มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3171

“ข้าสัมผัสออร่าของตราจักรพรรดิเซียนได้”

เมื่อหลัวซิวมาถึงปล่องภูเขาไฟแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงจุดที่ลึกที่สุดของภูเขาเพลิงอัคคี จู่ ๆ ลาวาที่อยู่ด้านล่างก็ปะทุขึ้นมา จากนั้นมนุษย์หินลาวาตนหนึ่งที่มีเพลิงอัคคีห่อหุ้มก็ลุกขึ้นยืน

นี่คือมนุษย์หินตนหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารมาก ดูไม่ออกแล้วว่าร่างกายมันประกอบมาจากหิน เสมือนหลอมสร้างมาจากเหล็กเซียนสีทองบริสุทธิ์

พลังออร่าของมันแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ วินาทีที่มันลุกขึ้นยืน ท้องฟ้าลมเมฆก็เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งตนหนึ่งที่ไม่ด้อยกว่ามารไม้

หลัวซิวที่มีการคุ้มครองจากตราจักรพรรดิเพลิงไม่ได้รู้สึกไม่ชินเลยแม้แต่น้อย เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับยักษ์ที่สูงตระหง่าน สัมผัสเจตนาร้ายจากตัวฝ่ายตรงข้ามไม่ได้

เพ่งมองตราจักรพรรดิเซียนที่อยู่กลางหว่างคิ้วหลัวซิว ยักษ์ทองบริสุทธิ์พูดอย่างทอดถอนใจ “กาลเวลาผ่านพ้นไปยาวนานอย่างไม่รู้จบแล้ว ในที่สุดก็มีคนนำตราประทับของจักรพรรดิเซียนออกมาจากสำนักเซียนที่มารไม้เฝ้าดูแลรักษาได้สักที”

“ได้รับตราจักรพรรดิเซียน แสดงว่าเจ้าได้รับการยอมรับจากเหล่าจักรพรรดิเซียนแล้ว ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเจ้าในอนาคตมีโอกาสบรรลุเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างห้าจักรพรรดิ”

“จักรพรรดิน้อย ข้าชื่อจุนหลู่ ข้าจักขอแสดงความเคารพนับถือที่มีต่อท่าน”

ยักษ์หินสูงตระหง่านสีทองบริสุทธิ์ย่อส่วนร่างกายให้เล็กลง ผันเป็นร่างที่สูงสองเมตรกว่า มีออร่าที่ดุดันป่าเถื่อนโอบล้อมอยู่รอบกาย พลางก้มคำนับไปทางหลัวซิว

“ผู้อาวุโสเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ”หลัวซิวประสาทมือก้มคำนับตอบ แม้นจักได้รับการยอมรับจากห้าจักรพรรดิแล้ว แต่ทว่าผู้ที่เทียบทัดมารไม้ตรงหน้านี้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเซียนเช่นกัน

“จักรพรรดิน้อยโปรดตามข้ามา อดีตจักรพรรดิเซียนเพลิงเคยทิ้งโชคโอกาสหนึ่งไว้ที่นี่”

มนุษย์หินจุนหลู่ใช้นิ้วจิ้มลงกลางอากาศที่ว่างเปล่าครั้งหนึ่ง ลาวาที่อยู่ด้านล่างปล่องภูเขาไฟก็ค่อย ๆ แยกออก แล้วเผยให้เห็นเส้นทางเส้นหนึ่ง

จุนหลู่เดินนำอยู่ด้านหน้า หลัวซิวก็ไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมากเช่นกัน ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปด้วย

เขาเข้าใจดีมากว่าจากศักยภาพของจุนหลู่ หากต้องการสังหารเขาละก็ เขาก็ต้านทานไม่ได้ด้วยซ้ำ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้จักตราจักรพรรดิเซียน เช่นนั้นก็ไม่มีทางทำร้ายเขาแน่นอน

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็รู้สึกสนใจต่อโชคโอกาสที่จักรพรรดิเพลิงทิ้งไว้ที่นี่มากด้วย

ไม่นานนัก หลัวซิวและจุนหลู่ก็มาถึงก้นบึ้งของลาวา แล้วมองเห็นบ่อน้ำหนึ่งแห่ง

บ่อน้ำดังกล่าวไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก ภายในมีแก่นสารที่เหมือนดั่งภูตเตโชไหลริน

“นี่คือ……”หลัวซิวยังไม่ได้เข้าใกล้ ก็สัมผัสออร่าพลังที่เข้มข้นและมากมายมหาศาลอย่างยิ่งได้แล้ว

“นี่คือผลึกเพลิงเซียนอัคคีหากนำมันมาชุบร่าง จักสามารถทำให้คนคนนั้นลอกคราบใหม่”

จุนหลู่ยิ้มพลางพูด “ข้าเห็นว่าร่างเนื้อของจักรพรรดิน้อยแข็งแกร่ง หากสามารถเข้าไปชุบร่างในผลึกเพลิงเซียนอัคคีต้องยกระดับขึ้นอีกขั้นได้อย่างแน่นอน”

“ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา มีเพียงจักรพรรดิเซียนไม่กี่ตนและมกุฎเซียนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถมาถึงที่นี่ ข้าถึงจะให้โอกาสพวกเขาใช้ผลึกเพลิงเซียนอัคคีชุดร่างเนื้อ”

อ้างอิงจากคำพูดของจุนหลู่ ผลึกเพลิงเซียนอัคคีบ่อนี้เป็นสิ่งที่จักรพรรดิเพลิงในยุคโบราณกัลปาวสานทิ้งไว้ ภายในผลึกเพลิงมีพลังเพลิงอัคคีที่ดั้งเดิมที่สุดแฝงซ่อนอยู่ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนชุบร่างอยู่ภายใน ศักยภาพก็สามารถก้าวรุด ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

จักรพรรดิเซียนไท่ซ่างแห่งยุคบรรพกาล จักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคโบราณกาล……ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานทั้งหลายล้วนเคยมาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็มีเพียงจักรพรรดิเซียนและมกุฎเซียนส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับโอกาสนี้

แล้วถ้าเกิดอาศัยศักยภาพบุกรุกเข้ามาล่ะ? ความน่ากลัวของจุนหลู่นี่น่ากลัวกว่ามารไม้เสียอีก มกุฎเซียนในแต่ละยุคก็เคยพยายามใช้อำนาจบุกรุกเข้ามาอยู่ ทว่าล้วนถูกเขาสังหารหมด

ปัจจุบันผลึกเพลิงเซียนอัคคีเหลือไม่มากแล้ว ทว่าดูจากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของหลัวซิว ก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาได้ลอกคราบใหม่แล้ว

ต้องท้าวความก่อนว่าการลอกคราบใหม่และร่างเนื้อที่แปรเปลี่ยนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย ร่างเนื้อที่แปรเปลี่ยนจะทำให้จอมยุทธ์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่การลอกคราบใหม่ไม่เพียงทำให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ศักยภาพในการต่อสู้และศักยภาพของร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

แววตาของหลัวซิวเป็นประกายขึ้นมา โอกาสเช่นนี้นั้นหาพบได้ยากมากจริง ๆ แม้เมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งดั้งเดิมเลิศล้ำและพลังและเลือดลึกลับหยดนั้นแล้วจะแตกต่างกันอย่างลิบลับ แต่มันก็เป็นโชคที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิจำนวนมากกระหายจนตาร้อนผ่าวแล้ว

……

นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ในผลึกเพลิงเซียนอัคคีหลัวซิวโคจรเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ เวทย์ต้องห้ามวิชานี้ไม่ใช่เวทย์ต้องห้าหวูจี๋ไท่ซ่างดั้งเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเวทย์ต้องห้าหวูจี๋ไร้ลักษณ์ที่เขาปรับแก้ยกระดับแล้ว

เมื่อโคจรเวทย์ต้องห้ามรอบหนึ่ง ผลึกเพลิงเซียนอัคคีที่อยู่รอบ ๆ ก็เดือดพล่านขึ้นมา ก่อนจะกลายเป็นพลังงานที่ร้อนแผดเผาแทรกซึมเข้าไปในร่างกายเขา

“โครม!”

จู่ ๆ เสี้ยววินาทีที่ผลึกเพลิงเซียนอัคคีแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย หลัวซิวก็รู้สึกว่าตราจักรพรรดิเพลิงในตราห้าจักรพรรดิก็ร้อนผ่าวขึ้นมา แล้วเปลี่ยนเป็นเพลิงอัดคีดวงหนึ่งตรงกลางหว่างคิ้วเขา

“อัฐิแห่งผู้แข็งแกร่ง!”

หลัวซิวตกตะลึงหนักมาก ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่ฝึกตนจนบรรลุขึ้นมาถึงแดนที่สูงส่งเช่นนี้ มาตรแม้นว่าตายไปแล้ว ร่างกายก็ถือเป็นสิ่งล้ำค่าเช่นกัน

เนื่องจากในเลือดเนื้อไขกระดูกของพวกเขาล้วนมีลายเส้นหรืออักษรฮู้ที่ประกอบมาจากการตัดสลับกันของเกณฑ์ธรรมเวช หากคนรุ่นหลังสามารถได้ครอบครองโครงกระดูกของผู้แข็งแกร่ง แค่ตระหนักท่วงเซียนที่อยู่บนโครงกระดูกของผู้แข็งแกร่ง ก็สามารถยกระดับการตระหนักรู้บนบนธรรมเวชได้แล้ว

แต่ท่วงเซียนที่ไหลเวียนอยู่บนโครงกระดูกเหล่านี้กลับทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงความคลุมเครือและเข้าใจยาก ไม่สามารถตระหนักรู้อะไรได้เลย จึงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าครั้นเจ้าของโครงกระดูกเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่ต่ำกว่าระดับเซียนสูงสุดแน่นอน

หลัวซิวเดินไปด้านหน้า จากการที่ระยะห่างค่อย ๆ ลดน้อยลง โครงกระดูกที่เขามองเห็นล้วนแตกร้าวหมดเลย ไม่มีร่างใดที่เป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งบนโครงกระดูกยังมีร่องรอยที่ถูกแผดเผาด้วย มีโครงกระดูกส่วนน้อยเท่านั้นที่มีแสงมันวาวเปล่งประกาย และท่วงเซียนไหลเวียน

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เมื่อยิ่งเข้าใกล้ หลัวซิวก็ค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงอำนาจแห่งจักรพรรดิ!

ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่ก้าวเข้าสู่วิถีเซียน มีเพียงจักรพรรดิเซียนเท่านั้นถึงจะมีอำนาจจักรพรรดิเช่นนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความน่าเกรงขามที่เลิศล้ำ!

“หรือว่า……”

หลัวซิวเบิกตากว้าง ลักษณะท่าทางที่ก้าวขาออกไปก็ถึงขั้นหยุดนิ่งลงไปภายในพริบตา ประหนึ่งเวลาและลมหายใจหยุดนิ่งไปแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริง ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่าโอกาสเป็นไปได้สูงมาก อำนาจแห่งจักรพรรดิที่เขาสัมผัสได้แพร่กระจายออกมาจากซากศพเหล่านั้น ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าครั้นยังมีชีวิตอยู่เจ้าของซากศพเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนมิใช่หรือ?

สูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง สุดท้ายหลัวซิวก็ตัดสินใจที่จะก้าวเดินไปด้านหน้า มีซากศพร่างหนึ่งที่บริเวณหน้าอกถูกโจมตีจนแตกสลาย ทั้งยังเป็นโครงกระดูกที่มีแขนแค่ข้างเดียว ทั้งโครงกระดูกมีเพียงกระดูกชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้นที่สว่างพร่างพราว มีท่วงเซียนไหลเวียน และอำนาจแห่งจักรพรรดิอ่อน ๆ ก็แพร่กระจายออกมาจากกระดูกชิ้นนี้แหละ

“กระดูกจักรพรรดิ!”

หลัวซิวหรี่ตาลง เขาลองยื่นมือออกไปเก็บกระดูกชิ้นนั้นขึ้นมา ทว่าเมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสกับกระดูกจักรพรรดิ มือเขาก็ทะลุผ่านตัวกระดูกไปทันที

“ภาพมายาหรือ?”

สีหน้าของหลัวซิวไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเขาไม่สามารถสัมผัสสิ่งของที่อยู่ในนี้ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าแค่จิตสำนึกของเขาถูกฉุดกระชากเข้ามาในนี้ ซึ่งร่างดั้งเดิมไม่ถูกส่งมายังปริภูมิแห่งนี้แต่อย่างใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ