แต่สวีจิงเหนียนรู้จักหลัวซิวดี เขาไม่มีทางทำอะไรอย่างล่องลอยแน่นอน เมื่อเขากล้ากล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว นั่นจะต้องเป็นความจริงแท้
ตำหนักจื่อที่เป็นหนึ่งในสามของกลุ่มอำนาจที่ปกครองประเทศเทียนเทียนหวู ได้ถูกทำลายไปแล้ว นี่จะต้องเป็นเรื่องที่สะเทือนไปทั้งแผ่นดินอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผมสามารถทำลายตำหนักจื่อได้ ย่อมมีหนทางที่จะทำลายสำนักเสวียนหยางได้” ประโยคที่หลัวซิวกล่าวนั้นมีความหมายลึกซึ้ง
“อีกอย่างถ้าให้กล่าวตามตรง อาจารย์ของผมเป็นถึงปรมาจารย์นักกลั่นยา มีฐานะสูงส่งกว่ามกุฎยุทธ์เล็กๆ เป็นไหนๆ หากสำนักเสวียนหยางยังคงตั้งหน้าตั้งตาเป็นศัตรูกับผม นั่นก็เท่ากับรนหาที่ตายให้กับตัวเอง” หลัวซิวกล่าวอย่างพลุ่งพล่าน
เมื่อกล่าวออกมาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่สวีจิงเหนียนจะไม่เข้าใจในคำพูดของหลัวซิว นี่เป็นการบีบให้เขาต้องตัดสินใจ
ถ้าไม่ยืนอยู่ข้างหลัวซิวแล้วช่วยเขาดูแลความปลอดภัยของครอบครัวเขาในประเทศเทียนหวู ก็ต้องตัดขนาดความสัมพันธ์กับเขาไปเลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถือว่าเป็นคนแปลกหน้า แค่นี้ก็ไม่ถือว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักเสวียนหยางแล้ว
“คุณชายหลัวซิวอย่าห่วงเลย ขอแค่ครอบครัวของผมไม่ถูกทำลายราบไปเสียก่อน สวีจิงเหนียนจะเป็นคนรับผิดชอบความปลอดภัยของครอบครัวคุณชายในเมืองเทียนหวูเอง” สุดท้ายเขาก็กัดฟันกล่าวออกไปในที่สุด
หลัวซิวหัวเราะร่าออกมา “ผู้อาวุโสสวี อีกไม่นาน ท่านก็จะรู้เองว่าการตัดสินใจของท่านในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
ในตอนนี้สำนักเสวียนหยางยังคงตกอยู่ในสภาวุ่นวาย ศึกใหญ่ระหว่างมกุฎยุทธ์คล้ายจะทำลายทุกอย่างจนราบ
คาดว่าสำนักเสวียนหยางในตอนนี้ก็น่าจะกำลังจัดระเบียบใหม่อยู่ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มกุฎยุทธ์ทั้งสองคนนั้นได้กลับไปแล้ว จึงยังไม่กล้าส่งคนออกมาตามสังหารหลัวซิว
เมื่อตกลงกับสวีจิงเหนียนเรียบร้อยแล้ว หลัวซิวก็ขับเรือรบออกเดินทางไปยังเมืองเทียนหวู
......
และเป็นอย่างที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้ ผ่านไปไม่นานนักข่าวการล่มสลายของตำหนักจื่อก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดิน
และเป็นเพราะในตอนที่หลัวซิวโจมตีตำหนักจื่อร่วมกับมกุฎยุทธ์ทั้งสองคนในตอนนั้น มีลูกศิษย์ของตำหนักจื่อบางคนที่อยู่ข้างนอกและยังไม่ได้กลับเข้ามา เมื่อพวกเขากลับมาแล้วก็พบว่าประตูด้านนอกของตำหนักจื่อถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วส ส่วนทางเข้าแดนปริศนาก็ถูกปิดตาย ต่อให้ใช้เครื่องรางก็ไม่มีทางเข้าไปได้
การบินกลับจากสำนักเสวียนหยางไปยังเมืองเทียนหวู ด้วยความเร็วของเรือรบสำริดเขียวแล้ว ก็ต้องใช้เวลาถึงสองสามวันกว่าจะไปถึง เมื่อผ่านเขตแดนทางท้องฟ้าของเมืองและสำนักต่างๆ คนที่พบเห็นต่างพากันตกใจอกสั่นขวัญแขวน
เพราะคนส่วนใหญ่จะรู้ดีว่าเรือรบสำริดเขียวนี้ของพื้นที่แห่งนี้เป็นของตำหนักจื่อเท่านั้น เมื่อข่าวการล่มสลายของตำหนักจื่อแพร่กระจายออกไป คนที่ขับเรือรบลำนี้ก็จะต้องเป็นคนที่ล้มตำหนักจื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเรือรบเข้าไปถึงน่านฟ้าของเมืองเทียนหวู ภายในเมืองปรากฏพลังงานอันเข้มข้นกระจายไปทั่ว หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ค่อนข้างคุ้นเคย
หนึ่งในพลังงานที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นมาจากองค์กรนักล่ายุทธ์ที่อยู่ใจกลางเมือง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของพลังอันแข็งแกร่งผู้นี้จะต้องเป็นจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง
เวลาผ่านไปเกือบสองปี หัวหน้าองค์กรนักล่ายุทธ์หลักของประเทศเทียนหวูได้บรรลุแดนขั้นสูงจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 ไปสู่แดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้แล้วหลัวซิวยังสัมผัสได้ถึงพลังของเฒ่าประหลาดฉิว ตอนนั้นที่เฒ่าประหลาดฉิวอยู่ที่คีตโลกาถ้ำเทพสถิตยังเคยมอบฮู้ให้เขาเพื่อป้องกันตัวอีกด้วย
และยังมีอาจารย์หงหมิง หัวหน้าแก๊งนักหลอมอาวุธ รวมทั้งอาจารย์เหว้ย หัวหน้าแก๊งนักค่ายกล นอกจากนี้แล้วยังมรจักรพรรดิยุทธ์คนอื่นๆ เช่นอาจารย์ตระกูลโกวและอาจารย์ตระกูลหวาง
หลัวซิวบังคับเรือรบไปหยุดอยู่ด้านบนของตำหนักตระกูลสวี จากนั้นด้วยการจัดการของสวีจิงเหนียน เขาได้ให้พ่อแม่ พี่สาวและคนตระกูลหลิวเข้าไปพักอยู่ที่ตำหนักตระกูลสวีเป็นการชั่วคราว
เรือรบลอยอยู่กลางฟ้า หลัวซิวยืนอยู่บนพื้นเรือพลางจับมือเหยียนเยว่เอ๋อร์เอาไว้
ไม่นานนักก็มีลำแสงลอยเข้ามาใกล้ จากนั้นจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง อาจารย์หงหมิง เหว้ยห้าวหราน เฒ่าประหลาดฉิวและผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์อีกสองสามคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...