มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 417

ผังกฎดั้งเดิมวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพถูกหลัวซิวโคจรจนถึงขีดสูงสุด ปราณเป็นตายสองระดับไปจุดตันเถียนก็เริ่มหมุนเร็วขึ้น ผิวนอกของยาเทพจิตมีแสงสีฟ้าริบหรี่ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งสว่างขึ้น ราวกับเป็นดวงอาทิตย์สีฟ้าขนาดเล็ก ลอยอยู่เหนือชี่ไห่ในจุดตันเถียน

เมื่อเวลาผ่านไป ปราณแท้ของหลัวซิวยิ่งอยู่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ปราณเป็นตายสองระดับก็เติบโตขึ้นเช่นกัน ปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา เริ่มควบแน่นกลายเป็นรูปร่างทีละนิด มีแสงสีม่วงแผ่ซ่านออกมาอย่างเลือนลาง

เมื่อไหร่ที่ยาเขียวลอกคราบกลายเป็นยาม่วง นั่นหมายความว่าผลการฝึกตนของเขากำลังก้าวเข้าสู่ราชายุทธ์ขั้นสี่!

ขั้นสามถึงขั้นสี่เป็นการลอกคราบครั้งแรก คือการก้าวข้ามราชายุทธ์ปฐมภูมิสู่ช่วงกลาง ความแข็งแกร่งจะเพิ่มพูนขึ้นมากกว่าตอนฝ่าทะลวงขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม

“ยังเหลืออีกนิด”

เนื่องจากการกลั่นปราณเป็นตายสองระดับจำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมหาศาล หลัวซิวเริ่มรู้สึกว่าอย่ามหาอิทธิเม็ดเดียวไม่พอ

เขาพลิกมือเรียกเม็ดที่สองออกมาโยนเข้าปากของตนเองอย่างไม่ลังเล

“บูม!”

ฤทธิ์ยาของเม็ดแรกยังถูกเผาผลาญไม่หมด ต่อด้วยการกลืนยาเม็ดที่สองลงไป พลังทั้งสองสายหลอมรวมเข้าด้วยกันทันที เกิดความปั่นป่วนขึ้นภายในร่างกายหลัวซิว มีเสียงระเบิดที่ดังราวฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้กระทั่งขีดจำกัดร่างยุทธ์ของหลัวซิวก็เริ่มรับไม่ไหว บนหน้าผากของเขาเริ่มมีเม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นให้เห็น

พลังตราประทับบนสองมือของหลัวซิวเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน กลายเป็นวิชาลับกลั่นร่าง ฤทธิ์ยาส่วนหนึ่งของยามหาอิทธิถูกส่งไปใช้ในการกลั่นร่างเนื้อแทน

การกลั่นร่างเนื้อเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างเจ็บปวด นักยุทธ์ทุกคนที่กลั่นร่าง ล้วนแต่จำเป็นต้องเป็นบุคคลที่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดและความทรมาน

มีเพียงต้องผ่านการกลั่นร่างเนื้อนับพันนับร้อยรอบ ถึงสามารถแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมทุกระดับของร่างเนื้อถึงมีขีดจำกัด มีแต่ต้องฝ่าทะลุขีดจำกัด ถึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับที่สูงกว่า

และทุกครั้งที่สามารถฝ่าทะลวงขีดจำกัด มันคือความทุกข์ทรมานที่เดินอยู่บนขอบความเป็นความตาย

หลัวซิวก็เคยผ่านการฝ่าทะลวงขีดจำกัดของร่างเนื้อมาแล้วหลายครั้ง แต่นำทั้งหมดของก่อนหน้านี้มารวมกัน ดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดเท่าครั้งนี้ ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างต่อเนื่องบนแท่นบัวทิพย์ห้าสี รูขุมขนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เป็นภาพที่ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว

ในขณะเดียวกัน ภายในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว เขาพยายามดูดซับพลังของช่องจิตปลอมอย่างต่อเนื่อง พลังตัวสำนึกก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัวสำนึก ปราณแท้ ร่างเนื้อ ถูกกลั่นพร้อมกันและกำลังเพิ่มพูนขึ้น!

บูม!

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน แม้กลืนยามหาอิทธิเข้าไปแล้วสองเม็ด แต่ที่สามารถบรรลุก่อนกลับไม่ใช่ปราณแท้และร่างเนื้อ แต่เป็นตัวสำนึกของเขา ทะลวงจากจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหก

หลังจากนั้นผ่านไปอีกสักพักใหญ่ ตรงจุดตันเถียนของหลัวซิว มีแสงสีม่วงส่องสว่างขึ้นอย่างกะทันหัน ในที่สุดยาเทพจิตของเขาก็ลอกคราบ จากสีเขียวกลายเป็นสีม่วง ผลการฝึกตนของปราณแท้ก้าวเข้าสู่ระดับราชายุทธ์ขั้นสี่!

เมื่อพลังที่ปั่นป่วนในร่างกายของเขาเริ่มสงบลง ร่างเนื้อของหลัวซิวพองโตขึ้นอย่างกะทันหัน กล้ามเนื้อปูดปูนขึ้นบิดเบี้ยวเหมือนงูมังกร เส้นเอ็นและเส้นเลือดก็ปูดขึ้นจนดูน่ากลัว

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดแบบนี้กินเวลาไประยะหนึ่ง ร่างเนื้อที่พองโตของเขาเริ่มหดตัวลงจนกระทั่งกลับมาเป็นปกติ ผิวหนังบนร่างกายเริ่มหลุดลอก มีคราบกระดูกสีดำแดงและมลทินไหลออกมาจากรูขุมขนของเขาอย่างต่อเนื่อง

“ร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิ!”

เขาลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน แสงอันเยือกเย็นที่น่าสะพรึงกลัวเป็นประกาย ชกหมัดออกไป ความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าเกิดการบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่งจนมีรอยแตกร้าวสีดำปรากฏขึ้น ราวกับใยแมงมุม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ