มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3166

“หลักการที่ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรบสุดชีวิต แล้วก้าวรุดไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญนี่ยอดเยี่ยมไม่เบาเลยนี่!”

ร่างผันของจักรพรรดิเพลิงผนึกรวมกันมาอีกครั้ง อุทานอย่างตะลึงพลางมองหน้าหลัวซิวด้วยความเหลือเชื่อ

วินาทีนี้มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งไหลเวียนอยู่ในร่างกายหลัวซิว ร่างกายไม่ได้อ่อนแอลงเพียงเพราะปลดปล่อยพลังอมตะเข้าล็อกเดิมออกไปติดต่อกันสามครั้ง ยิ่งกว่านั้นคือร่างกายที่แตกร้าวของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว

ในเกณฑ์ทั้งปวงในจักรวาล ความเป็นตายสามารถขยายวัฏสงสาร ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างลิขิตออกมาได้เช่นกัน

สามารถพูดได้เลยว่าวัฏสงสารและลิขิตได้บรรยายความล้ำลึกสูงสุดของความเป็นตายในมุมมองที่แตกต่างกัน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความเป็นตายของตรีภพจะตรงไปตรงมามากกว่า ซึ่งสามารถทำลายล้างและสรรสร้างได้โดยสมบูรณ์

ความเป็นตายในวัฏสงสารเกี่ยวโยงถึงวิญญาณดวงจิตแท้ ส่วนความเป็นตายในลิขิตกลับใกล้เคียงกับร่างเนื้อดั้งเดิมมากกว่า

มาตรแม้นว่าเป็นจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำ ครั้นอยู่ในแดนเซียนชั้นฟ้าขั้นปฐมภูมิ การตระหนักรู้ในเกณฑ์สูงศักดิ์ของพวกเขาก็บรรลุถึงระดับนี้ได้ยากมาก

แต่หลัวซิวกลับทำได้ ภายใต้การกดอัดจากคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาแทบจะกระตุ้นศักยภาพทั้งหมดของตัวเองออกมาแล้ว มีการยกระดับทุกครั้ง และแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งด้วย

“จักรพรรดิอย่างข้าเริ่มตั้งตารอคอยเล็กน้อยแล้วว่าเจ้าจะสามารถผ่านด่านได้”

จักรพรรดิเพลิงมองหลัวซิวด้วยแววตาที่ลึกซึ้งรอบหนึ่ง จากนั้นร่างกายเขาก็สลายหายไป ผันเป็นเพลิงอัคคีที่ล้นฟ้า ผันร่างเป็นรูปปั้นตั้งตระหนักงานอยู่ด้านหลังหลัวซิวใหม่อีกครั้ง

ณ บัดนี้วินาทีนี้ หลัวซิวก็ไม่ได้พูดอะไรกับจักรพรรดิเพลิงเช่นกัน เนื่องจากจิตสำนึกของเขายังคงดื่มด่ำอยู่ในความล้ำลึกของการได้ลอกคราบใหม่ กำลังตระหนักความลึกลับและมหัศจรรย์ของลิขิตอยู่

ราชาเซียนส่วนมากยังไม่สามารถตระหนักเกณฑ์สูงศักดิ์ได้เลย ดังนั้นโอกาสในการตระหนักรู้ในทุก ๆ ครั้งจึงล้ำค่าอย่างยิ่ง หลัวซิวย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสดี ๆ เช่นนี้หลุดมือไปอยู่แล้ว

ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่ เมื่อหลัวซิวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พลังอมตะวิชาที่ห้าก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว นับได้ว่าเป็นการริเริ่มขึ้นมาเป็นครั้งแรก

พลังอมตะวิชานี้สามารถใช้คำว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรบสุดชีวิต แล้วก้าวรุดไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญมาอุปมา เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ร่างกายบรรลุถึงขีดจำกัด มันจะทำให้ร่างกายฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพที่เฟื่องฟูที่สุดภายในชั่วพริบตาเดียว

ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะเป็นทำนองเดียวกันกับแสงสุดท้าย ดังนั้นหลัวซิวจึงตั้งชื่อพลังอมตะวิชานี้ว่าเวทย์ต้องห้ามแสงย้อนไร้ลักษณ์!

พลังอมตะทั้งหมดของเขาล้วนอนุมานริเริ่มโดยยึดไร้ลักษณ์เป็นพื้นฐาน เขาแทบจะก้าวเข้าสู่เส้นทางที่เป็นทำนองเดียวกับจักรพรรดิเซียนไท่ซ่างเลย ริเริ่มเวทย์ต้องห้ามของตัวเอง อีกทั้งใช้พลังอมตะวรยุทธ์ของจักรพรรดิเซียนไท่ซ่างเพ็ญตนเป็นหลัก

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิขจี จักรพรรดินิลและจักรพรรดิเพลิงก็ยังชื่นชมพลังอมตะเวทย์ต้องห้ามที่เขาริเริ่มอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังฟันธงว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเวทย์ต้องห้ามที่จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างในอดีตริเริ่ม พลังอมตะเวทย์ต้องห้ามของเขาก็ดีเยี่ยมกว่าอย่างแน่นอน

เมื่อหลายล้านล้านปีก่อน จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างโค่นล้มจักรพรรดิขจีสำเร็จ ทว่ากลับพ่ายแพ้ไปในหนึ่งกระบวนท่าเดียวเมื่อเจอจักรพรรดินิล

ปัจจุบันหลัวซิวไม่เพียงโค่นล้มจักรพรรดินิลได้ ทั้งยังสามารถเอาชนะจักรพรรดิเพลิงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขาที่อยู่ในแดนเซียนชั้นฟ้าอยู่เหนือจักรพรรดิเซียนไท่ซ่างในอดีตแล้ว!

หากเขาสามารถรักษามาตรฐานเช่นนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ เช่นนั้นอนาคตหากเขาบรรลุมรรคผลกลายเป็นจักรพรรดิเซียน ต้องกลายเป็นจักรพรรดิเซียนที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน!

จักรพรรดิขจีฝึกไม้ จักรพรรดินิลฝึกน้ำ จักรพรรดิเพลิงฝึกอัคคี โลกาแห่งนี้มีนามว่าสถานเบญจธาตุ ดูเหมือนธรรมเวชที่จักรพรรดิเซียนทั้งห้าแห่งยุคโบราณกัลปาวสานฝึกจะสอดคล้องกับเบญจธาตุ

“ใช้เบญจธาตุที่พื้นฐานที่สุดขยายกิ่งก้านไปยังเกณฑ์สูงศักดิ์ แล้วยกระดับเกณฑ์สูงศักดิ์สู่เกณฑ์เลิศล้ำ จนบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำในที่สุด……”

หลัวซิวก้าวเดินไปด้านหน้า เขารู้สึกว่าหากตัวเองเดาไม่ผิดละก็ จักรพรรดิเซียนเลิศล้ำสองตนสุดท้ายที่เหลือน่าจะฝึกเกณฑ์ธาตุทองและเกณฑ์ธาตุดินแล้วล่ะ

ในเบญจธาตุ เกณฑ์สองประเภทนี้เป็นอะไรที่รับมือยากที่สุดแล้ว ในเบญจธาตุทั้งห้า เกณฑ์ธาตุทองเป็นเกณฑ์ที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งที่สุด ส่วนเกณฑ์ธาตุดินกลับเป็นเกณฑ์ที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุด

ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น จู่ ๆ หลัวซิวก็มาถึงนิติปริภูมิที่มีแสงขาวสว่างเจิดจ้า

เส้นทางที่อยู่ใต้เท้ายังคงคับแคบเหมือนเคย จากนั้นเขาก็มองเห็นรูปปั้นรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นร่างที่อยู่ในชุดคลุมมังกรสีขาว ก่อนจะมีชายรูปร่างวัยรุ่นคนหนึ่งเดินออกมาจากรูปปั้น แววตาของเขาเฉียบคมดั่งกระบี่ ประหนึ่งสามารถฉีกทำลายฟ้าดิน

“เวิง! ……”

รัศมีที่งดงามตระการตาผนึกร่วมกัน ชายชุดคลุมยาวขาวขยำมือครั้งหนึ่ง เกณฑ์ธาตุทองที่ไร้ขอบเขตก็ผนึกรวมกันบนมือเขา แล้วประกอบเป็นกระบี่เซียนเล่มหนึ่ง

กระบี่เซียนดังกล่าวเคลือบเงามัน ราวกับหลอมสร้างมาจากหยกขาว ออร่าเฉียบคมที่น่ากลัวดุดันจนไม่อาจต้านทาน ทำให้ผู้พบเห็นสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่หาที่เปรียบไม่ได้

ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำ ครั้นยังเป็นหนุ่มที่มีผลการฝึกตนเป็นเซียนชั้นฟ้า จักรพรรดิเซียนผู้ฝึกเกณฑ์ธาตุทองที่อยู่ตรงหน้านี้ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่ยึดกุมเกณฑ์ธาตุทองถึงขั้นที่ลึกซึ้งมากอย่างแน่นอน!

รูม่านตาของหลัวซิวหดลง ตรงหว่างคิ้วมีแสงมืดกระพริบระยิบระยับ ภาชนะติ่งปีศาจมังกรเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก

ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเลือกที่จะใช้ภัณฑ์เซียน หลัวซิวย่อมไม่มีทางเกรงใจอยู่แล้ว

“ให้ตายเถอะ! ที่นี่มันคือที่ใดเนี่ย?”

ภูตติ่งปีศาจมังกรโผล่หัวออกมาจากภาชนะติ่ง หลังจากสัมผัสออร่าอันน่ากลัวที่แผ่กระจายออกมาจากภัณฑ์เซียนที่อยู่บนมือจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวขาว มันก็รีบหดคอกลับไปอย่างอดไม่ได้

ในฐานะที่เป็นภูตแห่งภัณฑ์จักรพรรดิ ไม่นึกเลยว่าจะรู้สึกหวาดหวั่นได้ด้วย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าภัณฑ์เซียนที่อยู่บนมือจักรพรรดิเซียนชุดคลุมยาวขาวก็ทรงพลังมากเช่นกัน และไม่ธรรมดามากด้วย

“ดูท่าศึกการต่อสู้ในครั้งนี้คงจะยากลำบากแล้วล่ะ”

หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะถดถอยเลยแม้แต่น้อย เขาทุ่มสุดกำลังสามารถจนฝ่าฟันมาถึงด่านนี้ ในเมื่อเดินมาถึงจุดนี้ บัดนี้ก็เหลือเพียงด่านสุดท้ายแล้ว ต่อให้เขาต้องทุ่มสุดชีวิต ก็ต้องครอบครองโชคโอกาสไร้เทียมทานในตำนานนั่นให้ได้

อย่างไรเสียการที่สามารถทำให้จักรพรรดิเซียนเลิศล้ำห้าตนทำการบุกเบิกมิติปริภูมิ อีกทั้งทิ้งตราจักรพรรดิเซียนสะกดสถานที่แห่งนี้เอาไว้ได้นั้น โชคโอกาสไร้เทียมทานที่อยู่ในนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

มิหนำซ้ำบัดนี้ยังไม่ได้ครอบครองโชคโอกาสอันไร้เทียมทาน เขาที่อยู่ในนี้ก็ได้รับดอกผลเยอะมากแล้ว โอกาสที่จะได้ประชันกับจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำครั้นยังเป็นหนุ่มมันไม่ใช่โอกาสที่หามาได้ง่าย ๆ เลย และเขาก็ใช้โอกาสนี้ศึกษาริเริ่มเวทย์ต้องห้ามปาจื้อและเวทย์ต้องห้ามแสงย้อนออกมาได้ด้วย

จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างริเริ่มเก้าต้องห้ามไท่ซ่าง ส่วนสิ่งที่หลัวซิวอยากริเริ่มคือเวทย์ต้องห้ามไร้ลักษณ์ที่เป็นของตัวเอง

เวทย์ต้องห้ามไร้ลักษณ์ที่หนึ่ง ต้องห้ามไร้ลักษณ์เข้าล็อกเดิม!

เวทย์ต้องห้ามที่สอง ต้องห้ามไร้ลักษณ์หวูจี๋!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ