เวลาที่เขาใช้ในการฝึกฝนครั้งนี้ไม่นาน เพราะเดิมทีเขาก็อยู่ในขอบเขตที่กำลังจะบรรลุแล้ว ใช้เวลาในการเก็บตนฝึกครั้งนี้เพียงแค่สามวัน
อาณาเขตของประเทศเทียนหวู่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ด้วยความเร็วของเรือรบระดับล่าง ในเวลาสามถึงสี่วันก็เพียงพอที่จะบินจากตะวันตกไปถึงตะวันออก
“ใกล้แล้ว อีกประมาณพักใหญ่ก็น่าจะถึงเมืองเสวียนหยางแล้ว” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูด
เมืองเสวียนหยางเป็นเมืองที่สำนักเสวียนหยางสร้างขึ้น ตั้งอยู่ตรงตีนเขาเสวียนหยาง ส่วนเขาเสวียนหยางก็คือตำแหน่งที่ตั้งของสำนักเสวียนหยาง
ทั้งหมดของฝั่งนี้ล้วนแต่ใช้คำว่าเสวียนหยางในการตั้งชื่อ เนื่องจากบรรพชนผู้บุกเบิกสำนักเสวียนหยางชื่อหลี่เสวียนหยาง หรือก็คือบรรพชนมกุฏยุทธ์ของสำนักเสวียนหยาง
ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์มีอายุขัยสามพันปี อาจารย์เสวียนหยางคนนี้อยู่มาแล้วสองพันเจ็ดร้อยปี เรียกได้ว่าเป็นคนเก่าคนแก่ของผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์
ตามรายงานขององค์กรนักล่ายุทธ์ ผลการฝึกตนของหลี่เสวียนหยางคือมกุฏยุทธ์ขั้นสามระดับสูงสุด แต่เนื่องจากอายุขัยกำลังจะสิ้นสุดลง มีพลังไม่เพียงพอ ที่ผ่านมาจึงไม่สามารถบรรลุมกุฎยุทธ์ขั้นสี่
ในระยะที่ห่างจากเมืองเสวียนหยางหลายสิบลี้ คนทั้งกลุ่มเก็บเรือรบ เหินกลางอากาศมาจนถึงละแวกของเมืองเสวียนหยาง
ภายในเมืองเสวียนหยางค่อนข้างรุ่งเรืองและคึกคัก หน้าประตูเมืองมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย
มีนักยุทธ์ขี่สัตว์อสูรวิ่งเข้าเมือง ทำให้เกิดเสียงอุทานและสายตาที่อิจฉานับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ยังมีชายหญิงนักยุทธ์ที่เดินทางมาพร้อมกัน
หลัวซิวก็กำลังยืนเข้าแถวเพื่อรอเข้าเมือง ก่อนที่จะสามารถช่วยพี่สาวและคนของตระกูลหลิว เขาเปิดเผยสถานะของตนเองไม่ได้เด็ดขาด
ทันใดนั้น รูม่านตาของหลัวซิวหดเล็กลงเล็กน้อย เพราะเขาสังเกตเห็นคนที่คุ้นเคยเล็กน้อยคนหนึ่ง
“หลินเจียเอ๋อร์?”
หลัวซิวสังเกตเห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่ง มือซ้ายของนางถือกระบี่ ข้างกายมีผู้ชายสองหญิงหนึ่ง สวมเครื่องแบบของหอหย่งชาง
เมื่อหลายปีก่อนเขาก่อเหตุการณ์นองเลือดในเขตการปกครองโตว้ไห่ เจ้าสำนักเหลยหวู่และหัวหน้าตระกูลกงซุนถูกเขาสังหาร เจ้าหอหย่งชางเย่ซวนก็สิ้นท่ากลายเป็นมังกรไร้หัว
ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น หลินเจียเอ๋อร์ยังอยู่เมืองร้างของภาคเหนือ บางทีไม่ควรเรียกนางว่าหลินเจียเอ๋อร์ แต่ควรเรียกนางว่าเย่เจียเอ๋อร์มากกว่า
“ทำไมนางถึงเดินทางมาเมืองเสวียนหยาง?” หลัวซิวขมวดคิ้ว เขตการปกครองโตว้ไห่อยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก
“เจ้าหอ หรือต้องมอบดอกไห่ถังดาวตกให้สำนักเสวียนหยางเป็นของกำนัลจริงเหรอ?”
ข้างกายของเย่เจียเอ๋อร์ เด็กสาวที่เดินทางมาพร้อมกับนางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย
“ใช่ เจ้าหอ ดอกไห่ถังดาวตกเป็นยาทิพย์ที่เราทุ่มเทอย่างสุดความสามารถถึงจะได้มา” ดูเหมือนนักยุทธ์ชายสองคนที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ยินยอมที่จะมอบของให้คนอื่นเช่นกัน
“พวกเจ้าจะไปเข้าใจอะไร? ปัจจุบันทั่วทั้งประเทศเทียนหวู สำนักและตระกูลทั้งหมดต้องดูสีหน้าของตำหนักจื่อและตระกูลเสวียนหยางในการทำงาน หอหย่งชางของเราอยู่ในเขตการปกครองโตว้ไห่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากแล้ว ทำได้แต่คาดหวังงานวันเกิดครั้งนี้ของอาจารย์เสวียนหยาง จะสามารถทำให้พวกเรามีโอกาสแก้ไขวิกฤต” เย่เจียเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
บางทีอาจจะเป็นเพราะสำนักหย่งชางต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่ บวกกับพ่อของนางตาย ทำให้นางต้องขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบทำหน้าที่ดูแลทั้งตระกูล ดังนั้นหลายปีมานี้ กลิ่นอายความวัยเยาว์บนตัวนางจึงลดน้อยลง มีกลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นหลายส่วน
ย้อนนึกถึงตอนนั้น ตอนที่หลัวซิวพบนางในเขตปกครองโตว้ไห่ครั้งแรก หญิงสาวคนนี้มีความเย่อหยิ่งเพียงใด?
เสียงสนทนาของพวกนางเบามาก แต่ก็ยังคงโดนหลัวซิวใช้ตัวสำนึกแอบฟัง
ดอกไห่ถังดาวตก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...