มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3152

ภาชนะติ่งปีศาจมังกรกลายเป็นแสงดำสลัว วกเวียนไปในสายฟ้าเซียนทรงเดช แม้ว่าสายฟ้าเซียนในที่นี้จะน่ากลัว แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำอันตรายภัณฑ์จักรพรรดิอย่างภาชนะติ่งปีศาจมังกรได้

“อย่างเจ้าทำอันตรายข้าไม่ได้หรอก”

ชี่อลวนรายล้อมอยู่บนมือทั้งสองข้างของเฒ่าประมุขเซียน เห็นเพียงเขาได้ซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกมา ซัดจนภาชนะติ่งปีศาจมังกรลอยขึ้นสูง ร่างเนื้อแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

เขาเป็นประมุขเซียน แถมยังเกิดในภูเขาภูตศักดิ์สิทธิ์ที่ฝึกควบคู่ร่างวิญญาณ ที่เขาฝึกฝนนั้นคือร่างภูตศักดิ์สิทธิ์หวูจี๋ ความแข็งแกร่งของเนื้อหนัง ได้ขัดเกลาจนทัดเทียมได้กับอัญประมุขเซียนเป็นที่เรียบร้อย

และด้านการสัมผัสรู้แดนธรรมเวชเกณฑ์ เฒ่าประมุขเซียนย่อมเหนือกว่าหลัวซิวอีกมากนัก

หากไม่มีการกำจัดของสายฟ้าเซียนทรงเดชไร้สิ้นสุด อาศัยพลังแห่งประมุขเซียน เพียงแค่ดีดนิ้วมือ ก็สามารถเอาชีวิตของหลัวซิวได้แล้ว

“หากเจ้ากล้าออกมา ก็เท่ากับรนหาที่ตาย”

เฒ่าประมุขเซียนมีสีหน้าท่าทางเย็นชา ประมุขเซียนที่ใจเย็นลงคนหนึ่งนั้นน่ากลัวเป็นพิเศษ เงาร่างของเขาเร็วเหมือนดั่งสายฟ้า เขาบุกเข้าโจมตีหลัวซิวในทันที

“เดรัจฉานน้อย เจ้ายังอ่อนหัดเกินไปนัก เมื่อครู่ข้าหันหลังเตรียมจากไป เพียงเพราะต้องการล่อเจ้าออกมาเท่านั้นเอง”

เฒ่าประมุขเซียนทีท่าทางเย้ยหยัน เขาเชื่อว่าตราบใดที่ตนเข้าประชิดตัวได้ อีกฝ่ายเป็นเพียงเซียนชั้นฟ้าเล็ก ๆ คนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสหนีรอด

“เดรัจฉานเฒ่า เจ้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะจับตัวข้าไว้ได้อีกหรือ?”

หลัวซิวก็มีสีหน้าเย้ยหยันเช่นเดียวกัน ร่างกายสั่นสะท้าน พลันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นร่างสูงสามสิบจั้ง หนึ่งร้อยเมตร

“เจ้าคิดว่าตัวเองวางแผนเล่นงานข้า แต่กลับไม่รู้เลยว่าข้าเองก็วางแผนเล่นงานเจ้าเช่นเดียวกัน!”

หลัวซิวหัวเราะเยาะไม่ขาด หลังจากได้แปลงธรรมลักษณ์ฟ้าดินออกมา ร่างของเขาสูงตระหง่านเหมือนดั่งภูเขา คลับเคลื่อนวิชาต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่าง มือใหญ่สีทองเป็นเหมือนดั่งโม่หิน พลันหล่นทับลงมา

“ครืน!”

ทั้งสองต่อสู้กันด้วยร่างเนื้อ คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกไป

แม้ว่ารูปร่างของทั้งสองคนจะแตกต่างกันมาก ทว่าพลังของเฒ่าประมุขเซียนกลับเหนือกว่าหลัวซิวอีกมากนัก ต่อยทะลุฝ่ามือของเขาได้ภายในหมัดเดียว เลือดสดพุ่งกระฉูด

“แม้จะมีธรรมลักษณ์ฟ้าดิน แต่ผลการฝึกตนของเจ้ายังต่ำเกินไป” เฒ่าประมุขเซียนมีสีหน้าท่าทางเยือกเย็น ไอสังหารดุเดือด

“งั้นหรือ?”

หลัวซิวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับอาการบาดเจ็บบนฝ่ามือเลยสักนิด แสงเลือดเปล่งประกายอยู่บนมือซ้ายของเขา ดาบหักเซียนฟันออกไปในอากาศ โจมตีเข้าใส่เฒ่าประมุขเซียน

เฒ่าประมุขเซียนตกตะลึง ในดาบรบที่แดงเหมือนเลือดเล่มนี้ เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารชั้นฟ้า ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเซียนอย่างเขา เกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน!

“ดาบหักเซียน!”

เขาเคยพบเห็นสิ่งต่าง ๆ มามากมาย จึงรู้จักที่มาที่ไปของดาบรบเล่มนี้ และก็เพราะรู้ถึงได้เกิดความหวั่นเกรง ปฏิกิริยาแรกคือขยับหลบ

เพียงแต่ว่าหมัดของเขาได้ต่อยทะลุฝ่ามือของหลัวซิว จึงทำให้หมัดของเขาติดอยู่ในเลือดเนื้อของหลัวซิว

เขาต้องการดึงหมัดกลับมา ทว่ากลับถูกหลัวซิวยึดเอาไว้แน่น แม้เลือดจะไหลเป็นสายน้ำก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย

“บัดซบ!”

เฒ่าประมุขเซียนโกรธจัด ชี่อลวนระเบิดออกมา บดขยี้ฝ่ามือของหลัวซิวจนกลายเป็นหมอกโลหิต และถอยหลังออกไปด้วยความเร็วที่สุด

แต่เนื่องจากถูกทำให้ล่าช้า เขายังคงถอยช้าเกินไปหนึ่งก้าว ไหล่ข้างซ้ายรวมไปถึงแขน ได้ถูกดาบหักเซียนฟันหลุดออกจากร่าง

นี่แทบจะเป็นการต่อสู้ด้วยวิธีใช้ชีวิตเข้าแลกแล้ว หลัวซิวทราบดีว่าฝีมือของเขายังห่างกับประมุขเซียนอีกมากนัก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ใช้วิธีเช่นนี้ อาศัยอานุภาพของภัณฑ์จักรพรรดิ ถึงจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บได้ หรือแม้กระทั่งหากโอกาสเอาชีวิตประมุขเซียนผู้นี้

“ครืน!”

สายฟ้าเซียนทรงเดชผ่าลงมา ไหล่และแขนที่ถูกตัดของเฒ่าประมุขเซียนได้สลายหายไปในทันที

ร่างข้างหนึ่งของเขาไหลอาบไปด้วยเลือด ภายใต้การผ่าโจมตีของสายฟ้าเซียนทรงเดช บนร่างของเขาจึงมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“เจ้า......”

เฒ่าประมุขเซียนมีท่าทางตกตะลึง เขากลืนโอสถเซียนเม็ดหนึ่งลง และหันหลังจากไปอย่างไม่ลังเล

ครั้งนี้เขาไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไป แต่ต้องการหลบหนีไปจริง ๆ มิเช่นนั้นหากล่าช้าอยู่เช่นนี้ เขาจักต้องตายอยู่ในสายฟ้าเซียนทรงเดชอย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายที่หลัวซิวไม่ให้โอกาสเขาได้หลบหนี ก่อนที่อีกฝ่ายจะมีการเคลื่อนไหว แสงสีทองสายหนึ่งก็ได้ลอยออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้วของเขาแล้ว

แสงสีทองลอยออกมา ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การปกคลุมของสายฟ้าเซียนทรงเดช แสงสีทองอร่ามเหมือนดั่งเสาได้ยืดยาวออกเรื่อย ๆ กลายเป็นเสาเทพค้ำฟ้า เสียงตึงดังขึ้น หล่นทับลงมา

ท้องฟ้าสั่นสะเทือน สายฟ้าเซียนทรงเดชนับไม่ถ้วนถูกทับจนกระเด็นไปทั่ว จุดที่เสาเทพค้ำฟ้าทับลงมา ได้กลายเป็นสุญญากาศสีดำ

“นี่คือ......”

เฒ่าประมุขเซียนถูกเสาเทพค้ำฟ้าที่ร่วงลงมาหล่นทับ ภายในใจของเขานั้นตะลึงจนพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าจิตเซียนที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายถูกควบคุม ถูกสยบเอาไว้

น้ำหนักของเสาเทพค้ำฟ้าน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ อาศัยเพียงแรงสยบจากน้ำหนัก ก็ได้ทำให้ร่างของเฒ่าประมุขเซียนแตกหากเสียงดังกร๊อบแกร๊บ รอยร้าวบนผิวหนังปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถี่ยิบราวกับใยแมงมุม

“ภาชนะติ่งปีศาจมังกร ดาบหักเซียน เสาเทพค้ำฟ้า.......คนรุ่นหลังอายุน้อยอย่างเจ้ามีภัณฑ์จักรพรรดิถึงสามอย่าง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ