี้ชุบร่างเนื้อตัวเองแล้ว
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้แข็งแกร่งราชาเซียนรวดเร็วมาก โดยเฉพาะในจำนวนคนทั้งหมดที่ไล่ตามเข้ามา ความเร็วในการเคลื่อนที่ของราชาเซียนสิบกว่าตนรวดเร็วปานห่านป่าที่ตื่นตะลึง
อัสนีที่อยู่วงแหวนชั้นนอกสุดของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงคือสีฟ้า หลังจากลึกเข้าไปในระยะที่แน่นอนแล้ว อัสนีก็จะกลายเป็นสีแดงฉาน ต่อให้มีภาชนะติ่งปีศาจมังกรคุ้มกันร่าง ก็ยังมีพลังเสี้ยวหนึ่งของอัสนีทะลุผ่านเกราะป้องกันแล้วโจมตีใส่ตัวเขาอยู่ดี ประหนึ่งถูกดาบเฉือน
อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงเลย เขาลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จากนั้นอัสนีสีแดงฉานก็กลายเป็นอัสนีที่ขาวสว่างเจิดจ้า
“เวิง! ……”
ภาชนะติ่งปีศาจมังกรสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสงสายฟ้าอันสว่างเจิดจ้าที่นับไม่ถ้วนได้ปกคลุมร่างกายหลัวซิวเอาไว้ ถึงแม้ร่างเนื้อของเขาจะเทียบทัดภัณฑ์เซียนชั้นยอด บัดนี้ก็มีความรู้สึกเหมือนร่างใกล้จะแตกร้าวแล้วยังไงอย่างนั้น
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเหล็กสีดำล้วนไม่ทราบชนิดที่มีขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง บินออกมาจากแหวนเก็บของของเขาเอง
แสงสายฟ้าสว่างเจิดจ้าที่ไร้ขอบเขตผนึกรวมกัน แล้วหลอมรวมเข้าไปในเหล็กดำก้อนนั้น เหล็กดำเหมือนดั่งหลุมดำลูกหนึ่ง ทำการดูดกลืนอัสนีอย่างบ้าคลั่ง
“นะ……นี่คือ……”
หลัวซิวเบิกตากว้าง มีรังสีแห่งความตะลึงปรากฏบนใบหน้า เขาต้องรู้จักเหล็กดำก้อนนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นเหล็กที่เขาได้รับมาจากแดนต้องห้ามของเผ่าหงส์เซียนครั้นอยู่ในโลกามนุษย์นั่นเอง
เล่ากันว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้บุกเบิกรุ่นสามของเผ่าหงส์ซียนทิ้งไว้ ซึ่งเท่ากับสมบัติของอาจารย์ปู่ท่านใดท่านหนึ่งในวังขีดไฟแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ขีดจัตุ
น้ำหนักของเหล็กดำก้อนนี้ผิดปกติมาก มีขนาดเท่ากำปั้นแต่กลับหนักปานดาราดวงหนึ่ง ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา หลัวซิวไม่รู้เลยว่าเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไรกันแน่ เขาเคยลองใช้เซียนอัคคีระดับดินกลั่นแปร แต่ก็ไม่สามารถหลอมละลายมันได้เลยแม้แต่น้อย มากไปกว่านั้นคือแม้แต่ภัณฑ์จักรพรรดิอย่างดาบหักเซียนก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้เลยแม้แต่น้อย
เขาจึงสามารถยืนยันได้เลยว่า ผู้บุกเบิกรุ่นสามของเผ่าหงส์เซียนก็ไม่รู้แน่นอนว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไรกันแน่
ตอนแรกเริ่มเขายังคาดการณ์อยู่เลยว่าสาเหตุที่ผู้บุกเบิกรุ่นสามทิ้งคำว่า‘ลิขิตยากหา’เอาไว้นั้น แสดงว่าผู้บุกเบิกรุ่นสามน่าจะเป็นราชาเซียนตนหนึ่ง กระทั่งต่อมาเขาถึงจะเข้าใจว่า ผู้บุกเบิกรุ่นสามแห่งเผ่าหงส์เซียนแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ๆ คำว่า‘ลิขิต’ที่เขาทิ้งไว้ ไม่ได้หมายถึงวิถีลิขิตในเกณฑ์สูงศักดิ์แต่อย่างใด แต่หมายถึงโอกาสอย่างหนึ่ง ดวงชะตาอย่างหนึ่ง
เขาคาดคะเนว่าสิ่งที่ผู้บุกเบิกรุ่นสามแห่งเผ่าหงส์เซียนทอดถอนใจ น่าจะเป็นเรื่องที่เขาอยากแสวงหาลิขิตในการบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียน แต่กลับทำไม่สำเร็จ!
การที่เผ่าหงส์เซียนสามารถกลายเป็นหัวใจสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งได้นั้น แสดงว่าต้องเคยมีมหิทธิมกุฎเซียนอุบัติขึ้นมาก่อนแน่นอน ในส่วนของผู้บุกเบิกรุ่นหนึ่งในตำนานนั้น เล่ากันว่าเป็นเซียนหงสาตัวแรกในฟ้าดิน ซึ่งมีโอกาสเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเซียนได้สูงมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...