มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3172

ในเมื่อสิ่งที่ย่างกรายมาคือจิตสำนึก หลัวซิวจึงไม่กังวลใจอีกต่อไป เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงภาพมายา

ยืนนิ่งอยู่กับที่ เขากำลังไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ สาเหตุที่ตราจักรพรรดิเพลิงฉุดดึงจิตสำนึกของเขาเข้ามาในภาพมายาแห่งนี้เพราะจะบอกอะไรตัวเองหรือ?

“ไม่นึกเลยว่ากาลเวลาผ่านพ้นไปยาวนานอย่างไม่รู้จบ ในที่สุดก็มีคนรุ่นหลังได้รับตราประทับของจักรพรรดิอย่างข้าเสียที”

จู่ ๆ ก็มีเสียงเสียงดังก้องอยู่ข้างหูหลัวซิว ทำให้เขาตื่นตกใจ

“ผู้ใด?”

เขากวาดตามองดูรอบ ๆ รอบกายมีแสงม่วงอ่อนแย้มบานไปทั่วทุกสารทิศ ไม่เห็นสภาพแวดล้อมที่แท้จริงเลย มีแค่เพียงซากศพจักรพรรดิเซียนที่ผุพัง ทำให้คนพบเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวขนหัวลุกซู่

“ข้านั้นมีนามว่า……จักรพรรดิเพลิง!”

เสี้ยววินาทีที่เสียงของฝ่ายตรงข้ามสะท้อนเข้าไปในหูหลัวซิวอีกครั้ง ตัวเขาก็ผงะไปเลย

หนึ่งในจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำทั้งห้าแห่งยุคโบราณกัลปาวสาน จักรพรรดิเพลิง?

แม้นหลัวซิวจะเคยคลุกเคล้ากับจักรพรรดิเซียนทั้งห้าบนเส้นทางแห่งห้าจักรพรรดิ ทว่าหากพูดให้แม่นยำหน่อยคือนั่นเป็นเพียงตราประทับที่จักรพรรดิเซียนทั้งห้าทิ้งไว้เมื่อหลายล้านล้านปีก่อน ซึ่งไม่ใช่ร่างแท้ของจักรพรรดิเซียนแต่อย่างใด

มีเพียงหลังจากตราห้าจักรพรรดิหวนคืนสู่ร่างแท้แล้ว จักรพรรดิเซียนทั้งห้าถึงจะทราบว่าในโลกใบนี้มีคนอย่างเขาคงอยู่ด้วย

ตั้งแต่โบราณกาลมา กาลเวลาได้ผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ตกลงจักรพรรดิเซียนผู้ไร้เทียมทานแห่งเก้าสวรรค์สิบปฐพีไปที่ใดแล้ว เรื่องนี้เป็นความลับตลอดมา

นี่จึงทำให้ภายในจิตใจหลัวซิวเต็มเปี่ยมไปด้วยข้อสงสัย สาเหตุที่ตราจักรพรรดิเพลิงโน้มนำให้เขามาที่นี่เพราะเหตุใดกันแน่? แล้วภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่กันแน่?

“เวิง!”

ทันใดนั้นเอง ตราจักรพรรดิเพลิงก็บินออกมาจากหว่างคิ้วหลัวซิว เสมือนแสงเทียนที่ล่องลอยบินตรงไปยังส่วนลึกของเส้นทางที่อยู่ด้านหน้า แต่ก็เหมือนดวงไฟที่นำทางให้เขาด้วย

ในเมื่อเป็นภาพมายาที่เกิดขึ้นด้วยจิตสำนึก หลัวซิวจึงไม่มีความกังวลใจใด ๆ อีก ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไป

กาลเวลาของยุคโบราณกัลปาวสานห่างจากปัจจุบันไกลมาก ๆ กาลเวลาที่ไร้ความปราณีได้กลบเกลื่อนประวัติศาสตร์ส่วนมาก แม้แต่เรื่องราวในยุคโบราณกัลปาวสานก็เล่าสืบต่อกันมาถึงยุคปัจจุบันน้อยมาก ๆ ทั้งยังถูกกองกำลังที่เก่าแก่ที่สุดในแดนต่าง ๆ เก็บรักษาไว้ในตำรา

เมื่อพูดถึงยุคบรรพกาล คนส่วนมากจะทราบว่ามีการคงอยู่ของจักรพรรดิเซียนไท่ซ่าง มีตำนานเรื่องเล่าของหกเผ่าพันธุ์บรรพกาล ส่วนข้อมูลที่มากกว่านี้นั้น กลับไม่มีคนใดทราบแล้ว

แม้จะเป็นยุคโบราณหลังที่ใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ผ่านพ้นมาไม่รู้ตั้งกี่ยุคตรีภพแล้ว

อย่างน้อยหลัวซิวที่อยู่ในโลกเซียนก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับยุคโบราณกัลปาวสานมาก่อน ปัจจุบันเขากำลังจะสืบเสาะความลับของจักรพรรดิเซียนแห่งยุคโบราณกัลปาวสานตนหนึ่ง ไม่มีทางหากบอกว่าเขาไม่มีความสงสัยเลย

“คนรุ่นหลัง ผลการฝึกตนของเจ้าคืออะไร?”จู่ ๆ เสียงของจักรพรรดิเพลิงก็สะท้อนมาอีกครั้ง

“เซียนชั้นฟ้าขอรับ”หลัวซิวตอบกลับตามความจริง

“เป็นเพียงเซียนชั้นฟ้ารึ?”มีความท้อใจที่หนักแน่นปนอยู่ในน้ำเสียงของจักรพรรดิเพลิง ในขณะเดียวกันก็มีความตะลึงปนอยู่เช่นกัน

“อันที่สามารถฝ่าฟันอยู่บนเส้นทางแห่งห้าจักรพรรดิด้วยแดนเซียนชั้นฟ้า แล้วยังได้รับการยอมรับจากตราประทับได้นั้น เจ้าถือเป็นอัจฉริยะที่มีวุฒิจักรพรรดิเลิศล้ำจริง ๆ น่าเสียดายที่ผลการฝึกตนของเจ้าอ่อนเกินไป หากเจ้ามีผลการฝึกตนมกุฎเซียน มันจักดีเพียงใดกันนะ……”

“มกุฎเซียนที่มีวุฒิจักรพรรดิเลิศล้ำ อย่างน้อยก็มีกำลังรบที่เทียบทัดจักรพรรดิเซียนสุดหล้า”

ฟังจากคำพูดนี้ เหมือนจักรพรรดิเพลิงจะประเมินหลัวซิวไว้สูงมาก แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย อุปนิสัยก็ไม่ค่อยโดดเด่นเหมือนจักรพรรดิเพลิงผู้มีผลการฝึกตนเป็นเซียนชั้นฟ้าขั้นปฐมภูมิที่เจอบนเส้นทางแห่งห้าจักรพรรดิด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่จิตใจห่อเหี่ยว

“ผู้อาวุโสพบปัญหาอะไรหรือเปล่าขอรับ? ข้าสามารถช่วยเหลืออะไรท่านได้หรือไม่?”หลัวซิวสอบถาม น้ำเสียงของจักรพรรดิเพลิงฟังดูไร้เรี่ยวแรงมาก ราวกับอัคคีแห่งชีวีสั่นไหว สามารถดับสูญได้ตลอดเวลา

“เห้อ……”

จักรพรรดิเพลิงถอนหายใจยาวอีกครั้ง “เจ้าก็น่าจะเห็นซากศพเหล่านั้นแล้ว”

หลัวซิวผงกหัว “ใช่ขอรับ มีซากศพทั้งหมดเก้าร่าง ทุกร่างล้วนเป็นจักรพรรดิเซียนหมดเลยรึ?”

“หากพูดให้แม่นยำควรบอกว่ามีจักรพรรดิเซียนสุดหล้าสามตน และจักรพรรดิเซียนธรรมดาหกตน……”

ในขณะที่หลัวซิวกำลังพูดคุยกับจักรพรรดิเพลิงอยู่นั้น เขาก็มาถึงสุดปลายขอบเขตของเส้นทางที่มีชี่ม่วงขมุกขมัวนี่

สุดปลายขอบเขตของเส้นทางคือถ้ำที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง มีเสาหินคริสตัลที่ใหญ่โตหลายเสาตั้งตระหง่านอยู่ภายใน และมีแสงม่วงที่แวววับเป็นประกายระยิบระยับ

ตรงกลางเสาหินคริสตัลม่วงจำนวนมากคือแท่นหินหนึ่งแท่น มีเงาดำร่างหนึ่งนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนแท่นหิน ซึ่งอยู่ในชุดคลุมยาวมังกรสีแดงฉาน สวมใส่มงกุฎบนหัว ผอมแห้งปานกิ่งไม้

“จักรพรรดิเพลิง?”

เมื่อหลัวซิวเห็นเงาร่างบนแท่นหิน แววตาเขาก็เข้มงวดขึ้นมา แม้เขาจะไม่เคยเห็นร่างแท้ของจักรพรรดิเพลิงมาก่อน แต่กลับสามารถแยกแยะจากออร่าได้อยู่ และเงาร่างที่อยู่บนแท่นหินต้องเป็นจักรพรรดิเพลิงอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน!

“เจ้ามาแล้วรึ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ