เพราะสำหรับหวูหยุนแล้ว เส้นทางการฝึกตนของนักยุทธ์นั้นยาวไกล มกุฎยุทธ์ก็ดี มหายุทธ์ก็ดี ล้วนเป็นเพียงการเริ่มต้นของเส้นทางเท่านั้น
ต่อให้เป็นซิงหลิงที่ได้ฉายาอัจฉริยะไร้เทียมทานที่จะหมื่นปีจะมีสักคนแล้วอย่างไร หนทางวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัด
เพราะผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกๆ คนจะมีเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงทุกคน
หลังจากซิงหลิงเข้าไปในหอคอยมหาภพ แล้ว จึงเกิดประกายแสงสีม่วงสว่างวาบออกมาจากชั้นที่สาม นั่นหมายความว่าสองชั้นก่อนหน้านั้น ซิงหลิงได้ใช้วิธีการที่สองผ่านด่านไปเรียบร้อยแล้ว
ทุกคนต่างมุ่งสายตาไปยังประกายแสงที่สว่างมาจากชั้นสาม และแอบคะเนเวลาอยู่ในใจ
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป แสงสีม่วงที่ปรากฏออกมาจากชั้นสามค่อยๆ หายไป จากนั้นก็มีแสงสว่างส่องประกายออกมาจากชั้นที่สี่
“คุณพระ ศิษย์พี่ซิงหลิงผ่านชั้นสามแล้ว”
“แม้ว่าจะผ่านด่านโดยใช้วิธีแรกก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพลังของซิงหลิงนั้นแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นพวกเรา”
ในขณะที่ฝูงชนพากันส่งเสียงอื้ออึงอยู่นั้น ซิงหลิงก็ถูกส่งออกมาจากหอคอยมหาภพ เขารู้ดีว่าพลังของตัวเองไม่พอ ดังนั้นจึงไม่ฝืนตัวเองเพื่อให้ผ่านด่านชั้นสี่
เมื่อเขาปรากฏตัวก็ถูกฝูงชนล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ราวกับดาวล้อมเดือน บรรดาอัจฉริยะที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา
“หลัวซิวมาแล้ว”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคนตะโกนขึ้น สายตาของทุกคนจึงมองออกไปด้านนอกโดยมีซิงหลิงยืนอยู่ตรงกลาง
ซิงหลิงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก การที่เขาเลือกฝ่าด่านเมื่อครู่นี้อันที่จริงแล้วเขามีเจตนาแอบแฝง
แต่วัตถุประสงค์หลักของเขาไม่ได้ต้องการจะท้าทายกับหลัวซิว แต่เป็นเพราะพวกหวูหยุนและคนอื่นๆ อยู่ในสนามตรงนั้นต่างหาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...