มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3150

การฝึกยุทธ์ เริ่มจากปุถุชนทั่วไปจนบรรลุเป็นเทพมาร แล้วฝึกจากเทพมารบรรลุเป็นเซียน

หลังจากบรรลุถึงแดนเซียน ผลการฝึกตนทุกแดนที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นการก้าวข้ามที่ยิ่งใหญ่

หลังจากบรรลุเป็นเซียนชั้นฟ้า ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวก็เกิดการแปรเปลี่ยนเช่นกัน พลังวิญญาณที่มากมายมหาศาลยิ่งกว่าผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง แล้วกลายเป็นดาราสีทองที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ดาราสีทองที่นับไม่ถ้วนผนึกรวมกัน ขอบเขตของมหาสมุทรดารากว้างใหญ่มากกว่าเดิมเกือบเท่าตัวเลย!

แต่น่าเสียดายที่เมื่อแดนยิ่งสูง การยกระดับพลังวิญญาณก็ยิ่งทำได้ยาก พลังวิญญาณของเขาไม่ได้ทลายพันธนาการแล้วก้าวเข้าสู่ระดับของมหาเซียน ยังคงเป็นระดับเซียนชั้นฟ้าอยู่เช่นเคย

ตรงจุดศูนย์กลางของมหาสมุทรดาราสีทองที่กว้างใหญ่ไพศาล ภูตเซียนของเขากำลังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ เหมือนเทพเจ้าเลิศล้ำในจักรวาล และเหมือนจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำผู้สยบเก้าสวรรค์สิบปฐพี มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดปรากฏด้านหลัง ประหนึ่งฟ้าดินแห่งหนึ่ง

ศีรษะสวมมงกุฎทอง เท้าเหยียบมหาสมุทรดารา มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดแห่งสวรรค์ปรากฏด้านหลัง ลักษณะท่าทีเสมือนข้าเป็นเจ้าแห่งเก้าสวรรค์สิบปฐพี

หากผู้อาวุโสผู้มากความสามารถเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องรู้สึกตะลึงมากแน่นอน เนื่องจากแค่บรรลุสู่เซียนชั้นฟ้า ภูตเซียนก็สร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ออกมาได้แล้ว เป็นผู้มีสติปัญญาเลิศล้ำที่มีโอกาสก้าวเข้าสู่จักรพรรดิเซียนได้อย่างแน่นอน!

“เข้าล็อกเดิม!”

จู่ ๆ หลัวซิวก็ลุกขึ้นยืน เขาอยากทดลองดูมากว่าหลังจากตัวเองบรรลุถึงเซียนชั้นฟ้าแล้ว กำลังรบจะเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่กันแน่

“โครม!”

ไม่มีแสงเซียนไร้ขอบเขตที่แวววาวจับตาผนึกรวมกัน แค่ทำท่าประสานอิน ก็เหมือนฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ ก่อนจะมีพลังที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูออกมา ทำการปกคลุมแสงสายฟ้าอันสว่างเจิดจ้าที่อยู่ด้านหน้า แล้วกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง บริเวณที่ถูกพลังปกคลุมมืดมนไปหมด

“พลังไม่เลวเลย”

มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว เมื่อมองจากมุมมองความหมายบางอย่าง เข้าล็อกเดิมเป็นพลังอมตะวิชาแรกที่เขาริเริ่มแล้วค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ปัจจุบันเมื่อบรรลุถึงแดนเซียนชั้นฟ้า อานุภาพแห่งเข้าล็อกเดิมก็บรรลุถึงระดับที่เทียบเท่าพลังโจมตีของราชาเซียนแล้ว

“หวูจี๋!”

เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มีแสงทองแย้มบานปะทุออกมาจากร่างกาย แล้วกลายเป็นเพลิงอัคคีสีทองที่กำลังลุกโชน

เพียงชั่วพริบตาเดียว แสงทองก็บดบังทุกสรรพสิ่ง ราวกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีทองไปแล้ว เสมือนสามารถดูดกลืนฟ้าดิน ทุกสรรพสิ่งที่คงอยู่ล้วนจะดับสลายเป็นฝุ่นผง

แสงสายฟ้าขาวสว่างเจิดจ้าที่นับไม่ถ้วนถูกดูดกลืน หลัวซิวก้าวเดินไปข้างหน้า ทุกตำแหน่งที่เขาเคลื่อนผ่าน สายฟ้าเซียนจะหลบเลี่ยง สรรพวิชาสลาย ไม่มีสิ่งใดสามารถขวางกั้น!

“หมัดเต๋าถล่ม!”

หลัวซิวปล่อยหมัดหนึ่งออกไป สรรพเต๋าล้วยทลาย กลางมหาสมุทรอัสนีที่สว่างเจิดจ้าถึงขั้นถูกโจมตีจนเกิดเป็นเส้นทางสีดำขลับหนึ่งเส้น แล้วมุ่งไปสู่เขตพื้นที่ของสายฟ้าเซียนสีม่วงโดยตรง

เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้ การหยุดอยู่ในเขตพื้นที่แห่งนี้ต่อจึงไร้ความหมายอีกต่อไป หลัวซิวหยิบเหล็กดำลึกลับออกมากำไว้ในมือ แล้วเข้าสู่สถานสายฟ้าเซียนสีม่วง

สายฟ้าเซียนสีม่วงสามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่กษัตริย์เซียน ทว่าสำหรับกษัตริย์เซียนแล้ว มันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามที่อันตรายมากนัก กษัตริย์เซียนส่วนมากล้วนจะมาชุบร่างเนื้อที่นี่ เพื่อทำให้ร่างเซียนศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ถึงเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างจะบรรลุถึงขั้นสี่ หลัวซิวก็ไม่กล้าชุบร่างเนื้อที่นี่เช่นกัน นอกเสียจากผลการฝึกตนของเขาก็สามารถบรรลุถึงแดนราชาเซียนได้เช่นกัน มิฉะนั้นมันก็จะอันตรายเกินไป หากประมาทเพียงเล็กน้อย ก็จะดับสลายสูญสิ้นเป็นเถ้าธุลีได้เลย

มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกษัตริย์เซียน ในทุก ๆ ปีก็มีคนเกิดอุบัติเหตุขณะชุบร่างเนื้อที่นี่เช่นกัน จมหายเข้าไปในสายฟ้าเซียนสีม่วงที่ไร้ขอบเขต กลายเป็นเถ้าธุลี ไม่เหลือแม้แต่ซาก

“ตู้มม!”

ทันใดนั้นเอง พลังออร่าที่แข็งแกร่งดวงหนึ่งก็จุติลงมา เหนือนภาสถานสายฟ้าเซียนสีม่วงราวกับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งฉีกกระชาก แล้วมีเงาดำร่างหนึ่งที่ปกคลุมอยู่ในแสงเซียนปรากฏ

“ประมุขเซียน!”

สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาคุ้นเคยต่อประมุขเซียนที่ปรากฏในวินาทีนี้อยู่ ซึ่งก็คือประมุขเซียนที่ปรากฏขณะเขาถูกเผ่าพันธุ์ภูตศักดิ์สิทธิ์ไล่ล่า แล้วต่อมาก็มีประมุขเซียนอีกตนหนึ่งขัดขวางเขาไว้

“ดูท่าวันเวลาที่เงียบสงบได้สิ้นสุดลงแล้วสินะ”

ไม่มีความลังเลใจใด ๆ หลัวซิวกำเหล็กดำลึกลับไว้ในมือ แล้วกระตุ้นความเร็วให้เร็วถึงขีดสุดภายในพริบตา เหยียบเข็มทิศวัฏสงสาร ร่างกายเหมือนลำแสงดวงหนึ่ง ทุกครั้งที่เงาร่างกระพริบครั้งหนึ่ง ก็จะทะลุข้ามผ่านระยะทางเป็นหมื่นลี้

“มึงนี่ไม่รอดหรอก ไยต้องทำเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนี้ด้วยเล่า?”

เสียงที่เยือกเย็นค่อย ๆ สะท้อนมา ถึงหลัวซิวจะกระตุ้นความเร็วให้ขึ้นไปถึงจุดที่เร็วที่สุดแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเซียน เขาก็ยังคงเชื่องเช้าเหมือนเต่าคลานอยู่ดี

อำนาจบารมีที่น่ากลัวมาเยือน เมื่ออยู่ภายใต้การกดอัดจากอาณาจักรของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเซียน ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของตัวเองลดลงไปเยอะมาก ยิ่งกว่านั้นคือกระแสสัมผัสของเกณฑ์ทวยเทพธรรมก็ถูกตัดขาดไปแล้วด้วย

ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ประมุขเซียนที่แข็งแกร่งกำลังก้าวเดินอยู่บนนภาเหนือสมุทรอัสนีสีม่วง สายฟ้าเซียนสีม่วงที่นับไม่ถ้วนผ่าลงมาอย่างรุนแรง แต่กลับถูกแสงเซียนบนตัวเขาต้านทานไว้หมด ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายได้เลยแม้แต่น้อย

แม้แต่กษัตริย์เซียนยังสามารถต้านทานสายฟ้าเซียนของที่นี่ได้เลย จึงไม่มีทางสร้างภัยคุกคามให้แก่ประมุขเซียนได้อยู่แล้ว

“เวิง!”

ทันใดนั้นเอง ประมุขเซียนก็ค่อย ๆ ยื่นมือใหญ่ข้างหนึ่งออกมา นี่เป็นมือใหญ่ที่ผนึกรวมมาจากแสงเซียน มันทลายแสงสายฟ้าทั้งหลาย ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ปกคลุมทุกสรรพสิ่ง แล้วทำการปกคลุมหลัวซิวไว้ใต้ฝ่ามือ

และเสี้ยววินาทีที่มือใหญ่ข้างนั้นยื่นมา อำนาจบารมีของประมุขเซียนก็เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายของเขานิ่งอยู่กับที่ ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ครั้นยังเป็นเซียนดิน เมื่อเผชิญหน้ากับอานุภาพแห่งประมุขเซียนก็ไม่สามารถต่อต้านได้แล้ว ถูกทำให้นิ่งอยู่กับที่

วินาทีนี้เขาเป็นเซียนชั้นฟ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนเคย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าประมุขเซียนนั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวมากเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ