ในลานบ้าน ผู้คนไม่น้อยก็หมดอาลัยตายอยาก
“สวี่ชิวเซิงก็ทะลุผ่านแดนฝึกชี่ไห่แล้ว น่าเสียดายที่เขาพลาดการประเมินขั้นปฐมภูมิในครั้งนี้ไป”เจ้าสำนักชิงหยุนส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
ความเข้าใจทักษะยุทธ์ของสวี่ชิวเซิงนั้นสูงมาก การกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูง ก็ฝึกตนบริบูรณ์วิชาหอก น่าเสียดายพรสวรรค์ที่เขาฝึกตนก็ค่อนข้างพอไปวัดไปวาได้ อายุสิบแปดถึงสามารถทะลุผ่านแดนฝึกชี่ไห่ได้
สำหรับเรื่องนี้ หลัวซิวก็ค่อนข้างแสดงความเสียใจด้วย ไม่สามารถที่จะเข้าสู่นอกสำนักเซียวเหยาก่อนอายุสิบแปดปี เป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของจอมยุทธ์ ถ้าเกิดพลาดไป ปราศจากเงื่อนไขของทรัพยากรและมรดกที่เพียงพอ ยากมากที่จะประสบความสำเร็จ
ไม่สามารถเข้าสู่นอกสำนักเซียวเหยาได้ สวี่ชิวเซิงถูกกำหนดให้เป็นสมาชิกคนหนึ่งขององครักษ์เกราะเขียว อย่างน้อยอยู่ในเมืองชิงหยุน ซึ่งสามารถครอบครองตำแหน่งได้
ค่ำคืนนั้นเย็นราวกับน้ำ หลัวซิวนั่งขัดสมาชิกอยู่ในห้อง หยิบหนังสือกลยุทธ์วิชายุทธ์ออกมาทีละเล่ม จากในแหวนจัดเก็บสิ่งของ
หนังสือกลยุทธ์วิชายุทธ์เหล่านี้ก็ได้มาจากคลังสมบัติที่ราชายุทธ์ปู้เฉินทิ้งไว้ ก่อนหน้านี้ หลัวซิวไม่สามารถสละเวลาเรียนได้เสมอ
วิชายุทธ์ระดับ7เพียงวิชาเดียวถูกหลัวซิวเอาไปก่อน
“วิชาวัชรยักษ์ครองร่าง วิชากลั่นร่างระดับ4 ผนึกรวมปราณแท้ชุบร่างเนื้อราวกับนักยุทธ์ อย่างมากที่สุดสามารถนำชุบร่างเนื้อเปรียบเทียบได้กับนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง!”
หลัวซิวอ่านวิชายุทธ์สำนักนี้คร่าวๆ คาดไม่ถึงว่าเป็นวิชากลั่นร่างของสำนักหนึ่งที่หาได้ยาก
ในอดีต หลัวซิวเคยได้ยินวิชากลั่นร่าง กลับไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็รู้ว่าวิชากลั่นร่างมีค่ามากกว่าวิชายุทธ์ในระดับเดียวกันอื่นมาก
“ถ้าสามารถที่จะฝึกฝนวิชาวัชรยักษ์ครองร่างนี้ได้ ร่างเนื้อทัดเทียมเสมอเหมือนกับนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือว่าการป้องกันก็สามารถครอบครองความได้เปรียบอย่างมาก”
หลัวซิวส่ายหน้า“น่าเสียดายที่เกณฑ์ขั้นต่ำที่สุดสำหรับการฝึกวิชายุทธ์สำนักนี้ จำเป็นต้องมีระดับผลการฝึกตนที่สูงกว่าแดนพรสวรรค์ขั้น3”
เก็บวิชายุทธ์สำนักนี้ไว้ ตามด้วยหลัวซิวก็เปิดอ่านวิชายุทธ์ระดับ6อื่นอีก
“หมัดเงาเศษบุปผาลอย วิชาหมักราวกับเงาเศษ โบยบินได้ดั่งความปรารถนา มีพลังแห่งความมืดสามระดับ ทำลายอวัยวะภายในเส้นลมปราณของคู่ต่อสู้ได้ในทันที ชั่วร้ายและเผด็จการ!”
นี่เป็นวิชายุทธ์ที่ค่อนข้างร้ายกาจ ตอนที่ปลดปล่อยออกมาดูแล้วก็เหมือนเป็นหมัดเงาเศษวิชายุทธ์ระดับ3 แต่ถ้าหากมีใครกล้าดูถูก เกิดโดนเข้า ก็จะตายในทันที
แต่ว่าหลัวซิวยังค้นพบว่า วิชายุทธ์สำนักนี้ก็มีความต้องการขั้นต่ำสำหรับการฝึกตน จะต้องเป็นแดนวิชาชี่ไห่ขั้น9
วิชายุทธ์มีเก้าขั้น ขั้นที่หนึ่งถึงขั้นสาม เหมือนสำหรับจอมยุทธ์กลั่นร่าง ขั้นที่สี่ถึงขั้นที่หกเหมือนสำหรับจอมยุทธ์ชี่ไห่ ขั้นที่เจ็ดถึงขั้นเก้า ต้องการให้จอมยุทธ์พรสวรรค์ถึงจะฝึกฝนได้
ยิ่งระดับวิชายุทธ์สูงเท่าไหร่ พลังก็ยิ่งมากเท่านั้น และข้อกำหนดสำหรับตัวของจอมยุทธ์เองก็สูงขึ้นเหมือนกัน
ตัวอย่างเช่นวิชาวัชรยักษ์ครองร่างวิชายุทธ์ระดับเจ็ด วิชายุทธ์ระดับเจ็ดของปกติ ต้องการแค่แดนพรสวรรค์ขั้น1ก็สามารถที่จะฝึกฝนได้ แต่วิชายุทธ์สำนักนี้ กลับต้องการเป็นแดนพรสวรรค์ขั้น3ขึ้นไป
หลัวซิวที่อยู่ในแดนวิชาชี่ไห่ขั้น2ตอนนี้ สามารถที่จะฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับ4 ถ้าจะฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับ5ที่ทรงพลังกว่า ต้องหลังจากที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงวิชาชี่ไห่ขั้น3
หลัวซิวหยิบหนังสือวิชายุทธ์ระดับ5มาหนึ่งเล่ม ตามที่เขาคาดไว้ มีความต้องการของผลการฝึกตนวิชาชี่ไห่ขั้น3ขึ้นไป
“วิชายุทธ์ขั้นสูงขนาดนี้ กลับทำได้เพียงอ่านแต่ไม่สามารถฝึกได้”
หลัวซิวก็หัวเราะออกมา ทำได้เพียงเก็บกลยุทธ์วิชายุทธ์ทั้งหมดเหล่านี้ไว้อย่างช่วยไม่ได้
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มาถึงที่ตั้งของนอกสำนักอีกครั้ง
ยังคงมีผู้คนมากมาย แม้แต่พวกจอมยุทธ์ที่ถูกคัดออกเหล่านั้น ก็มาที่นี่เพื่อชมการต่อสู้แต่เนิ่นๆ
ในการจัดอันดับปัจจุบัน คือหลัวซิว สวีผิง หวางช่านทั้งสามคนที่เสมอที่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...