มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3147

สรุปบท บทที่ 3147 ฝึกเซ่นเข็มทิศวัฏสงสาร: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปเนื้อหา บทที่ 3147 ฝึกเซ่นเข็มทิศวัฏสงสาร – มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

บท บทที่ 3147 ฝึกเซ่นเข็มทิศวัฏสงสาร ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ข่าวคราวแพร่งพรายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้นเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จะปกปิดข่าวอย่างสุดกำลังสามารถ แต่ในโลกใบนี้ไม่มีความลับที่ยั่งยืนด้วยซ้ำ

เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ระดมคนจำนวนมากเพื่อรุมสังหารทายาทคนหนึ่งของเผ่าไท่ซ่าง ผลลัพธ์สุดท้ายไม่เพียงทำไม่สำเร็จ ทั้งยังได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงด้วย ศิษย์ระดับเซียนชั้นฟ้านับร้อยถูกสังหาร เทพบุตรบาดเจ็บสาหัส เทพธิดาถูกสังหารจนไม่เหลือแม้แต่ซาก

เมื่อข่าวคราวแพ่งพรายออกไป ก็สะเทือนไปทั้งโลก

“เขาเองหรือ?”

หลังจากภาพวาดส่วนหนึ่งรั่วไหลออกไป เมื่อฉือเฟยหลงเห็นรูปร่างลักษณะของทายาทเผ่าไท่ซ่าง เขาก็จำได้ทันที

“ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นทายาทของเผ่าไท่ซ่างแห่งยุคบรรพกาล มิน่าล่ะถึงแข็งแกร่งเช่นนั้น”เทพธิดานิกายมนุษย์ก็ค่อนข้างรู้สึกตะลึงเช่นกัน

“น่าเสียดายจัง หากคนดังกล่าวตายไป เกรงว่าสายเลือดเผ่าไท่ซ่างคงจะสูญพันธุ์ไปจากจักรวาลนี้แล้วจริง ๆ ”

“นั่นน่ะสิ หลังจากผ่านพ้นยุคโบราณก่อนมา ในยุคโบราณกลางและยุคโบราณหลังก็ไม่เคยมีทายาทของเผ่าไท่ซ่างอุบัติขึ้นมาอีกเลย”

“......”

คนจำนวนมากล้วนรู้สึกเสียดาย แต่กลับไม่มีคนใดลุกขึ้นมาผดุงความยุติธรรมให้หลัวซิว ยังไงซะเผ่าไท่ซ่างก็เสื่อมทรุดลงไปตั้งนานแล้ว และถึงแม้เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จะได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงครั้นปลายยุคโบราณกาล ทว่าภูมิฐานยังคงอยู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเซียน ณ ปัจจุบัน

“หรือเจ้าจะตายไปแล้วจริง ๆ?”

เมี่ยวหลิงก็ได้ยินข่าวคราวเช่นกัน หลังจากผ่านการพักฟื้น สภาพอาการบาดเจ็บของนางก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว ทั้งได้ไปรวมตัวกับกองทัพใหญ่ของชนเผ่าดึกดำบรรพ์

ตกลงผู้ใดเป็นผู้ไล่ล่านางกันแน่ กระทั่งปัจจุบันก็สืบเสาะเบาะแสใด ๆ ไม่ได้เลย

นางนึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวเพิ่งแยกกับตัวเองได้ไม่นาน ก็ถูกคนในเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ค้นพบแล้ว นี่จึงทำให้นางรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย บางทีถ้าเกิดไม่ได้ลงมือช่วยนาง ใช่ว่าตัวตนเขาจะเปิดเผยเสมอไป

……

เข้าไปในส่วนลึกของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิง แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นเพียงเซียนดินเล็ก ๆ ตนหนึ่ง ต่อให้มีสมบัติที่สามารถหลบเลี่ยงอัสนี ก็ไม่มีทางกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานได้อย่างแน่นอน ไม่มีผู้ใดคิดว่าทายาทเผ่าไท่ซ่างนั่นจักสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้

เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จัดแจงโยกย้ายกำลังคน ศิษย์ที่นับไม่ถ้วนพุ่งเบียดเสียดกันมาภูมิภาคสามยอด แล้วทำการปิดผนึกเขตพื้นที่ส่วนมากของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงเอาไว้

ส่วนวินาทีนี้ หลัวซิวกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในสมุทรอัสนีสีดำ ก่อนจะมองเห็นอัสนีสีทอง

สีทองที่กล่าวถึงนั้น ไม่ใช่อัสนีที่เปล่งแสงสีทองแต่อย่างใด แต่เป็นอัสนีที่ผันเป็นรูปร่างลักษณะสีทอง เสมือนแก่นแท้ยังไงอย่างนั้น อัสนีสีทองทั้งหลายผ่าตัดสลับกันไปมา อัสนีผ่าใส่กันและกันจนเกิดเป็นเสียงที่เหมือนอาวุธพุ่งชนกัน เป็นภาพเหตุการณ์ที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่มาก

หลัวซิวเดินไปด้านหน้า อัสนีสีทองเหมือนมีวิญญาณยังไงอย่างนั้น ผ่าตรงมาทางเขาทันที พลานุภาพที่ปะทุออกมาภายในเสี้ยววินาที ทำให้เขารู้สึกว่ามันน่ากลัวยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเซียนเสียอีก!

“แย่แล้ว!”

หลัวซิวตกตะลึงหนักมากจนหน้าถอดสี ก่อนจะถอยหลังกลับไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด มีปราณปีศาจสีเขียวดำแพร่กระจายลงมาจากภาชนะติ่งปีศาจมังกรที่อยู่เหนือศีรษะ ปกคลุมอยู่รอบกาย เขายกเหล็กดำลึกลับที่กำอยู่ในมือซ้ายขึ้นมา ในขณะเดียวกันดาบหักเซียนก็ปรากฏบนมือขวาเช่นกัน

“โครม!”

เสียงอัสนีสีทองมโหฬารพันลึก เสมือนมังกรทองตัวหนึ่งพุ่งกระโจนลงมา หลังจากพุ่งชนเข้ากับเหล็กดำลึกลับนั่นแล้ว จู่ ๆ พลังดูดกลืนวิญญาณที่น่ากลัวก็ปรากฏ เหมือนดั่งระลอกคลื่นสีดำหนึ่งลูก ทำการดูดกลืนอัสนีดั่งมังกรทองนั่นเข้าไปภายในพริบตา จากนั้นสถานการณ์ทุกอย่างก็นิ่งเงียบลงไป

“ทรงพลังเช่นนี้เลยรึ?”

หลัวซิวมองดูจนอ้าปากค้างตะลึงงัน เหมือนความเป็นมาของเหล็กดำลึกลับก้อนนี้จะลึกซึ้งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ๆ

“หรือว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ใช้ปราบปรามเกณฑ์อัสนีโดยเฉพาะ?”

หลัวซิวคาดคะเนในใจ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันน่าจะไม่ได้ธรรมดาขนาดนี้ แม้แต่ดาบหักเซียนยังไม่สามารถทำอะไรเจ้าสิ่งนี้ได้ หากสามารถฝึกเซ่นให้มันกลายเป็นอาวุธ มันก็จะสามารถเทียบทัดหรืออยู่เหนือภัณฑ์มรรคผลของจักรพรรดิเซียนได้เลย

เมื่อมีการคุ้มครองจากเหล็กดำลึกลับ หลัวซิวจึงเลือกที่จะหยุดอยู่ ณ จุดที่สมุทรอัสนีสีดำและสีทองเชื่อมต่อกัน

สายฟ้าเซียนสีดำสามารถทำให้กษัตริย์เซียนถดถอย ส่วนสมุทรอัสนีสีทองก็แทบจะสามารถสังหารประมุขเซียนได้เลย นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสูงสุดย่างกรายมา มิเช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าจะมีคนสามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่ตัวเองได้

วินาทีนี้สิ่งที่หลัวซิวกำลังคิดก็คือ ในเมื่อเหล็กดำลึกลับก้อนนี้สามารถดูดกลืนอัสนี แล้วอัสนีทั้งหมดที่ถูกมันดูดกลืนหายไปไหนหมดแล้ว?

เหล็กดำก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น แต่ดูดกลืนอัสนีไปเยอะจนนับไม่ถ้วนแล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าภายในเหล็กดำก้อนนี้น่าจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้มันสามารถดูดรับหรือกักเก็บอัสนี

เขาพลิกดูเหล็กดำก้อนนี้อยู่ในมือหลายรอบมาก กำมันไว้ในมือนานเกิน จึงรู้สึกเมื่อยข้อมือเล็กน้อย ราวกับหลังจากมันดูดซับอัสนีจำนวนมากแล้ว เจ้าสิ่งนี้ก็เริ่มหนักมากกว่าเดิม

และต่อมาคัมภีร์สวรรค์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลัวซิวจึงคาดคะเนว่าตงฟางหยุนอีน่าจะเป็นผู้นำคัมภีร์สวรรค์ไป

แม้นคัมภีร์สวรรค์จะไม่มีประโยชน์ต่อแดนของตงฟางหยุนอีก็ตาม แต่ยังไงซะมันก็เป็นสมบัติที่หล่อเลี้ยงขึ้นมาในดั้งเดิม ซึ่งมีความมหัศจรรย์ต่าง ๆ นานาและความสามารถในการเจริญเติบโต

คัมภีร์สวรรค์มีทั้งหมด 12 หน้า ทุกหน้าล้วนเหมือนกระดาษสีทอง ด้านบนมีลายเส้นธรรมเวชที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาโดยฟ้าดินสลักอยู่ มีผลล้ำแฝงซ่อนอยู่ เหมือนดั่งราชาสมุนไพร

แต่ทว่าระดับของธรรมเวชที่แฝงซ่อนอยู่ด้านบนต่ำกว่าราชาสมุนไพรหลายเท่าตัวมาก

สำหรับหลัวซิวในปัจจุบันแล้ว คัมภีร์สวรรค์เหมือนของไร้ค่า ใช้งานไปก็ไม่มีประโยชน์ หากจะทิ้งก็เสียดาย แต่ถ้าเกิดเขาจะปรับแก้ให้วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น คัมภีร์สวรรค์กลับเป็นหนึ่งในสิ่งของที่ขาดไม่ได้

สวรรค์ ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ล้นและร้าง อัญดั้งเดิมทั้งแปดชิ้น เขาได้ทำการหลอมรวมอัญดั้งเดิมเจ็ดชิ้นเข้ากับวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพแล้ว เหลือแค่เพียงคัมภีร์สวรรค์ ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ

“เวิง!”

วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏหลังศีรษะ หลัวซิวดีดนิ้วครั้งหนึ่ง เพลิงอัคคีกลุ่มหนึ่งจึงปรากฏกลางอากาศที่ว่างเปล่า แล้วทำการปกคลุมคัมภีร์สวรรค์เอาไว้

ใช้เซียนอัคคีระดับดินกลั่นแปร คัมภีร์สวรรค์จึงถูกกลั่นแปรจนกลายเป็นของเหลวสีทองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลอมรวมเข้าไปในวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ

อัญดั้งเดิมทั้งแปดหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความเป็นตายยกระดับ แล้วมีพลังออร่าที่ลึกซึ้งของวัฏสงสารตลบฟุ้งออกมา ความลึกลับและมหัศจรรย์ที่ไร้ขอบเขตเสมือนการตรัสรู้ได้ในทันที

ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ในวัฏสงสาร ซึ่งได้บรรยายความหมายที่แท้จริงของความเป็นและความตายเอาไว้

ภายใต้สถานการณ์ที่ตรัสรู้ได้กะทันหัน หลัวซิวถึงขั้นเข้าใจตรีภพและลิขิตได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

เกณฑ์สูงศักดิ์ใหญ่ทั้งสาม บอกไม่ได้ว่าเกณฑ์ใดแข็งแกร่งเกณฑ์ใดอ่อนแอ แต่ทั้งสามกลับมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อถึงกันและกันจริง ๆ

เริ่มจากการหล่อเลี้ยงของตรีภพ ตามมาด้วยการกำเนิดของลิขิต แล้วก็การควบคุมของวัฏสงสารในช่วงสุดท้าย

จู่ ๆ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพก็กลายเป็นสีดำขาว ด้านหนึ่งดำ ด้านหนึ่งขาว ดำคือความตาย ขาวคือความเป็น ซึ่งมีความลึกลับและมหัศจรรย์ที่ไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่

“นี่คือภัณฑ์เซียนชาตะชิ้นแรกของข้า อนาคตมันจักบรรลุมรรคผลไปพร้อมกับข้า กระทั่งพบความหมายที่แท้จริงของวัฏสงสาร ต่อไปเจ้าจักไม่ใช่วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพอีก แต่เป็นเข็มทิศวัฏสงสาร!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ