มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3148

หลังจากฝึกเซ่นเข็มทิศวัฏสงสารสำเร็จ แม้นระดับขั้นของภัณฑ์เซียนชิ้นนี้จะเป็นเพียงชั้นสูง แต่กลับสามารถเทียบเคียงกับภัณฑ์เซียนชั้นยอดได้อย่างแน่นอน

ต้องท้าวความก่อนว่าภัณฑ์เซียนชั้นยอดคือภัณฑ์เซียนระดับผู้ชนะที่กลั่นล้มเหลวเชียวนะ อานุภาพของมันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ซึ่งอยู่เหนือภัณฑ์เซียนชั้นสูง

แต่หลัวซิวใช้การตระหนักรู้บนวัฏของตัวเองเป็นพื้นฐาน กลั่นภัณฑ์เซียนชาตะออกมา ด้วยระดับชั้นสูง แต่พลานุภาพก็สามารถเทียบเคียงกับภัณฑ์เซียนระดับผู้ชนะบางชิ้นแล้ว

แน่นอนอยู่แล้วว่าสำหรับศัตรูตัวฉากที่เขาต้องเผชิญหน้าในปัจจุบัน พลานุภาพของเข็มทิศวัฏสงสารชิ้นนี้ยังเล็กน้อยมาก เขายังต้องอาศัยอานุภาพของภาชนะติ่งปีศาจมังกร ดาบหักเซียนแล้วก็เหล็กเซียนชั้นกล้าอยู่ดี

แต่ถ้าเกิดฝึกถึงช่วงหลัง คอยเขาก้าวเข้าสู่แดนสูงสุด กลายเป็นผู้มากก็สามารถ ตลอดจนก้าวเข้าสู่แดนจักรพรรดิเซียน ภัณฑ์เซียนที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็ยังคงเป็นภัณฑ์เซียนชาตะของเขาอยู่ดี

ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับจักรพรรดิเซียนยุคก่อน ๆ ในอดีต อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาก็คือภัณฑ์เซียนชาตะที่บรรลุมรรคผลพร้อมกับตน ซึ่งมีนามว่าภัณฑ์จักรพรรดิมรรคผล

พลานุภาพของภัณฑ์จักรพรรดิมรรคผลอยู่เหนือภัณฑ์จักรพรรดิทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นภัณฑ์จักรพรรดิอย่างภาชนะติ่งปีศาจมังกร หากเจอภัณฑ์จักรพรรดิมรรคผลที่แท้จริง เกรงว่ามันคงต้านทานพลังโจมตีเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ

ฉะนั้นท้ายที่สุดแล้ว อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ก็ยังเป็นของของตัวเองอยู่ดี สุดท้ายการอาศัยของนอกกายที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ไม่ยั่งยืนอยู่ดี

ท่ามกลางสมุทรอัสนีที่เปี่ยมล้นไปด้วยภยันตราย เหล็กดำลึกลับได้บุกเบิกแดนสุขาวดีแห่งหนึ่งให้เขา

หลังจากฝึกเซ่นเข็มทิศวัฏสงสารสำเร็จแล้ว หลัวซิวก็โบกมือเรียกเตายาระดับภัณฑ์เซียนชั้นกลางออกมา เห็นเพียงเขาโยนเพลิงอัคคีเข้าไปกลั่นแปร จากนั้นก็เติมแหล่งเซียนที่ระดับขั้นสูงกว่าเข้าไป ทำการยกระดับเตายาเตานี้ให้ขึ้นไปถึงระดับชั้นสูงเช่นกัน

บนวิถีกลั่นยา ความดีแย่ของเตายาก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราการกลั่นยาสำเร็จและคุณภาพสูงต่ำของตัวยาเช่นกัน

หลังจากทำขั้นนี้สำเร็จ หลัวซิวก็เริ่มกลั่นยา ก่อนหน้านี้เขาได้ซื้อตุนต้นโอสถเซียนระดับดินจำนวนมากไว้แล้ว ทว่ายังไม่ทันได้เริ่มกลั่น ก็ถูกเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์รุมโจมตีสังหาร

เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สมุทรอัสนีแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยอัสนี นอกจากเขตพื้นที่รอบเหล็กดำลึกลับ ก็ไม่มีทางสลักจารึกหลายค่ายลงสถานที่อื่น ๆ ได้ด้วยซ้ำ

ดังนั้นขณะที่กลั่นยา หลัวซิวก็ไม่กล้าเพ่งเล็งสมาธิทั้งหมดอยู่กับการกลั่นยาเช่นกัน เขาแบ่งตัวสำนึกส่วนหนึ่งออกไปสังเกตลาดเลาบริเวณรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลา ทันทีที่มีภยันตรายปรากฏ เขาก็จะรีบหลบหนีทันที

อย่างไรเสียแม้นเขาจะทำลายกระจกเซียนที่ใช้สะกดรอยเผ่าไท่ซ่างโดยเฉพาะทิ้งแล้ว แต่ก็ยากที่จะรับประกันเช่นกันว่า เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์จะมีกระจกประเภทนี้อีกบานหรือไม่

ไม่สามารถใช้สีมาเพลาที่นี่ พลังอัสนีที่แข็งแกร่งแทบจะปิดกั้นเกณฑ์ส่วนมากไว้ เกณฑ์เวลาที่แฝงซ่อนอยู่ในเข็มทิศวัฏสงสาร ไม่สามารถต้านทานการลบล้างปราบปรามของพลังอัสนีของที่นี่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อไม่มีการปลุกเสกจากสีมาเพลา หลัวซิวจึงใช้เวลาเกือบสองเดือน ถึงจะกลั่นต้นโอสถเซียนระดับดินทั้งหมดที่อยู่ในมือให้กลายเป็นเม็ดโอสถเซียนสำเร็จ

“เมื่อมียาเหล่านี้ แม้นจะไม่เพียงพอต่อการให้ข้าบรรลุสู่เซียนชั้นฟ้า แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ฝึกถึงเซียนดินขั้นสูงแล้ว”

คำนวณจำนวนเม็ดโอสถเซียนที่อยู่ในมืออยู่ครู่หนึ่ง หลัวซิวได้วางแผนทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว เขาจำเป็นต้องวางแผนทรัพยากรที่ต้องบริโภคในระยะยาว เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ต้องผนึกเขตพื้นที่โดยรอบของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงไว้อย่างแน่นอน ซึ่งเขาอาจต้องหยุดอยู่ที่นี่ค่อนข้างนาน

อัสนีที่ไร้ขอบเขตม้วนซัดอยู่บริเวณรอบ ๆ ภายในสายฟ้าเซียนสีดำอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในเขตพื้นที่แห่งนี้ถูกทำลายล้างจนว่างเปล่าและเงียบสงัด

มือกำเหล็กดำลึกลับ หลัวซิวหยิบโอสถเซียนออกมาแล้วโยนเข้าปาก ก่อนจะเข้าสู่สภาวะการฝึกตนอย่างรวดเร็ว ตัวสำนึกดวงหนึ่งแยกตัวเป็นอิสระอยู่ด้านนอก เพื่อคอยป้องกันผู้แข็งแกร่งที่เผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ส่งเข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้

เมื่อไม่มีการสนับสนุนจากสีมาเพลา ความเร็วในการยกระดับผลการฝึกตนจึงไม่เป็นดั่งใจ เวลาล่วงเลยไปอีกสามเดือนกว่า ผลการฝึกตนของหลัวซิวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ยังคงหยุดอยู่ในแดนเซียนดินช่วงกลาง

“ประสิทธิผลในการฝึกตนเช่นนี้เชื่องช้าเกินไปแล้ว บางทีข้าอาจจะสามารถอาศัยอัสนีในสถานที่แห่งนี้ชุบร่างเนื้อ หากสามารถชุบให้ร่างเนื้อแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เช่นนั้นต่อให้ผลการฝึกตนของข้าไม่สูง เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ผลการฝึกตนอยู่เหนือข้า ข้ามีความสามารถในการเอาตัวรอดเช่นกัน”

ประสิทธิผลของการฝึกตนในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อยมาก ทำให้หลัวซิวล้มเลิกความคิดที่จะกินโอสถเซียนเพื่อยกระดับผลการฝึกตนชั่วคราว

ผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว เขาสามารถยืนยันได้เลยว่าเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน แต่ทว่าหากจะรอให้เหล่าผู้มีอำนาจที่อยู่สูงกว่าประมุขเซียนย่างกรายมา น่าจะยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

อย่างไรเสีย ปัจจุบันสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นเรื่องการอุบัติของวังปี้โหยว เหล่าผู้มีอำนาจที่อยู่สูงกว่าประมุขเซียนล้วนเพ่งเล็งพละกำลังและสมาธิไปที่นั่น

ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว การที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ถือเป็นการให้เวลาเขา ทำให้เขาสามารถสะสมพลังศักยภาพในสมุทรอัสนีแห่งนี้

แม้นจักมีผู้แข็งแกร่งระดับเซียนสูงสุดย่างกรายมา หลัวซิวก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน เขามีเหล็กดำลึกลับ อย่างมากก็แค่หลบหนีเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงแห่งนี้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเหล่าเซียนสูงสุดก็สามารถทำเช่นนั้นได้

ในเมื่อจะชุบร่างเนื้อ ก็ต้องเลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดอยู่แล้ว สายฟ้าเซียนสีดำของที่นี่สามารถสังหารกษัตริย์เซียน สำหรับหลัวซิวในปัจจุบันแล้ว เขายังไม่สามารถต้านทานพลังของสายฟ้าเซียนชนิดนี้

หากไม่มีเหล็กดำลึกลับอยู่ในมือ นับตั้งแต่เสี้ยววินาทีแรกที่เขาก้าวเข้ามาในเขตพื้นที่แห่งนี้ ก็คงถูกสังหารจนกลายเป็นฝุ่นผงไปตั้งนานแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม ไม่นานนักก็ออกจากเขตพื้นที่สายฟ้าเซียนสีดำ ก้าวเข้าสู่เขตพื้นที่สายฟ้าเซียนสีม่วง

สายฟ้าเซียนของที่นี่สามารถสังหารราชาเซียนได้อย่างง่ายดาย หลัวซิวรู้ตัวเองดีอยู่ว่าตนไม่สามารถต้านทานได้ ดังนั้นจึงมุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าต่อ มาถึงเขตพื้นที่ที่มีสายฟ้าเซียนอันสว่างเจิดจ้าตัดสลับกัน

สายฟ้าเซียนสีขาวที่นับไม่ถ้วนประกอบเป็นแหกับดักขนาดใหญ่ ทำการปิดผนึกทั่วทุกมุมของเขตพื้นที่แห่งนี้เอาไว้

ขอแค่ตัวเจ้าอยู่ในเขตพื้นที่แห่งนี้ เช่นนั้นไม่ว่าเจ้าจะยืนอยู่ ณ ตำแหน่งใด ก็ไม่มีทางหนีการโจมตีของสายฟ้าเซียนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

สมุทรอัสนีคืออะไร? มหาสมุทรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอัสนีก็คือสมุทรอัสนี!

พลังโจมตีของสายฟ้าเซียนสีขาวเจิดจ้าที่อยู่ในนี้สามารถเทียบทัดพลังโจมตีของภัณฑ์เซียนผู้ชนะ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียน ก็ต้องเรียกภัณฑ์เซียนคุ้มกันออกมาอย่างสุดกำลังสามารถเช่นกัน ถึงจะสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในเขตพื้นที่แห่งนี้ได้ ทั้งยังยืนหยัดได้ไม่นานด้วย