มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3176

เฉินเซี๋ยงเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ เคยสัมผัสรู้วรยุทธ์ระดับกษัตริย์เซียนจากหินสลัก เมื่อเขาเห็นว่าหลัวซิวสัมผัสรู้เพียงวรยุทธ์ระดับราชาเซียนเท่านั้น ก็รู้สึกมั่นใจว่าตนเองต้องชนะอย่างแน่นอน

“ไม่กล้าเดิมพันหรือ ?” เมื่อเห็นหลัวซิวไม่พูดอะไร เฉินเซี๋ยงก็แสยะยิ้มออกมา

“เหอะ ๆ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเดิมพันจริง ๆ ?” หลัวซิวส่ายหัว ไม่เข้าใจเลยว่าคนผู้นี้ไปเอาความมั่นใจจากไหน

“แน่นอน !” เฉินเซี๋ยงพูดเสียงดังออกมา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เลือกก่อนเถอะ” หลัวซิวพูดขึ้นเบา ๆ

การสังเกตและศึกษาหินสลักในสวนใหญ่หลังที่สี่แห่งนี้ ต้องใช้กรองแก้วเซียนชั้นสูงห้าแสนต่อหนึ่งครั้ง ปกติแล้วมีเพียงยอดฝีมือขั้นเซียนชั้นฟ้าเท่านั้นที่จ่ายไหว อีกทั้งเวลาในการสังเกตและศึกษาหินแกะสลัก ห้ามเกินหนึ่งชั่วยาม

หากต้องการขยายเวลา เช่นนั้นก็ต้องจ่ายกรองแก้วเซียนชั้นสูงเพิ่มอีกห้าแสน

เมื่อเห็นหลัวซิวรับปาก เฉินเซี๋ยงก็เดินตรงไปยังหินสลักก้อนหนึ่ง ที่ตนเองเลือกเอาไว้แต่แรกแล้ว ลายเส้นบนหินสลักก้อนนี้ ฟุ้งกระจายไปด้วยท่วงเซียนที่ยิ่งใหญ่มหาศาล หากตระหนักรู้ได้ อย่างน้อยก็เป็นวรยุทธ์พลังอมตะระดับกษัตริย์เซียน

เฉินเซี๋ยงหยิบกรองแก้วเซียนชั้นสูงออกมาจ่าย จากนั้นก็มีผู้ดูแลหอเรือนมาเปิดตัวต้องห้ามที่อยู่ด้านข้างหินสลัก ให้เขาเข้าไปสัมผัสรู้

ชั่วพริบตาก็ครบหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่หินสลักกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นี่ทำให้สีหน้าของเฉินเซี๋ยงไม่สู้ดีนัก

เขาหยิบกรองแก้วเซียนชั้นสูงออกมาอีกห้าแสน ยืดเวลาเพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม แต่ก็ยังไม่อาจตระหนักรู้ได้อยู่ดี

หลังจากเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป สีหน้าของเฉินเซี๋ยงยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น เขาจ่ายกรองแก้วเซียนชั้นสูงไปสองล้านแล้ว ซึ่งเป็นเวลาสี่ชั่วยามเต็ม ๆ แต่กลับยังไม่อาจสัมผัสรู้ถึงร่องรอยของวรยุทธ์พลังอมตะภายในหินสลักได้เลยแม้แต่น้อย

ต่างก็รู้กันดีว่า กรองแก้วเซียนชั้นสูงสองล้าน เพียงพอสำหรับซื้อวรยุทธ์ระดับราชาเซียนหนึ่งวิชา หรือซื้อภัณฑ์เซียนชั้นสูงหนึ่งชิ้นได้แล้ว

กรองแก้วเซียนจำนวนมากขนาดนี้ หายวับไปในชั่วพริบตา แม้จะเป็นเฉินเซี๋ยงก็ยากทำใจยอมรับ เพราะกรองแก้วเซียนเหล่านี้ เขาเก็บเอาไว้ให้ตนเองใช้ฝึกตน

ในขณะที่เฉินเซี๋ยงกำลังลังเลอยู่นี้ ผู้รับผิดชอบของหอเรือนก็เดินเข้ามา เชิญให้เขาออกไป เพราะมีคนจ่ายกรองแก้วเซียน เพื่อสัมผัสรู้หินสลักด้านนี้แล้ว

เฉินเซี๋ยงลุกขึ้น เตรียมที่จะเลือกหินสลักอีกด้าน แต่กลับเห็นว่าคนที่ยอมจ่ายกรองแก้วเซียนเพื่อสัมผัสรู้หินสลักด้านนี้ ที่แท้ก็คือผู้ที่เดิมพันกับเขานั่นเอง

สิ่งนี้ทำให้เฉินเซี๋ยงมีสีหน้าบึ้งตึง หัวเราะเยาะพลางพูดว่า : “ข้าใช้เวลาถึงสี่ชั่วยามก็ยังไม่อาจสัมผัสรู้อะไรออกมาได้ หรือเจ้าคิดว่าสติปัญญาของเจ้าจะเหนือกว่าข้า ?”

“กบก้นบ่อ”

หลัวซิวทำเพียงแค่มองเขาด้วยหางตา จากนั้นก็จับจ้องไปยังหินสลักที่อยู่ตรงข้าม เปิดใช้ตัวต้องห้าม กั้นเฉินเซี๋ยงเอาไว้ด้านนอก ตอนที่ทุกคนสัมผัสรู้หินสลัก ต่างห้ามไม่ให้ถูกรบกวน หากใครกล้าฝ่าฝืนกฎ กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังหอเรือน ไม่มีทางยอมเด็ดขาด

เฉินเซี๋ยงสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็เลือกหินสลักอีกก้อนที่ออร่าท่วงเซียนด้อยกว่าเล็กน้อย แม้จะเสียกรองแก้วเซียนชั้นสูงไปสองล้านแล้ว แต่หากเอาชนะเดิมพันครั้งนี้ได้ ก็ย่อมหากลับมาได้อย่างง่ายได้

เพียงแต่ ทางด้านเฉินเซี๋ยงเพิ่งจะเลือกหินได้ ยังไม่ทันได้ไปบรรลุ จู่ ๆ ออร่าอันมหาศาลก็ฟุ้งกระจายออกมา

สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังที่เดียวกันด้วยความประหลาดใจและตกตะลึง จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดดำ ใช้เวลาสั้น ๆ ไม่ถึงชั่วหนึ่งก้านธูป ก็สามารถปลุกลายเส้นของหินสลัก ทำให้หินสลักปล่อยแสงเซียนออกมาได้ และมีออร่ากษัตริย์เซียนฟุ้งกระจายออกมา

“โฮก !”

แสงเซียนรวมตัวกัน กลายเป็นเสือสีทองหนึ่งตัว เงยหน้าคำราม ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน ตะวันและจันทราแตกสลาย เกิดนิมิตขึ้นมากมาย

เห็นได้ชัดว่า นี่คือพลังอมตะระดับกษัตริย์เซียนหนึ่งวิชา อีกทั้งยังเป็นวิชาโจมตี สามารถแยกแยะความแข็งแกร่งของพลังอมตะได้ผ่านทางนิมิตได้

และจากนิมิตที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ ในบรรดาพลังอมตะระดับกษัตริย์เซียน นับได้ว่าถูกจัดอยู่ในระดับสูงสุด

พลังอมตะวิชานี้ ไม่อาจใช้กรองแก้วเซียนมาประเมินค่าได้แล้ว มีมูลค่าเทียบเท่ากับสมบัติกษัตริย์เซียนหนึ่งชิ้น !

คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกตกใจ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เฉินเซี๋ยงผู้นั้นสีหน้ายิ่งหมองคล้ำ หินสลักที่เพิ่งจ่ายกรองแก้วชั้นเซียนไปห้าแสนเพื่อสัมผัสรู้ ก็ถูกเขามองข้ามเสียแล้ว

เพราะเข้ารู้ดีว่า ตนเองแพ้แล้ว จึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ต่อให้ไปสัมผัสรู้หินสลัก ด้วยอารมณ์ที่ไม่สงบอย่างเช่นตอนนี้ ก็ไม่มีทางสัมผัสรู้อะไรออกมาได้

ผู้รับผิดชอบของหอเรือนเดินเข้ามา เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง บนร่างกายมีออร่าระดับราชาเซียนที่สั่นไหว แผ่ซ่านออกมา

“ยินดีกับท่านชายท่านนี้ด้วย ไม่ทราบว่ายินดีจะขายพลังอมตะระดับกษัตริย์เซียนวิชานี้หรือไม่ ? หอเรือนทะยานเซียนของเรา ยินดีแลกเปลี่ยนด้วยสมบัติกษัตริย์เซียนหนึ่งชิ้น”

เฉินเซี๋ยงอดตกตะลึงไม่ได้ มูลค่าของภัณฑ์เซียนผู้ชนะหนึ่งชิ้น กับสมบัติกษัตริย์เซียน แตงต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ท่านชายอย่าให้เขา เขาต้องกลัวสำนักชิงเยว่ของเราอย่างแน่นอน ดังนั้นถึงไม่กล้าให้ท่านชายแจ้งต่อสำนักเซียน......”

บ่าวช่างจ้อคนเมื่อครู่ยุยงขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้เฉินเซี๋ยงโกรธจัด ยกมือขึ้นฟาดเขาจนลอยกระเด็นออกไป เลือดสาดกระจาย และตายลงตรงนั้นทันที

“เพราะการยุยงของบ่าวชั่วอย่างเจ้า จึงทำให้ข้าต้องสับสน มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นอย่างนั้นหรือ ?”

หลังจากเฉินเซี๋ยงคิดทบทวนดู ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากเขาสั่งสอนผู้เป็นบ่าวเสร็จ ก็เดินเข้ามาหาหลัวซิวในทันที จากนั้นก็ยกมือขึ้นคารวะอย่างมีมารยาท” ขอบคุณศิษย์พี่ที่ทำให้ข้าเข้าใจหลักการที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน”

ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เฉินเซี๋ยงก็หยิบกระบี่เซียนซึ่งเป็นภัณฑ์เซียนระดับผู้ชนะออกมา ภัณฑ์เซียนชิ้นนี้ คือสมบัติที่ผู้อาวุโสในสำนักเซียนเคยมอบให้กับเขา ตอนนี้นำออกมา ก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย

มอบกระบี่ให้กับมือของหลัวซิว เฉินเซี๋ยงเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ จึงหันหลังเดินจากไปโดยไม่รั้งรอ

ทันใดนั้นเอง สายตาของทุกคนที่อยู่โดยรอบสวนใหญ่หลังที่สี่ ต่างจับจ้องมาที่หลัวซิว

สามารถตระหนักรู้วรยุทธ์กษัตริย์เซียนในหินสลักออกมาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ คนผู้นี้จะต้องมีสติปัญญาสูงขนาดไหนกัน ?

ต่างก็รู้ดีว่า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกษัตริย์เซียน ก็ไม่กล้าพูดว่าสามารถตระหนักรู้พลังอมตะและวรยุทธ์ที่อยู่ภายในหินสลักได้อย่างง่ายดาย อย่างไรเสีย สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกตน แต่เป็นผลมาจากสติปัญญา

ถึงขั้นว่า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเซียนไปสัมผัสรู้หินสลักที่มีวรยุทธ์พลังอมตะกษัตริย์เซียน ก็มีอัตราการล้มเหลวที่สูงมาก

มิเช่นนั้น กองกำลังใหญ่ก็คงไม่นำหินสลักเหล่านี้ออกมาให้คนอื่นบรรลุได้ตามใจ

เรื่องนี้สำหรับหลัวซิวแล้วเป็นเพียงเรื่องไม่คาดฝัน เขากวาดสายตามองดูลานสวนแห่งที่สี่คร่าว ๆ และไม่ไปสัมผัสรู้หินสลักก้อนใดอีก แต่กลับเดินตรงไปยังสวนใหญ่หลังที่ห้าทันที

หอเรือนทะยานเซียนแห่งนี้มีทั้งสิ้นหกสวนใหญ่ ด้านหน้าแต่ละสวนใหญ่ล้วนมีประตูอยู่หนึ่งบาน ระดับของหินสลักเรียงจากต่ำไปสูง แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เขาเข้ามาที่นี่เพื่อ ‘ทะยานเซียน’ หากไม่พบหินสลักที่ชะตาต้องกัน เขาก็คิดว่าจะไม่ลงมืออีกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ