มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3173

ตั้งแต่โบราณกาลมาก็มีคำสุภาษิตบอกแล้วว่าจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่คาดเดายากที่สุด แม้แต่จักรพรรดิเซียนที่หูตากว้างมีประสบการณ์เยอะ ก็ใช่ว่าจะสามารถมองทะลุจิตใจมนุษย์ได้อย่างแท้จริงเสมอไป

กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างยาวนาน จักรพรรดิเพลิงถูกปิดผนึกอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้โดยที่ไม่สามารถจากไปที่ใดได้เลย บางทีอาจเป็นเพราะมีจิตสัมผัส หรือการตกตะกอนของกาลเวลาที่ยาวนาน ทำให้เขาริเริ่มพลังอมตะที่มหัศจรรย์เช่นนี้ออกมาได้หนึ่งวิชา

พลังอมตะเผาจิตต้องเป็นพลังที่สามารถทำให้ศัตรูไม่ทันได้ตั้งตัวแน่นอน เพราะนี่อยู่เหนือขอบข่ายของเกณฑ์วิถียุทธ์แล้ว

“ไปเถิดคนรุ่นหลัง แม้นจักกลายเป็นซากกระดูกแห้งกรัง ณ สถานที่แห่งนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มีคนสืบทอดพลังอมตะที่ข้าทุ่มแรงใจริเริ่มแล้ว”

เสียงทอดถอนใจของจักรพรรดิเพลิงสะท้อนมา ราวกับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย แต่ก็มีความชื่นใจและความซับซ้อนปนอยู่เล็กน้อย

จักรพรรดิเซียนเลิศล้ำแห่งยุคที่เป็นผู้ไร้เทียมทานในเก้าสวรรค์สิบปฐพี แต่กลับถูกปิดผนึกอยู่ในสถานที่ที่คับแคบ ดั้งเดิมแห้งเหือด แทบจะสิ้นอายุขัย จึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างรู้สึกเสียดาย

เพียงเสี้ยววินาทีเดียว พลังออร่าของตราจักรพรรดิเพลิงก็เริ่มเลือนลาง จากนั้นหลัวซิวก็รู้สึกว่าจิตสำนึกของตัวเองล่องลอยขึ้น ก่อนจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะแล้วกลับคืนสู่ร่างดั้งเดิม

หลัวซิวที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ในบ่อผลึกเพลิงเซียนอัคคีที่ตั้งอยู่ส่วนก้นของลาวาลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมากะทันหัน

มารเพลิงที่เทียบเท่าจักรพรรดิเซียนยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเมื่อครู่หลัวซิวได้ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่าจากการอาศัยพลังของผลึกเพลิงเซียนอัคคีผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเซียนชั้นฟ้าช่วงกลางโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว

ผลึกเพลิงชุบร่าง ทำให้ร่างกายกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์แบบในตอนแรกของเขาแวววาวมากยิ่งขึ้น ประหนึ่งหยกกายสิทธิ์ใต้หล้า

สามารถพูดได้อย่างไม่เกรงใจเลยว่าด้วยร่างแห่งเซียนชั้นฟ้า ณ วินาทีนี้ของเขา เพียงพอที่จะสามารถหลอมสร้างภัณฑ์เซียนที่ทรงพลังอย่างยิ่งออกมาได้แล้ว ในเลือดเนื้อไขกระดูกทั้งหมดของเขาล้วนมีตราประทับของเกณฑ์สูงศักดิ์ใหญ่ทั้งสาม

เงยหน้ามองไปทางมารเพลิง หลัวซิวสอบถาม “ผู้อาวุโส ข้าฝึกตนอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้วขอรับ?”

มารเพลิงอมยิ้ม “จักรพรรดิน้อยสมกับเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับจากห้าจักรพรรดิเสียจริง นับตั้งแต่วินาทีที่เข้าสู่สภาวะการตระหนักรู้ บัดนี้เวลาก็ล่วงเลยไปสามร้อยปีแล้วขอรับ”

“ว่าอย่างไรนะ? สามร้อยปี?”

มีความตะลึงปรากฏในสายตาหลัวซิว นี่ถือเป็นฝันร้อยปีชัด ๆ เขารู้สึกว่าจิตสำนึกของตัวเองถูกตราจักรพรรดิเพลิงเรียกไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็รู้สึกว่าการที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นนั้นก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่ เพราะผลการฝึกตนของเขาบรรลุแล้ว ต้องท้าวความก่อนว่าจากระดับความยากในการยกระดับผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขา ต่อให้มีทรัพยากรการฝึกตนที่เพียงพอ การที่สามารถบรรลุถึงเซียนชั้นฟ้าช่วงกลางภายในระยะเวลาสามร้อยปีนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่

ลุกขึ้นยืน หลัวซิวค้นพบว่าจากบ่อที่เหลือผลึกเพลิงเซียนอัคคีไม่มากในตอนแรก นาทีนี้พลังเพลิงอัคคีเบาบางมาก ๆ แล้ว ต่อให้เขาฝึกตนอยู่ที่นี่ต่อ แม้นจักดูดซับพลังทั้งหมดในผลึกเพลิงเซียนอัคคีจนแห้งเหือด ก็ไม่เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาพัฒนาขึ้นอีกขั้นและก้าวเข้าสู่เซียนชั้นฟ้าช่วงปลายได้แล้ว

จากปฏิกิริยาของมารเพลิง หลัวซิวสามารถดูออกอยู่ว่าแม้นฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เทียบทัดจักรพรรดิเซียน แต่ก็สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเขาในเมื่อครู่นี้ไม่ได้แต่อย่างใด

สำหรับเรื่องราวของจักรพรรดิเพลิงนั้น หลัวซิวตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไม่มีความคิดที่จะบอกมารเพลิง แม้ผู้แข็งแกร่งอย่างมารเพลิงและมารไม้จะเทียบทัดจักรพรรดิเซียน แต่ก็ไม่มีทางบรรลุถึงระดับจักรพรรดิเซียนเลิศล้ำได้อย่างแน่นอน ต่อให้บอกพวกเขาไป ก็คงช่วยอะไรจักรพรรดิเพลิงไม่ได้

มิหนำซ้ำตกลงจักรพรรดิเพลิงถูกปิดผนึกอยู่ ณ สถานที่แห่งใดนั้น ก็ไม่มีผู้ใดทราบเลย มาตรแม้นว่ามีตราจักรพรรดิเพลิง หากต้องการใช้จิตสัมผัสเพื่อตามหาสถานที่แห่งนั้นละก็ อย่างน้อยผลการฝึกตนของตัวเขาเองก็ต้องบรรลุถึงระดับที่เทียบเท่าจักรพรรดิเซียนให้ได้ก่อน

ตราห้าจักรพรรดิทำให้การเคลื่อนไหวในสถานเบญจธาตุของหลัวซิวราบรื่นอย่างยิ่ง สามารถเคลื่อนไหวไปยังทุกแห่งหนได้อย่างไร้ความพะวง ผู้แข็งแกร่งอย่างมารเพลิงมารไม้ไม่ทำร้ายเขา มากไปกว่านั้นคือยังเกรงใจเขามาก ๆ ด้วย ทั้งยังมอบของขวัญและโชคโอกาสต่าง ๆ ให้เขา

หลัวซิวรู้สึกว่าอนาคตหากตนเจอปัญหา บางทีอาจสามารถเข้ามาหลบภัยในสถานเบญจธาตุได้ แม้นมารไม้จะจากไปแล้ว แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างมารเพลิงก็ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน

แถมหลัวซิวยังทราบมาจากปากมารเพลิงอีกด้วยว่า ในสถานเบญจธาตุแห่งนี้ยังมีอสูรยักษ์อื่น ๆ อีกสามตน ซึ่งล้วนเป็นสรรพทิพย์ที่จักรพรรดิเซียนปลุกเสกขึ้นมา

อาทิเช่นมารไม้นั่น เป็นสรรพทิพย์ที่ผันมาจากรากเซียนตรีภพ ภูมิฐานของมันลึกซึ้งมาก ซึ่งสามารถฝึกถึงระดับจักรพรรดิเซียน

และความเป็นมาของมารเพลิงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ร่างดั้งเดิมของมันคือหินเซียนดั้งเดิมไฟก้อนหนึ่ง เล่ากันว่าหินเซียนประเภทนี้เป็นสมบัติที่เป็นส่วนเสริมของดั้งเดิมไฟ ซึ่งล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีมารดำ ซึ่งเป็นเต่าเสวียนตัวหนึ่งที่ได้รับการปลุกเสกโดยจักรพรรดินิล มีสายเลือดที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด

แล้วก็มารขาวเล่ากันว่ามันคือตัวอ่อนกระบี่ที่ฟ้าดินหล่อเลี้ยงขึ้นมา รวมไปถึงอสูรกิเลนตัวหนึ่งที่ถูกปลุกเสกโดยจักรพรรดิอำพัน ว่ากันว่ามันคือสัตว์ที่ใช้ขี่ของจักรพรรดิอำพัน และเป็นผู้แข็งแกร่งที่เทียบทัดจักรพรรดิเซียนเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ