“หากแดนศักดิ์สิทธิ์เห็นความสำคัญของพรสวรรค์แฝงของพวกเจ้า วันข้างหน้าย่อมมีโอกาสกลับมาที่นี่อีก” จงสุนกล่าวอย่างไร้อารมณ์
เมื่อเหล่าหนุ่มสาวผู้เปี่ยมความสามารถสูงได้ยินเช่นนี้ต่างพากันถอนหายใจ พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะขั้นสูงในโลกแสงดาว ย่อมมีความมั่นใจในพรสวรรค์แฝงของตัวเองอย่างมาก
ทว่าจงสุนกลับหัวเราะเย้ยในใจ เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าภายในคนกลุ่มนี้ หากแดนศักดิ์สิทธิ์เห็นความสำคัญสักคนสองคนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
อีกอย่างต่อให้ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญ ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อการฝึกตนไปถึงแดนมหายุทธ์แล้วจะมีคุณสมบัติในการกลับมาฝึกตนที่นี่อีก และกว่าที่หนุ่มสาวกลุ่มนี้จะฝึกไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็คงใช้เวลาอีกนาน
“หากครบหนึ่งปีแล้ว พวกเจ้ายังคงมีเวลาฝึกตนที่ ตำหนักเต๋า เหลืออยู่ สามารถนำไปแลกเป็นสมบัติที่พวกเจ้าต้องการได้”
จงสุน ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาเคลื่อนกายหายตัววับไป
รู้เพียงอย่างเดียวว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้ก็จะจัดลำดับรายชื่อครั้งสุดท้ายแล้ว เด็กหนุ่มสาวทั้งยี่สิบคนนี้จึงต้องเริ่มพัฒนาพลังของตัวเองแข่งกับเวลาให้มากกว่าเดิม
“หลัวซิว เจ้าจะไปไหน” เมื่อลู่เมิ่งเหยาเห็นว่าหลัวซิวไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของตัวเองก็เอ่ยถามออกมา
“ไป ตำหนักเต๋า” หลัวซิวตอบ
“เอ๊ะ เจ้ายังเหลือเวลาฝึกตนที่ตำหนักเต๋าเหลืออยู่อีกหรือ” สีหน้าของลู่เมิ่งเหยาประหลาดใจ นางจำได้ว่าหลัวซิวฝึกอยู่ในตำหนักเต๋ามาร้อยกว่าวันแล้ว
“ตอนที่ผ่านด่านหอคอยมหาภพสองชั้นแรก ได้เวลามาเพิ่มอีกนิดหน่อย
“อ่อ อย่างนั้นข้าไม่กวนเจ้าแล้ว” ลู่เมิ่งเหยายิ้มอย่างเข้าใจ เพราะนางย่อมรู้เรื่องที่หลัวซิวผ่านด่านทั้งสองชั้น
“ข้าจะรอเจ้ากลับมา”
ตอนที่หลัวซิวทะยานตัวขึ้นฟ้าไปแล้วนั้น เขาพลันได้ยินน้ำเสียงของลู่เมิ่งเหยาดังก้องเข้ามา คำพูดทั้งห้าคำนั้นมีความหมายที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...