มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3174

ในกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างยาวนาน จิตใจของหลัวซิวดื่มด่ำอยู่ในความล้ำลึกในขั้นแรกของอมฤตาลัยมาโดยตลอด

แค่ขั้นปฐมภูมิก็ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มขนาดนี้แล้ว ความล้ำลึกของธรรมเวชที่บรรยายภายในก็มหัศจรรย์ถึงขีดสุด

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ หลัวซิวรู้สึกว่าเวลาล่วงเลยไปไม่ต่ำกว่าอีกร้อยปี เขาถึงจะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคุ้นเคยเข้าใจขั้นปฐมภูมิของอมฤตาลัย

“ข้าคุ้นเคยเข้าใจขั้นแรกขั้นปฐมภูมิแล้ว และก็ถึงเวลาหลอมรวมเข้าไปในวิถีไร้ลักษณ์ของข้าแล้ว จากนั้นเป้าหมายต่อไปก็คือตระหนักแดนสำเร็จน้อยของขั้นแรก”

สำหรับวรยุทธ์นี้ หลัวซิววางแผนที่จะค่อย ๆ ฝึกฝนไปตามลำดับ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจจนกระจ่างชัดแจ้ง จากนั้นค่อยหลอมรวมเข้าไปในวิถีไร้ลักษณ์ของตัวเอง บางทีอาจสามารถริเริ่มเวทย์ต้องห้ามที่เป็นหัวใจสำคัญออกมาหนึ่งวิชาก็เป็นได้

สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ร่างเนื้อก็เหมือนบรรจุภัณฑ์ ร่างเนื้อยิ่งแข็งแกร่ง จิตเซียนที่สามารถรองรับก็ยิ่งมาก และสามารถควบคุมเกณฑ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าได้ด้วย

แม้จะอยู่ในแดนผลการฝึกตนเดียวกัน ต่อให้นำจอมยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนเซียนชั้นฟ้าขั้นปฐมภูมิร้อยตนมารวมเข้าด้วยกัน ก็เทียบเคียงกับจิตเซียนอันมากมายมหาศาลที่สั่งสมอยู่ในร่างกายหลัวซิวไม่ได้

แม้ผลการฝึกตนของเขาจะไม่สูง แต่ด้านการสั่งสมจิตเซียนของเขากลับไม่ด้อยกว่าราชาเซียนแล้ว

และเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งมากเกินไปเช่นกัน ฉะนั้นการยกระดับในทุกย่างก้าวของเขาจึงยากลำบากอย่างยิ่ง

โดยส่วนใหญ่แล้วเซียนชั้นฟ้าช่วงกลางคนอื่น ๆ แค่ใช้โอสถเซียนขั้นฟ้าสิบเม็ดก็สามารถเลื่อนระดับขึ้นสู่เซียนชั้นฟ้าช่วงปลายได้อย่างราบรื่นแล้ว แต่สำหรับหลัวซิว ต่อให้มีโอเซียนขั้นฟ้าหนึ่งพันเม็ด ก็อย่าคิดว่าจะเลื่อนระดับสำเร็จ

“หากข้าต้องการบรรลุสู่เซียนชั้นฟ้าช่วงปลาย แค่อาศัยโอสถเซียนขั้นฟ้ายังไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องใช้โอสถเซียนระดับราชาด้วย”

หลัวซิวทำการคาดคะเนโดยคร่าว ๆ รอบหนึ่ง แม้ในมือเขาจะมีราชาสมุนไพรอยู่ไม่น้อย แต่ราชาสมุนไพรและโอสถเซียนกลับแตกต่างกัน

เมื่อกลั่นราชาสมุนไพรให้กลายเป็นเม็ดโอสถเซียน ประสิทธิผลดั้งเดิมของราชาสมุนไพรก็จะเพิ่มขึ้นสิบเท่า

หากต้องการกลั่นเม็ดโอสถเซียนระดับราชา เช่นนั้นเขาก็ต้องทำให้อัคคีชาตะไร้ลักษณ์ของตัวเองเลื่อนขั้นก่อน รองลงมาคือจำเป็นต้องมีเตายาที่เป็นภัณฑ์เซียนผู้ชนะ

……

ออกจากสถานเบญจธาตุ หลัวซิวเริ่มเตรียมตัวลงมือกลั่นโอสถเซียนระดับราชาแล้ว

ครั้นอยู่ในภูเขาเพลิงอัคคี เขาได้รับวัตถุดิบธาตุไฟจำนวนไม่น้อยมาจากมือมารเพลิง ซึ่งในจำนวนทั้งหมดยังไม่ขาดแคลนสมบัติที่สามารถทำให้เซียนอัคคีเลื่อนขั้นได้ด้วย

ขอแค่สามารถทำให้เซียนอัคคีเลื่อนขั้น เช่นนั้นเตายาที่เป็นภัณฑ์เซียนระดับผู้ชนะก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะตัวหลัวซิวสามารถกลั่นได้ด้วยตนเอง

หากต้องการย้อนกลับไปยังโลกามนุษย์ ก็จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยังแดนต้องห้ามกระดูกฝัง ค่ายกลฝั่งสะพานทะยานเซียนถูกทำลายไปแล้ว ทว่าเดิมทีระดับขั้นของค่ายกลฝั่งสะพานทะยานเซียนก็ไม่ค่อยสูงอยู่แล้ว ฉะนั้นหลัวซิวจึงมั่นใจว่าตนสามารถจัดวางขึ้นมาใหม่ได้

ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่ถือว่าไม่ค่อยไกลจากสถานเบญจธาตุเท่าไหร่นัก หลัวซิวมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีนามว่าเมืองโหวหรง

“ได้ยินหรือยัง? เทพธิดาแห่งชนเผ่าดึกดำบรรพ์กำลังจะมาถึงเมืองโหวหรงของเราแล้ว”

“จริงหรือ? เล่ากันว่าสตรีทุกนางในชนเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ล้วนงดงามปานเทพธิดา”

“ก็ต้องจริงอยู่แล้วสิ ได้ยินว่าเหมือนเจอเห็นสลักหายากในสถานเบญจธาตุ”

“......”

เมื่อเดินเข้าไปในเมือง หลัวซิวก็ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นทำนองนี้เยอะมาก พอพูดถึงชนเผ่าดึกดำบรรพ์ เขาก็อดนึกถึงท่านแม่และเมี่ยวหลิงไม่ได้

ในส่วนของหินสลักหายากที่กล่าวถึงนั้น ก็เป็นสิ่งที่นิยมแพร่หลายในช่วงเวลาหนึ่งในโลกเซียนเช่นกัน ลือกันว่าหินสลักประเภทนี้คือร่องรอยธรรมเวชที่ตกทอดมาจากยุคสมัยที่เก่าแก่อย่างยิ่ง ซึ่งมีวรยุทธ์และพลังอมตะลึกลับแฝงซ่อนอยู่

อาทิเช่นบางแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีการเปิดหอเรือนที่เป็นทำนองเดียวกันเช่นกัน ภายในหอเรือนจะมีหินสลักประเภทนี้จัดวางอยู่เป็นจำนวนมาก หากมีคนสามารถตระหนักวรยุทธ์และพลังอมตะที่แฝงอยู่ในหินสลัก แดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะทำการซื้อมาในราคาที่สูงลิ่ว

สถานเบญจธาตุคือโบราณสถานที่จักรพรรดิเซียนทั้งห้าแห่งยุคโบราณกัลปาวสานทิ้งไว้ หินสลักประเภทนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่หายากอยู่แล้ว เมื่อก่อนหลัวซิวเคยเจอเยอะมาก ทว่าเขา ณ ขณะนั้นก็ไม่ได้นำมาใส่ใจเช่นกัน

แต่เมื่ออยู่ในโลกเซียน การที่จะสามารถตระหนักวรยุทธ์พลังอมตะจากหินสลักหายากได้หรือไม่นั้น กลับถูกกำหนดเป็นมาตรฐานในการวัดอัจฉริยะ เนื่องจากหากสามารถตระหนักวรยุทธ์พลังอมตะได้จากหินสลัก ก็หมายความว่ามีความสามารถในการตระหนักรู้ที่น่าทึ่ง และสำหรับอัจฉริยะทุกตนแล้ว ความสามารถในการตระหนักรู้ก็ถือเป็นสติปัญญาที่สำคัญที่สุดเลย

จู่ ๆ หลัวซิวก็มองเห็นหอเรือนหลังหนึ่ง ซึ่งมีนามว่าทะยานเซียน

คำว่าทะยานเซียนมักจะทำให้หลัวซิวเกิดความรู้สึกพิเศษเสมอ ครั้นเขาอยู่ในยุคสมัยของไท่ซ่างฉิง จี้หวูชวงก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยวิชาทะยานเซียนนี่แหละ

ภพชาตินี้ เขาที่อยู่ในโลกามนุษย์ได้พามกุฎเต๋าจำนวนมากบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน และโลกามนุษย์เข้าสู่ยุคสมัยใหญ่ที่ใหม่เอี่ยม แล้วเขาก็ตั้งชื่อให้มันว่าสมัยทะยานเซียน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ