มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3149

พลังของสายฟ้าเซียนที่อยู่ในร่างกายถูกกระตุ้นให้ระเบิด ร่างกายของหลัวซิวจึงระเบิดแตกเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา เลือดเนื้อและกระดูกทั้งหมดล้วนถูกระเบิดจนแทบจะอยู่ในสภาวะฝุ่น

ดั่งคำกล่าวที่ว่าเก่าไม่ไป ใหม่ไม่มา การเลื่อนระดับจากขั้นสามสู่ขั้นสี่ของร่างศักดิ์สิทธิ์หวูจี๋ ขั้นตอนสุดท้ายที่อันตรายที่สุดก็คือการหลอมสร้างกายา!

หลอมสร้างกายาหมายถึงการสร้างร่างกายกลับคืนมาใหม่ หากต้องการสร้างร่างกายให้กลับคืนมาใหม่ จึงย่อมต้องทำลายร่างกายดั้งเดิมทิ้งอยู่แล้ว ดั่งหลอมสร้างร่างทอง!

มีแสงทองที่แวววาวจับตาปรากฏ เสมือนม่านพลังสีทอง ทำการปกคลุมหมอกเลือดและเศษซากร่างกายของหลัวซิวเอาไว้

จากนั้นม่านพลังสีทองก็กดอัด หดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดของธรรมเวชเกณฑ์สูงศักดิ์ทั้งสามประเภทปรากฏ

ไท่จี๋อนัตกาลลิขิต ไท่จี๋เสวียนแท้ตรีภพ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดดังกล่าวดำเนินการอยู่นานมาก ความล้ำลึกของเกณฑ์สูงศักดิ์กลายเป็นตราอักษรฮู้จำนวนมาก แล้วหล่อเลี้ยงร่างเนื้อที่ใหม่เอี่ยมกลับคืนมา

สุดท้ายแสงทองทั้งหมดที่แวววาวจับตาก็ผนึกร่วมกัน ร่างกายที่ใหม่เอี่ยมล้วนถูกปกคลุมอยู่ในแสงทอง กล้ามเนื้อทุกมัดสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง

ตั้งแต่ย่างกรายสู่เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์จวบจนปัจจุบัน ร่างกายของหลัวซิวเคยผ่านการแปรเปลี่ยนและยกระดับมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ท่ามกลางการแปรเปลี่ยนลอกคราบใหม่ในทุก ๆ ครั้ง ก็จะทำให้ร่างกายของเขาค่อย ๆ สมบูรณ์แบบขึ้น

ถ้าเกิดบอกว่าร่างกายของเมี่ยวหลิงคือผลงานชั้นยอดของสวรรค์ คือความสมบูรณ์แบบที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด

เช่นนั้นร่างกายของหลัวซิวก็คือร่างอันสมบูรณ์แบบที่เขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนพัฒนาทีละก้าว และหลอมสร้างมันขึ้นมาด้วยพรแสวง!

แม้ใบหน้าของเขาจะดูไม่หล่อเหลามากขนาดนั้นก็ตาม พลานุภาพไม่ธรรมดา แต่ไม่ว่าคนใดที่พบเจอเขา ก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีจุดด่างพร้อยใด ๆ เลย ซึ่งในโลกใบนี้ การไม่มีจุดด่างพร้อยก็คือความสมบูรณ์แบบ

ยกมือโบกครั้งหนึ่ง เหล็กดำลึกลับก็ถูกหลัวซิวเก็บกลับเข้าที่ ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว สายฟ้าเซียนที่นับไม่ถ้วนก็พุ่งกระโจนเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาจมหายไปในสายฟ้าเซียนภายในพริบตา

“โครม! โครม! โครม! ……”

“เตี๊ยง! เตี๊ยง! เตี๊ยง!”

เสียงที่เหมือนการตีเหล็กดังขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน หลัวซิวกางแขนทั้งสองข้างออก ปล่อยให้แสงสายฟ้าที่ขาวเจิดจ้าโจมตีลงร่างกายตัวเองเต็มที่

แม้นเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างจะบรรลุถึงขั้นสี่ ร่างเนื้อเทียบเท่าภัณฑ์เซียนผู้ชนะ แต่พลังโจมตีของแสงสายฟ้าที่ขาวเจิดจ้าก็อยู่ในระดับเดียวกัน ฉะนั้นเขาก็ไม่สามารถมองข้ามพลังโจมตีทั้งหมดนี้ได้โดยสิ้นเชิงจริง ๆ

แต่เขากลับยังคงทำเช่นนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของเขาก็คืออยากอาศัยแสงสายฟ้าในสถานที่แห่งนี้ ชุบร่างเนื้อของตัวเองต่อ

ทั้งร่างกายของหลัวซิวถูกแสงทองปกคลุม จากการชุบอย่างต่อเนื่องของแสงสายฟ้า ทำให้แสงทองที่อยู่บนตัวเขายิ่งอยู่ยิ่งเข้มข้นขึ้น ค่อย ๆ เหมือนถูกเพลิงอัคคีสีทองแผดเผา

ตอนแรกเริ่มเขายังถูกแสงสายฟ้าผ่าจนเนื้อปริอยู่ ต่อมาเมื่อมาถึงช่วงหลัง แสงสายฟ้าก็ค่อย ๆ ทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว แค่สามารถสร้างรอยไหม้ไว้บนผิวหนังของเขา

กระทั่งต่อมา เขาก็เคลิบเคลิ้มอยู่ในแสงสายฟ้าที่สว่างเจิดจ้า ประหนึ่งเซียนสงครามผู้ล้ำเลิศตนหนึ่ง ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย

การกลั่นร่างเหมือนหลอมอาวุธ อันที่จริงในหนังสือยุทธภัณฑ์ที่เขาได้รับครั้นอยู่ในโลกามนุษย์ ก็ได้บรรยายความล้ำลึกของวิถีกลั่นร่างเอาไว้แล้ว

ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับการฝึกยุทธ์ การที่เวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างบรรลุจากขั้นสามสู่ขั้นสี่ ก็เป็นเช่นเดียวกับเซียนชั้นฟ้าก้าวเข้าสู่ราชาเซียน เป็นช่วงสำคัญที่ก้าวจากสามแดนเซียนสู่มหาแดนเซียน

ร่างเนื้อบรรลุมรรคผลถึงแดนมหาแดนเซียน ดังนั้นพลังอมตะวิชาที่สองของเวทย์ต้องห้ามเลิศล้ำจึงถูกเปิดออก หมัดเต๋าถล่ม!

ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป สรรพเต๋าล้วยทลาย ซึ่งนี่ก็คือความล้ำลึกสูงสุดของพลังอมตะวิชาหมัดวิชานี้

หากต้องการเปิดใช้พลังอมตะที่สาม ก็มีเพียงทำให้ร่างเนื้อบรรลุถึงแดนที่เทียบเท่าแดนของภัณฑ์เซียนสูงสุด ถึงจะครบเงื่อนไขที่ต้องการ หรือฝึกเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างถึงขั้นที่เจ็ดนั่นเอง

การเลื่อนขั้นของแดนร่างเนื้อ ยังทำให้เขาควบคุมมหาอิทธิฤทธิ์อย่างธรรมลักษณ์ฟ้าดินได้ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งสามารถผันเป็นร่างที่สูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร หลังจากโคจรธรรมลักษณ์ฟ้าดิน กำลังรบก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

ครั้นเป็นร่างที่สูงสามเมตรกว่า ธรรมลักษณ์ฟ้าดินก็ทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน แต่ทว่าแดนของเขาในตอนนั้นยังค่อนข้างต่ำ ต่อให้กำลังรบยกระดับขึ้นหลายเท่าตัว พลังที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ถือว่าเยอะเท่าไหร่นัก

แต่ปัจจุบันร่างเนื้อของเขาเทียบเท่าภัณฑ์เซียนผู้ชนะ หากสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว เช่นนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ระดับพลังสูงกว่า กำลังรบที่เพิ่มขึ้นก็จะน่าสยดสยองมาก ๆ

สามารถพูดได้อย่างไม่เกรงใจเลยว่า แค่อาศัยพลังร่างเนื้อในวินาทีนี้ หากหลัวซิวผันร่างเป็นร่างที่สูงเกือบร้อยเมตร เพียงหมัดเดียวก็สามารถทำลายภัณฑ์เซียนชั้นยอดได้แล้ว!

มาตรแม้นว่าเป็นภัณฑ์เซียนผู้ชนะ หากปะทะกับเขาสิบถึงร้อยครั้ง ก็สามารถถูกกำปั้นเปล่า ๆ ของเขาโจมตีจนระเบิดแตกได้เช่นกัน!

ขั้นที่สี่ของร่างศักดิ์สิทธิ์หวูจี๋ไท่ซ่าง เข้าล็อกเดิม หวูจี๋ หมัดเต๋าถล่ม ควบคู่กับธรรมลักษณ์ฟ้าดิน ปัจจุบันต่อให้ไม่อาศัยอานุภาพแห่งภัณฑ์จักรพรรดิ เขาก็สามารถสังหารราชาเซียนได้แล้ว

จากแดนผลการฝึกตนในปัจจุบันของข้า การที่ร่างเนื้อยกระดับขึ้นมาถึงแดนนี้ก็ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว หากต้องการยกระดับต่อ ก็จำเป็นต้องทำให้ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนที่สูงกว่านี้ก่อน

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ยังคงหยุดอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีแสงสายฟ้าสีขาวสว่างเจิดจ้าพลุกพล่าน กลืนกินโอสถสเซียนระดับดิน เพื่อยกระดับผลการฝึกตน

ฝึกตนอย่างไม่รู้วันรู้คืน เนื่องจากภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ปิดผนึกเขตพื้นที่ส่วนใหญ่ของสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิงเอาไว้ จึงส่งผลให้เหล่ากองกำลังสำนักเซียนที่ปักหลักอยู่รอบสมุทรสายฟ้าจิ่วเฟิง ก็ไม่สามารถส่งคนเข้าไปในสมุทรอัสนีได้เช่นกัน

และภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ส่งผู้แข็งแกร่งเข้าไปตามหาเบาะแสของหลัวซิวในสมุทรอัสนีด้วย เนื่องจากตอนนั้นมีคนจำนวนมากได้มองเห็นกับตาตัวเองเลยว่า เขาได้พุ่งเข้าไปในสมุทรอัสนีขั้นที่ห้า แม้แต่กษัตริย์เซียนยังไม่กล้าย่างกรายเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นง่าย ๆ เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ