มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3165

“แล้วอีกท่านล่ะขอรับ?”หลัวซิวรู้สึกสงสัย จักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำบอกว่าอดีตทั้งสองคนที่ฝ่าฟันเข้ามาถึงด่านนี้ต่างเป็นคนในเผ่าไท่ซ่าง

“อีกคนหนึ่งไม่ใช่จักรพรรดิเซียน แต่เป็นมกุฎเซียน ต่างอยู่ในแดนมกุฎเซียน เขาต้านรับพลังโจมตีของจักรพรรดิอย่างข้าได้สามกระบวนท่า และน่าเสียดายที่พ่ายแพ้ไปในกระบวนท่าที่สี่!”

จักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำพูดอย่างทอดถอนใจ “กาลเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนาน ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าต้องรอคอยถึงเมื่อไหร่ ถึงจะมีอัจฉริยะสุดเลิศล้ำได้รับโชคโอกาสอันไร้เทียมทานนั่น”

“โชคโอกาสในสถานที่แห่งนี้คืออะไรกันแน่?”หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะไต่ถาม

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำแค่มองเขารอบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรเลย จึงแสดงให้เห็นได้ว่าหากไม่สามารถผ่านด่านของจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำทั้งห้า จักไม่มีผู้ใดทราบได้เลยว่าโชคโอกาสนั่นคือของสิ่งใดกันแน่

ทว่าอ้างอิงจากการคาดคะเนของหลัวซิว เผ่าไท่ซ่างอีกคนที่สามารถฝ่าฟันเข้ามาถึงที่นี่ได้นั้น มีโอกาสเป็นท่านพ่อของเขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงอดีตชาติสูงมาก ไท่ซ่างอวี้!

ครั้นเขายังไม่กำเนิด ไท่ซ่างอวี้ก็ถูกผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่มีความเป็นมาลึกลับรุมโจมตี แม้นกำลังรบของเขาจะไร้เทียมทาน แทบจะสามารถต่อสู้กับจักรพรรดิเซียน ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้การถูกรุมโจมตี จึงทำได้เพียงส่งภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ลงไปยังโลกามนุษย์ผ่านสะพานทะยานเซียน แล้วผันธรรมเวชของตัวเองให้กลายเป็นแดนต้องห้ามกระดูกฝัง เพื่อทำให้ศัตรูถดถอย

หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าภายในเรื่องนี้ต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่แฝงซ่อนอยู่แน่นอน แต่ทว่าจากแดนและผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขายังไม่สามารถรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นได้

ในภพชาตินี้ที่เป็นหลัวซิว บ่วงกรรมทุกอย่างในโลกมนุษย์ถูกสะสางไปตั้งนานแล้ว ตระกูลหลัวแห่งโลกแสงดาวเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้เพราะเขา พ่อแม่ที่เป็นปุถุชนทั่วไปในภพชาตินี้ของเขาก็มีชีวิตคงอยู่มาเป็นพันปีด้วยกายาแห่งปุถุชนทั่วไปเช่นกัน จากไปอย่างสงบสุข

แต่เมื่อว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากภพชาติของไท่ซ่างฉิง เริ่มต้นจากภพชาตินั้น แต่เขากลับจำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างสิ้นสุดในภพชาตินี้

ฉะนั้นหลัวซิวจึงจำเป็นต้องสืบทราบเบาะแสทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ให้ได้

“เจ้ากลับไปดีกว่า จากศักยภาพในปัจจุบันของเจ้า ผ่านด่านต่อไปไม่ได้หรอก ในบรรดาพวกเราทั้งห้า อุปนิสัยของจักรพรรดิเพลิงย่ำแย่ที่สุดแล้วนะ”

หลังจากสิ้นเสียงจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำ ร่างกายเขาก็สลายหายไปกะทันหัน ผันเป็นแสงเซียนสีดำที่ไร้ขอบเขต แล้วประกอบเป็นรูปปั้นปรากฏด้านหลังหลัวซิวอีกครั้ง

มีเส้นทางที่คดเคี้ยวสายหนึ่งเชื่อมต่อไปด้านหน้า ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้เดินทางต่อ แต่เป็นการนั่งลงในท่าขัดสมาธิ เพื่อจัดระเบียบดอกผลการตระหนักรู้ของตัวเอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการประชันกับผู้แข็งแกร่งเป็นวิธีการกระตุ้นศักยภาพของตัวเองได้ดีที่สุด อาศัยแรงกดดันที่จักรพรรดิขจีมอบให้ ทำให้เขาเอาชนะตัวเอง วิชารบสัญชาตเวคบรรลุผล อีกทั้งริเริ่มพลังอมตะวิชาที่สี่ออกมาได้ด้วย วิชาต้องห้ามปาจื้อ!

ทันทีที่ปลดปล่อยเวทย์ต้องห้ามวิชานี้ สามารถยกระดับกำลังรบของตัวเองได้สี่ครั้ง ทำให้เขาโค่นล้มร่างผันของจักรพรรดิขจีในรวดเดียว แล้วบรรลุถึงด่านของจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำ

ถัดจากนั้นเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันที่จักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำมอบให้ เขาก็หลอมรวมเชื่อมประสานพลังอมตะทั้งสี่เข้าด้วยกัน กลายเป็นหนึ่งพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุด จนสามารถโค่นล้มจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งได้

วินาทีนี้หลัวซิวเริ่มมีการตระหนักรู้ลาง ๆ แล้ว บางทีพลังอมตะที่เขาริเริ่มอาจจะสามารถผันเป็นเวทย์ต้องห้ามก็เป็นได้

ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับจักรพรรดิเซียนไท่ซ่างที่ใช้ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการ ริเริ่มเวทย์ต้องห้ามทั้งแปด สุดท้ายเวทย์ต้องห้ามทั้งแปดก็รวมกันเป็นหนึ่ง แล้วกลายเป็นเก้าต้องห้ามที่มีพลานุภาพเกะกะระรานอย่างยิ่ง

ตั้งแต่โบราณกาลมา ว่ากันว่าการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าไท่ซ่างมีเก้าต้องห้าม ทว่าแท้จริงแล้วกลับมีเพียงแปดต้องห้ามเท่านั้น เพราะเก้าต้องห้ามสุดท้ายเป็นการหลอมรวมแปดต้องห้ามให้กลายเป็นหนึ่งหรือเข้าล็อกเดิม!

พอจะพูดได้เลยว่าเข้าล็อกเดิมคือแก่นสารของไร้ลักษณ์ อีกทั้งเป็นการขยายวิถีลักษณ์ในไร้ลักษณ์ได้อย่างหมดเปลือก

ซึ่งหลัวซิวก็ตรัสรู้ได้ตั้งนานแล้ว วิถีไร้ในวิถีไร้ลักษณ์เป็นสัญลักษณ์ของความว่างเปล่า ซึ่งสามารถทำให้ทุกสรรพสิ่งกลายเป็นความว่างเปล่า ส่วนวิถีลักษณ์คือการวิวัฒนาการ เป็นการวิวัฒนาการจากความว่างเปล่าเป็นสรรพสิ่ง วิวัฒนาการสรรพวิชาออกมา

เขารู้สึกว่าหากต้องการโค่นล้มคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำ เขาก็มีเพียงพัฒนาให้เวทย์ต้องห้ามทั้งสี่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น หลังจากหลอมรวมเวทย์ต้องห้ามทั้งสี่เป็นหนึ่งหรือเข้าล็อกเดิมแล้ว กำลังรบของเขาก็จะแข็งแกร่งกว่าปัจจุบันเยอะมาก และถึงจะมีโอกาสผ่านด่านถัดไปได้

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงนั่งลงในท่าขัดสมาธิ พร้อมกับหยิบโอสถเซียนออกมากิน ด้านหนึ่งก็เพื่อฟื้นฟูจิตเซียนผลการฝึกตนและสภาพอาการบาดเจ็บของตัวเอง ในขณะเดียวกันในตัวหยั่งรู้ของเขาก็เริ่มอนุมานด้วย

เขานำพละกำลังส่วนมากทุ่มเทไปที่การอนุมานวิชาต้องห้ามปาจื้อ เนื่องจากพลังอมตะเวทย์ต้องห้ามนี้เป็นพลังที่เพิ่งริเริ่มได้ ซึ่งยังมีศักยภาพอีกเยอะที่สามารถขุดคุ้ย

เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว เวลาหลัวซิวที่เข้ามาในเส้นทางแห่งห้าจักรพรรดิหลังสำนักเซียนแห่งนี้ก็ผ่านไป 30 กว่าปีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว

หลังจากออกจากการปิดขัง หลัวซิวลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปด้านหน้า กระทั่งมาถึงมิติปริภูมิแห่งหนึ่งที่มีเพลิงอัคคีสีแดงลุกลามไปทั่วทุกสารทิศ มองเห็นรูปปั้นรูปหนึ่งที่เสมือนถูกเพลิงอัคคีที่ไร้ขอบเขตปกคลุม

มีเพลิงอัคคีเก้าสีลุกโชนออกมาจากรูปปั้นดังกล่าว หลัวซิวมีแหล่งดั้งเดิมสายฟ้า ฉะนั้นเขาจึงเข้าใจดีมากว่าเพลิงอัคคีเก้าสีก็เหมือนดั่งสายฟ้าเซียนเก้าสี ซึ่งมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนเท่านั้น ถึงจะสามารถยึดกุมพลังอันแข็งแกร่งนั่น

“กาลเวลาผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ จักรพรรดิอย่างข้าจำไม่ได้แล้วว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนสามารถเดินมาถึงหน้าข้าได้ ช่างเป็นคนหนุ่มผู้มีพลังน่ากลัวพร้อมที่จะแซงหน้าคนรุ่นก่อนเสียจริง!”

เพลิงอัคคีไหลเวียน เสมือนถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ท่ามกลางเพลิงอัคคี พลังชีวิตกำเนิด รูปปั้นฟื้นคืนชีพ กลายเป็นเงาร่างที่ทั้งร่างกายถูกปกคลุมอยู่ในเพลิงอัคคีที่ลุกโชน และมองไม่เห็นใบหน้าเช่นกัน

ราวกับนอกเสียจากสามารถโค่นล้มร่างผันของจักรพรรดิทั้งห้าที่คุ้มกันอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ได้มองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดิทั้งห้าด้วยซ้ำ

“การที่เจ้าสามารถเดินมาถึงหน้าจักรพรรดิอย่างข้าได้นั้น แสดงว่าเจ้าโค่นล้มจักรพรรดิขจีและจักรพรรดินิลได้แล้ว ในขณะเดียวกันนี่ก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่าศักยภาพในอนาคตของเจ้า ต้องมีโอกาสบรรลุเป็นผู้แข็งแกร่งที่เทียบเคียงกับเราได้อย่างแน่นอน”

“เจ้าจักรพรรดินิลนั่นน่าจะบอกกับเจ้าแล้ว ในพจนานุกรมของข้าไม่มีคำว่าออมมือ เจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”

มีเพลิงอัคคีลุกโชนอยู่รอบกาย หลัวซิวไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าจักรพรรดิเซียนที่อยู่ตรงหน้านี้ ต้องเป็นจักรพรรดิเพลิงที่จักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำกล่าวถึงแน่นอน

ในขณะเดียวกันหลัวซิวก็ทราบจากปากจักรพรรดิเพลิงเช่นกันว่า ชื่ออันทรงเกียรติของจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวดำคือจักรพรรดินิล

ห้าจักรพรรดิแห่งยุคโบราณกัลปาวสาน ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำ!

อย่างไรก็ตาม มาตรแม้นว่าเป็นจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำก็มีการแบ่งแข็งแกร่งอ่อนแอเช่นกัน จักรพรรดิขจีเป็นรองจักรพรรดินิล ส่วนจักรพรรดินิลก็เป็นรองจักรพรรดิเพลิง

“ตู้มม!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงจักรพรรดิเพลิง หลัวซิวไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะทุ่มทุกอย่างลงไปในการกระทำ

เพียงพริบตาเดียว ในมิติปริภูมิที่มีเพลิงอัคคีลุกลามก็ถูกแสงเซียนสีทองปกคลุม ท่ามกลางแสงเซียนที่ไร้ขอบเขต ร่างของหลัวซิวผันเป็นร่างที่สูงร้อยเมตร ก้าวขาออกไปข้างหนึ่ง ก็ปรากฏตรงหน้าจักรพรรดิเพลิงโดยตรงแล้ว

“ผู้อาวุโสโปรดเตรียมรับกระบวนท่าจากผู้น้อย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ