โลกการฝึกยุทธ์ ใจคนไม่บริสุทธิ์ หยุนเซวียนไม่มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งอยู่ในโลกเซียน แถมในมือยังมีของวิเศษ
ดั่งคำกล่าวที่ว่าสมบัติวิเศษสั่นคลอนใจคน เผ่าพันธุ์มังกรเซียนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง แต่ก่อนเคยเป็นชนชั้นบรรพมังกรที่แข็งแกร่งซึ่งเคยพึ่งพาเผ่าไท่ซ่าง รากฐานฝังลึก ย่อมจะไม่โลภมากต่อของวิเศษชิ้นนี้ของนางอยู่แล้ว
แต่คนอื่น ๆ นั้นไม่เหมือนกัน พูดได้อย่างไม่ต้องเกรงใจว่า ถึงแม้ในมือของหยุนเซียนจะมีไพ่ไม้ตายกับของวิเศษที่ราชาเซียนหยุนหลงทิ้งเอาไว้ให้ก็ตาม หากเซียนดินทั้งสามคนคิดจะลงมือกับนาง ก็คงยากที่นางจะหนีรอดไปได้
จากเนื้อหาที่พวกเขาได้สนทนากัน หลัวซิวได้รู้ว่า ผู้บำเพ็ญเซียนชายที่ซึ่งเป็นผู้นำของทั้งสามคน มีนามว่าซุนฟู่อี้ เป็นหลายชายของผู้คุมกฎกษัตริย์เซียนแห่งเผ่าพันธุ์มังกรเซียนผู้หนึ่ง ผลการฝึกตนไม่สูง แต่มีตำแหน่งสถานะโดดเด่น
ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนหญิง มีนามว่าฮั่วยีชิง มีท่าทางเหมือนว่าจะชอบพอซุนฟู่อี้ ทว่าดูเหมือนซุนฟู่อี้จะสนใจหยุนเซวียนมากกว่า
ส่วนชายอีกคนนั้น มีนามว่า หลิวเกาหมิง นับเป็นผู้ติดตามของซุนฟู่อี้ แม้ว่าจะมีผลการฝึกตนที่เหมือนกัน แต่ชาติกำเนิดด้อยกว่ามาก เป็นเพียงศิษย์ระดับล่างของเผ่าพันธุ์มังกรเซียนเท่านั้นเอง
ในเผ่าพันธุ์มังกรเซียน มิใช่ว่าศิษย์ทุกคนจะมีสายเลือดมังกรเซียนทั้งหมด ในโลกเซียนที่กว้างใหญ่ไพศาล ก็มีผู้คนมากมายที่มีวาสนาได้รับสายเลือดของอสูรมังกรตราบใดที่คนพวกนี้มีพรสวรรค์พอ ล้วนสามารถกลายเป็นศิษย์ของเผ่าพันธุ์มังกรเซียน ฝึกฝนวรยุทธ์ของเผ่าพันธุ์มังกร
ทั้งสี่คนนั่งอยู่ด้วยกัน สั่งอาหารมาหลายอย่าง ดื่มสุรา พลางสนทนากันไป ส่วนมากเป็นซุนฟู่อี้ที่พูดอยู่คนเดียว สอบถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของของวิเศษที่อยู่ในมือของหยุนเซยีวนชิ้นนั้นอย่างอ้อมค้อม
อย่าว่าแต่หลัวซิวเลย แม้แต่หยุนเซวียนเองก็สัมผัสได้ว่าซุนฟู่อี้ผู้นี้มีใจไม่บริสุทธิ์ต่อของวิเศษชิ้นนั้นของนาง
สำหรับหยุนเซวียน หลัวซิวมีความรู้สึกไม่เลวนัก ความจริงแล้วนางมีนิสัยไม่สงบเสงี่ยมเลยสักนิด ค่อนข้างดื้อรั้นเสียด้วยซ้ำ ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์
แต่อยู่ที่นี่ ฝีมือของนางอ่อนด้อย นิสัยที่แท้จริงได้ถูกระงับเอาไว้
ดูมาถึงตรงนี้ หลัวซิวก็รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย ตอนนั้นอยู่ในวังทะยานเซียนเขาได้รับหนืดอมฤตตรีภพ ผลึกตรีภพ และยังได้เหล็กเซียนชั้นกล้าในเวลาต่อมา พูดได้ว่าเป็นบุญกรรมที่เขาติดค้างราชาเซียนหยุนหลงที่กลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้วผู้นั้น
บัดนี้ได้เห็นหยุนเซวียนตกที่นั่งลำบาก ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่หลัวซิวจะไม่ยื่นมือเข้าช่วย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยนาง
คิดมาถึงตรงนี้ หลัวซิวจึงได้เดินเข้าไปยังโต๊ะที่หยุนเซวียนและซุนฟู่อี้กับพวกนั่งอยู่
เมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามา พวกซุนฟู่อี้ก็ได้เลื่อนสายตามองไป แววความงุนงงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าต่างก็ไม่รู้จักคนผู้นี้
“ข้าน้อยหลัวอวี้ น้อมพบทุกท่าน”
หลัวซิวเดินเข้ามาด้านหน้า ประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม มารยาทครบครัน
สาเหตุที่ใช้ชื่อหลัวอวี้ ย่อมมีสาเหตุมาจากที่บิดาของเขาชื่อไท่ซ่างอวี้ ส่วนชื่อหลัวซิวกับไท่ซ่างฉิงนั้น เขาจะใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มันอาจทำให้สถานะเปิดโปงได้โดยง่าย
ในตอนนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์กับกลิ่นอาย แม้จะใช้แซ่หลัว แต่โลกเซียนกว้างใหญ่ไพศาล คนแซ่หลัวมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน หยุนเซวียนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ย่อมมองไม่ออกว่าเป็นเขาอยู่แล้ว
“ท่านมีเรื่องอันใดหรือ?”
ซุนฟู่อี้มิได้กล่าวใด ๆ หลิวเกาหมิงที่อยู่ด้านข้างจึงเอ่ยขึ้น
“คืออย่างนี้ เมื่อครู่ข้าน้อยได้ยินพวกท่านเอ่ยถึงเทือกเซียนฉื้อหมิงของภูมิภาคเบญจธาตุ ข้าน้อยมีเซียนไฟขั้นดินที่ต้องเพิ่มระดับอยู่พอดี ได้ยินว่ามีไข่มุกแก้วเจ้านาวาปรากฏขึ้นที่เทือกเขาฉื้อหมิง ไม่ทราบข้าน้อยขอเดินทางไปพร้อมกับทุกท่านได้หรือไม่?” หลัวซิวกล่าว
“เพิ่มระดับเซียนไฟ? ท่านเป็นนักโอสถเซียนหรือ?”
เมื่อได้ยินที่หลัวซิวกล่าว ดวงตาของซุนฟู่อี้ก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย จึงได้เอ่ยถามขึ้นมา
“พูดแล้วมันน่าละอายใจนัก ข้าน้อยเป็นเพียงนักโอสถเซียนระดับกลางเท่านั้นเอง” หลัวซิวกล่าวถ่อมตัว
นักโอสถเซียนมีฐานะที่ไม่ธรรมดาในโลกเซียน แม้จะอยู่ในแดนเซียนดินเหมือนกัน ฐานะของนักโอสถเซียนระดับกลางผู้หนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่เซียนดินคนอื่น ๆ จะเทียบได้อย่างแน่นอน
สำหรับด้านผลการฝึกตน อาศัยความสามารถของไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง หลัวซิวแปรผันคลื่นพลังผลการฝึกตนแสร้งทำเป็นว่าตนอยู่ในแดนเซียนดินขั้นปฐมภูมิออกมาได้อย่างง่ายดาย
เซียนดินขั้นปฐมภูมิคนหนึ่ง แถมยังเป็นนักโอสถเซียนระดับกลาง ซุนฟู่อี้ไม่คิดมากมายเลยสักนิด และรับปากทันที
การไปเทือกเขาฉื้อหมิงในครั้งนี้ ที่จริงความเป็นไปได้ที่จะหาสมุนไพรเซียนขั้นฟ้ากับไข่มุกแก้วเจ้านาวาพบนั้นมันต่ำมาก ด้วยสถานะของซุนฟู่อี้ เป็นเรื่องที่ง่ายมากหากต้องการสมบัติวิเศษพวกนี้ สาเหตุที่เขาตั้งใจไปที่นั่น เพราะต้องการไปฝึกฝนหาประสบการณ์เท่านั้นเอง
ศิษย์สำนักเซียนแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกคน เมื่อผลการฝึกตนได้บรรลุถึงแดนที่แน่นอนแล้ว ล้วนต้องออกไปฝึกหาประสบการณ์ที่ด้านนอก เพราะไม่ว่ากองกำลังใดก็ตามหากต้องการพัฒนาต่อไปให้ยืนยาว ล้วนต่างทราบดีว่าการให้ศิษย์ในสำนักเอาแต่ปิดขังฝึกตนเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน
มีนักโอสถเซียนร่วมเดินทางไปด้วย หากว่าหาสมุนไพรเซียนขั้นดินพบ ให้นักโอสถเซียนกลั่นเป็นโอสถเซียน ก็จะสามารถเพิ่มระดับการฝึกตนไปในระหว่างทางได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
สำหรับเงื่อนไขของการที่ซุนฟู่อี้ให้หลัวซิวร่วมเดินทาง คือจักต้องช่วยกลั่นยาให้กับทุกคน ส่วนหลัวซิวก็รับปากเรื่องนี้ทันที
“ยินดีต้อนรับสหายหลัวร่วมเดินทางกับเรา เชิญนั่ง!”
ซุนฟู่อี้ดูดีอกดีใจมาก เชิญชวนให้หลัวซิวนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาด้วยท่าทางเกรงใจ
หยุนเซียนขยับที่นั่งข้าง ๆ ให้ หลัวซิวกล่าวของคุณ แล้วนั่งลง
“ศิษย์น้องหยุนเซวียน มียอดฝีมือจากทั่วทุกสารทิศมาตามหาโอกาสวาสนาในเทือกเขาฉื้อหมิง ฝีมือของพวกเราค่อนข้างอ่อนด้อย ดังนั้นต้องระวังให้มาก” จู่ ๆ ซุนฟู่อี้ก็ได้กล่าวขึ้นมาเช่นนี้
เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ หลิวเกาหมิงที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวเสริมขึ้นมา “ศิษย์พี่ซุนพูดมีเหตุผล ดังนั้นศิษย์น้องหยุนเซวียนเจ้าเอาของวิเศษที่สามารถดึงดูดโชคลาภหลีกเลี่ยงอันตรายนั่น ให้ศิษย์พี่ซุนช่วยดูแลชั่วคราวดีกว่า"
“นั่นสิ มีศิษย์พี่ซุนเป็นผู้นำของพวกเรา ต้องตามหาทรัพยากรได้มากมายแน่ ถึงตอนนั้นทุกคนต่างก็ได้รับผลประโยชน์” ฮั่วยีชิงเองก็ได้ช่วยพูดอีกคน
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหยุนเซวียนก็เปลี่ยนไปทันที นางรู้ว่าซุนฟู่อี้อยากได้กระดูกแฟแลงซ์สามารถดึงดูดโชคลาภหลีกเลี่ยงอันตรายชิ้นนั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะถอดหน้ากากเร็วเช่นนี้ นี่เพิ่งจะมาถึงเทือกเขาฉื้อหมิงเอง ก็ทนรอไม่ไหวเสียแล้ว
ใบหน้าของซุนฟู่อี้แฝงไปด้วยรอยยิ้ม มองไปยังหยุนเซวียน กล่าว: “ศิษย์น้องหยุนเซวียนวางใจ แค่เอามันมาฝากไว้กับข้าชั่วคราวเท่านั้น พอใช้เสร็จแล้ว ข้าต้องคืนให้เจ้าแน่”
ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่ต่างก็ต้องรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ทันทีที่ของตกอยู่ในมือซุนฟู่อี้ ก็อย่างหวังว่าจะเอากลับคืนมาได้เลย
เมื่อเห็นหยุนเซียนไม่พูดอะไร ซุนฟู่อี้ก็ไม่สบอารมณ์นัก “ศิษย์น้องหยุนเซวียนยังจะลังเลอะไรอีก? หรือเจ้าไม่เชื่อในตัวข้าอย่างงั้นหรือ?”
“ศิษย์พี่ซุนปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร ข้าคิดว่าศิษย์น้องหยุนเซวียนน่าจะรู้แก่ใจดี” หลิวเกาหมิงได้กล่าวเสริมขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อกดดันหยุนเซวียน
“สมบัติวิเศษดึงดูดโชคลาภหลีกเลี่ยงอันตราย?”
ทันใดนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยดังลอยมา จากนั้นกระแสพลังอันเยือกเย็นก็ได้เข้าปกคลุม ทำเข้าพวกซุนฟู่อี้ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ที่กลางอากาศ แสงกลสองสายได้ขยับใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วลมหายใจ ก็ได้มาถึงด้านหน้าของพวกเขา
นั่นคือยอดฝีมือเซียนชั้นฟ้าช่วงกลางสองคน คนหนึ่งผมขาวทั่วศีรษะ สายตาปะปนไปด้วยความโหดเหี้ยมเล็กน้อย ส่วนอีกคนมีลักษณะเหมือนวัยกลางคน งูหลามพิษตัวหนึ่งรัดอยู่ที่เอว แลบลิ้นแผล็บ ๆ อย่างดุร้าย
ทันทีที่เห็นสองคนนี้ ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร ดังนั้นวินาทีที่ทั้งสองคนนี้ปรากฏตัวขึ้น พวกซุนฟู่อี้ต่างมีสีหน้าเฝ้าระวังขึ้นมาทันที
“นังหนู ข้าได้ยินว่าในมือเจ้ามีสมบัติวิเศษดึงดูดโชคลาภหลีกเลี่ยงอันตรายอะไรอย่างนั้นหรือ? เอาออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ"
ชายชราผมขาวแววตาโหดเหี้ยมผู้นั้นมองไปยังหยันเซวียน “นังหนูมีรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลย หากเจ้ารับปากฝึกคู่กับข้าหนึ่งเดือน ข้าจะให้โอสถเซียนกับเจ้าเพื่อให้เจ้าบรรลุแดนเซียนดินดีไหม?”
ระหว่างที่พูด ในแววตาโหดเหี้ยมของชายชราผมขาว ได้เผยร่องรอยความปรารถนาอันชั่วร้ายออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยุนเซวียนก็มีสีหน้าขาวซีดถึงขีดสุดทันที แค่เห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย นางก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว ให้นางฝึกคู่กับคนเช่นนี้ นางยอมตายเสียดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...