มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 324

เหยียนเยว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ นางรู้ดีว่าในตอนนี้นางไม่สามารถฆ่าเจ้าตำหนักจื่อคนนี้ได้ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของนาง จิตสังหารที่เอ่อเต็มหัวใจของนางค่อย ๆ จางหายไป

แม้ว่านางจะได้ยับยั้งเจตนาฆ่าเอาไว้แล้ว แต่ก็ถูกเจ้าตำหนักจื่อคนนั้นสัมผัสได้อยู่ดี สายตาที่สง่างามมองไปทางด้านนี้อย่างเย็นชา

เจ้าตำหนักจื่อคนนี้ ฝึกตนมานานกว่าสี่ร้อยปี แต่ดูเหมือนชายวัยกลางคนในวัยสามสิบ หว่างคิ้วแสดงถึงความเคร่งขรึม มีนิสัยแบบพวกเอาแต่ใจ คือใครก็ตามที่เชื่อฟังเขาจะได้อยู่สุขสบาย แต่ใครก็ตามที่กบฏต่อเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับดาบคม ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะสบตากับเขา

แต่ไม่ใช่กับหลัวซิว เพราะเหยียนเยว่เอ๋อร์คือผู้หญิงของเขา ความเคียดแค้นฝังลึกนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องแบกเอาไว้บนบ่าของเขาและเผชิญหน้ากับมันด้วย

คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบเจ็ดปี เป็นวัยรุ่นเลือดร้อนและเอาแต่ใจเป็นที่สุด

อีกคนหนึ่งฝึกตนนานกว่าสี่ร้อยปี เป็นผู้สูงศักดิ์ที่อยู่มาช้านาน ตาเฒ่าประหลาดระดับจักรพรรดิยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนมากเกินคำบรรยาย

ฉากการเผชิญหน้าดังกล่าว ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายที่อยู่ใกล้เคียง

“เจ้าหนูน้อยใจกล้า!” ชายชราหลังหลังค่อมในชุดธรรมดาพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อมองดูเสื้อผ้าของเขา เขาดูเหมือนชาวนาแก่ ๆ ในชนบท

ราวกับว่า เขากำลังชื่นชมหลัวซิวที่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักจื่อ ดังนั้นจึงเอ่ยปากชมเขาโดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าจะเป็นการไม่ไว้หน้าเจ้าตำหนักจื่อหรือไม่

มีราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ไม่รู้จักชายชราหลังค่อมคนนี้ แต่เหล่าจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งผู้นำจากมหาอำนาจทุกฝ่าย ต่างก็แสดงแววตาสั่นไหวออกมาเล็กน้อย

เพราะชายชราที่ดูธรรมดาคนนี้ แต่กลับเป็นถึงตาเฒ่าประหลาดระดับจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งที่มีอายุไม่ต่ำกว่าพันปี นามว่าฉิวหนานซาน

“เฆ่าประหลาดฉิว เราอยู่อย่างสงบมาตลอด” เจ้าตำหนักจื่อหันหน้าไปทางตาแก่หลังค่อมและเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

ฉิวหนานซานคนนี้ จักรพรรดิยุทธ์ที่รู้จักเขาต่างก็เรียกเขาว่า‘เฆ่าประหลาดฉิว’ เป็นแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่เหมือนกัน เจ้าตำหนักจื่อถึงแม้จะกังวล แต่ก็ไม่ได้กังวลจนมากเกินไป

“เอาล่ะ ทิ้งความคับข้องใจส่วนตัวของทุกท่านไว้ก่อน กระแสน้ำวนแห่งปริภูมินี้ จำเป็นต้องให้พวกเราจักรพรรดิยุทธ์ทุกคนร่วมมือกันทำลาย ข้าไม่คิดว่าจะมีใครอยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อจริงหรือไม่?”

จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงพูดขึ้นในเวลานี้

“หัวหน้าแก๊งหยวนเฉิงพูดถูก หากไม่ใช่ว่ากระแสน้ำวนแห่งปริภูมินี้ยากที่จะเปิดออก ข้าเองก็คงจะไม่รอให้พวกเจ้ามาแย่งชิงเป็นแน่” เจ้าสำนักเสวียนหยางที่สวมหน้ากากครึ่งหน้าสีทองเอ่ยปาก

เห็นว่าทุกคนไม่มีข้อโต้แย้ง จากนั้นจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทั้งยี่สิบคน โดยการนำของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง เจ้าตำหนักจื่อ เจ้าสำนักเสวียนหยางและสำนักฉางเหอ ก็มารวมตัวกัน สู่ความมืดมิดในกระแสน้ำวนแห่งปริภูมิเบื้องล่าง

ใกล้ ๆ กับกระแสน้ำวนแห่งปริภูมิ พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวอย่างมาก หากปรมาจารย์ฝึกจิตเดินเข้าไป เพียงเสี้ยววินาทีที่เผลอไป ก็จะโดนพื้นที่บิดเบี้ยวนี้บีบอัดจนตาย ร่างกายแตกเป็นละอองเลือด

แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ทุกคนแล้ว ความบิดเบี้ยวของพื้นที่ระดับนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะทำอันตรายต่อเกราะพลังจิตแท้ของพวกเขาได้

“ทุกท่าน เริ่มกันเลยเถอะ” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงพูดออกมาช้า ๆ ทันทีที่มือขึ้นจับ ความสุกใสในฝ่ามือก็ส่องประกาย ขวานสีน้ำเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

ในบรรดานักยุทธ์ อาวุธส่วนใหญ่ที่ใช้คือ ดาบ หอก และง้าว มีเพียงไม่กี่คนที่ใช้ขวาน โดยทั่วไปแล้วอาวุธที่มีน้ำหนักมากพวกนี้ ต่างก็เป็นนักยุทธ์กลั่นร่างเท่านั้นจึงจะสามารถเลือกได้

เห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงท่านคนได้เป็นผู้ควบคุมองค์กรนักล่ายุทธ์สำนักงานใหญ่ในประเทศหนึ่งนั้น ไม่เพียงแค่มีผลการฝึกตนบรรลุถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่เท่านั้น แต่ยังเป็นนักยุทธ์กลั่นร่างคนหนึ่งอีกด้วย

จักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทั้งยี่สิบคนเข้าประจำที่ เรียงตามระดับผลการฝึกตน จักรพรรดิยุทธ์แห่งแดนขั้นสูงขั้นสี่ มีเพียงจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงคนเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ