มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 71

ในตอนนี้เอง ผู้ที่อยู่ภายในค่ายกลทั้งหมดต่างก็สิ้นสติไป รวมทั้งสวีผิงและหวางช่านอัจฉริยะทั้งสองคน เนื่องด้วยการโจมตีพลังห้วงความคิดนี้ จอมยุทธ์พรสวรรค์ผู้แข็งแกร่งหลายคนยังมิอาจต้านทานได้

ทว่าผู้คนที่อยู่ตรงนั้น กลับมีเพียงหลัวซิวที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ ร่างสั่นโคลงเคลงเล็กน้อย แต่ก็มิได้ล้มลง

ภาพเช่นนี้ แม้แต่เจ้าสำนักลู่เจ้าสำนักลู่ผู้สูงส่งที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ยังอดไม่ได้ที่จะประทับใจเล็กน้อย “เจ้านั่นพึ่งอายุเพียงสิบสี่ปี จิตมั่นคงถึงเพียงนี้เลยหรือ? ชี่ไห่ขั้น2 ทัดเทียมเสมอเหมือนสภาพจิตใจระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ หากได้เติบโตขึ้นมาในอนาคต จักต้องประสบผลสำเร็จอย่างแน่แท้”

“แม้แต่ตัวข้าเอง ในตอนที่ฝึกถึงชี่ไห่ขั้น6 ก็มิอาจต้านทานด่านโจมตีพลังห้วงความคิดนี้ได้” เจ้าสำนักลู่เจ้าสำนักลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย “มิน่าเมิ่งเหยาถึงได้ใส่ใจเขาเช่นนี้ ทว่าคิดจะคู่ควรกับบุตรสาวของข้าลู่เฟยเฉิน จักต้องโดดเด่นกว่านี้ถึงจะได้”

ในด่านที่สอง การโจมตีพลังห้วงความคิดจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่ขาดสาย รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นอกเสียจากจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกถึงแดนเทพยุทธ์ชั้น9 ขั้นสูงแดนขั้นสูงฝึกจิตขั้น9 ถึงจะสามารถต้านทานได้ทั้งหมด

หลังจากที่ต้านรับการโจมตีพลังห้วงความคิดระลอกแรกผ่านพ้นไป จากนั้นพลังห้วงความคิดระลอกที่รุนแรงกว่าเดิมก็ใจมตีเข้ามา

หลัวซิวอยู่ภายในค่ายกล ร่างสั่นโคลงเคลง กัดฟันฝืนทน

“ครืนนนน!”

ดุจดั่งกระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุจิตวิญญาณของหลัวซิว แทบจะทันทีทันใด จิตของหลัวซิวก็พังทลายลงทันที สองตามืดสนิท แล้วสิ้นสติไป

“พรึบ!”

ค่ายกลได้หยุดลง เงาร่างมนุษย์กระโดดออกมาตาม ๆ กัน พาร่างสลบไสลของพวกหลัวซิวที่หมดสติไปในค่ายกลออกมา

เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป ทุกคนต่างค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา ไม่น้อยคนยังคงตกใจหวาดผวาอยู่ ใบหน้าซีดเซียว

สภาพจิตใจของหลัวซิวเองก็ไม่ค่อยจะดีนัก วินาทีที่จิตถูกทำลาย ความเจ็บปวดดุจดั่งถูกฉีกเป็นเสี่ยง ๆ เช่นนั้น ผู้ใดที่เคยสัมผัส จักต้องไม่อยากพบเจออีกครั้งอย่างแน่นอน

จางหลู่เหลียงก้าวออกมาเพื่อประกาศผลการทดสอบในครั้งนี้ของทุกคน แดนมิติชั้น9 หนึ่งขั้นนับเป็นหนึ่งคะแนน ผู้ที่สามารถต้านรับการโจมตีพลังห้วงความคิดระลอกแรกได้ จะได้รับสิบคะแนนในทันที!

ใบหน้าชราของจางหลู่เหลียงดูไม่ค่อยดีนัก เนื่องด้วยการแสดงออกของหลัวซิวอยู่เหนือความคาดหมายอีกครั้ง แม้แต่เจ้าสำนักจากนอกสำนักยังรู้สึกประทับใจ มันทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง

การทดสอบในครั้งนี้ มีเพียงหลัวซิวที่ได้รับเต็มสิบคะแนน แซงสวีผิงและหวางช่านในคราเดียว ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทันที!

เช่นนี้ ก็เหลือเพียงการทดสอบด่านสุดท้าย ประลองยุทธ์!

เมื่อครั้นที่ประกาศว่าหลัวซิวได้รับคะแนนเต็มอีกครั้ง สายตาของผู้คนทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่หลัวซิว

โดยเฉพาะสวีผิงและหวางช่าน ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมลงมา ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะประจำตระกูล พวกเขาโอหังเพียงใด เวลานี้กลับถูกคนที่การฝึกฝนน้อยกว่าตนเองเหยียบศีรษะ ทำให้รู้สึกถึงอันตรายอยู่ลึก ๆ

“ตอนประลองยุทธ์ ข้าจักต้องเอาชนะเจ้าให้ได้ อันดับหนึ่งจักต้องตกเป็นของข้าอย่างแน่นอน!”

หวางช่านเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าหลัวซิว ท่าทางโอหัง ในแววตาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น

หลัวซิวสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่หวางช่านมีต่อตนเอง แต่เขาเองก็พอเข้าใจ เพราะรางวัลจากการทดสอบรับศิษย์เข้าสำนัก มีเพียงอันดับหนึ่งเท่านั้นถึงจะได้รับ โดยเฉพาะวิชายุทธ์ระดับ5 นั่น เว้นเพียงหลัวซิว สำหรับเหล่าจอมยุทธ์ที่มาเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้แล้ว มันมีค่ายิ่งกว่ายาฝึกปราณสามเม็ดเสียอีก

ทว่าจะเข้าใจหรือไม่นั้นมันก็เป็นอีกเรื่อง หลัวซิวเกลียดคนที่มักมองคนอื่นต่ำต้อย ยโสโอหังเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร

เช่นนั้น สำหรับคำกล่าวท้าของหวางช่าน หลัวซิวจึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หลับตาลง คร้านแม้แต่จะสนใจเขา

เนื่องด้วยการทดสอบพลังจิตเมื่อก่อนหน้า ทำให้สภาพกายของทุกคนในตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก เช่นนั้นการทดสอบประลองยุทธ์ จึงจัดขึ้นในเวลาบ่าย

หลังจากที่ได้พักผ่อนเป็นเวลาสามชั่วชาม จอมยุทธ์ชี่ไห่ทั้งห้าสิบคนก็ได้มารวมตัวกันที่ลานฝึกยุทธ์

กฎในการทดสอบประลองยุทธ์ ก็คือผู้ใดชนะจะได้รับคะแนนของผู้ที่พ่ายแพ้ไปครอง ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากผู้ใดสามารถเอาชนะหลัวซิวได้ ก็จะได้รับคะแนนทั้งหมดที่เขามีอยู่ ทั้ง 28 คะแนนไปทันที!

การประลองยุทธ์นั้นยังคงใช้วิธีจับฉลาก คู่ต่อสู้คนแรกที่หลัวซิวจับได้ คือบุรุษหนุ่มอายุสิบหกปี ร่างกายกำยำ ผิวกายสีน้ำตาลเข้มเปล่งแสงแวววาวราวกับโลหะ มีผลการฝึกตนอยู่ในระดับแดนวิชาชี่ไห่ขั้น2 ขั้นสูง นามว่าเจิงคุน

“ฮ่า ๆ นึกไม่ถึงว่าตัวข้าจะโชคดีเช่นนี้ ที่ได้ประจันหน้ากับเจ้า!”

เจิงคุนเดินขึ้นไปบนเวทีประลองยุทธ์ ท่าทางกระฉับกระเฉง ใบหน้ามีรอยยิ้ม ผลการฝึกตนอยู่ในระดับแดนวิชาชี่ไห่ขั้น2 เช่นเดียวกัน เขามั่นใจว่าจะเอาชนะหลัวซิวได้!

ส่วนสิ่งที่ทำให้เขาดีใจจริง ๆ คือ เพียงแค่เขาสามารถเอาชนะเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้ ก็จะได้รับคะแนนสูงสุดทั้ง 28 คะแนน จากหลัวซิวทันที!

“เป็นเจิงคุนจากตระกูลเจิงแห่งเมืองเกายี่!”

“หึ ๆ ได้ยินว่าตระกูลเจิงมีวิชากลั่นร่างระดับ4 มีนามว่าพลังกระดูกเหล็กหัวแข็ง เคยเอาชนะแดนวิชาชี่ไห่ขั้น3 ผู้หนึ่งมาก่อน เป็นตัวละครที่ร้ายกาจผู้หนึ่งที่สามารถประลองข้ามขั้นได้!”

“การทดสอบทั้งสามด่านที่ผ่านมาของหลัวซิวต่างโดดเด่น แต่ครั้งนี้เผชิญหน้ากับเจิงคุน อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังอายุมากกว่าเขาตั้งสองปี ไม่แน่ว่าอาจต้องแพ้ก็เป็นได้”

เหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีประลองยุทธ์ต่างจับจ้องไปที่เวทีอย่างตั้งอกตั้งใจ เฝ้ารอคอยการต่อสู้ในครั้งนี้

แน่นอน จากการแสดงออกก่อนหน้านี้ของหลัวซิว พลังหยางบริสุทธิ์บวกกับวิชายุทธ์ระดับ4 บริบูรณ์ ผู้คนส่วนมากยังคงคิดว่าหลัวซิวมีสิทธิ์ที่จะชนะมากกว่า

แต่แท้จริงแล้วความสามารถเป็นยังไงนั้น ยังต้องดูจากการประลอง มีบางคุณที่พรสวรรค์สูงส่ง แต่ความสามารถในการต่อสู้กลับด้อยยิ่งนัก

“ฝ่ามือวัชรยักษ์!”

เจิงคุนสาวเท้าก้าวเดินโผทะยานเข้าหาหลัวซิว ทรงพลังดุจดั่งเสือร้าย แสงทองรายล้อมระหว่างนิ้ว แสดงวิชายุทธ์ระดับ3 ออกมา ทว่าพลังกลับเทียบเท่าวิชายุทธ์ระดับ4!

เป็นที่ประจักษ์ เจิงคุนได้ใช้วิชายุทธ์ระดับ3 ฝ่ามือวัชรยักษ์ ฝึกตนจนถึงขั้นบริบูรณ์ ในการทดสอบด่านที่สอง ได้รับคะแนนการประเมิน 9 คะแนน!

ทว่าที่ทำให้ผู้คนนึกไม่ถึงก็คือ หลัวซิวกลับไม่ได้ชักกระบี่ออกมา เขาเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็ว โจมตีออกไปหนึ่งหมัด

วิชายุทธ์ระดับ2 หมัดเสือมังกร?

มีวิชากระบี่บริบูรณ์ระดับ4 อยู่แท้ ๆ กลับไม่ใช้ แต่กลับแสดงวิชาหมัดระดับ2 ออกมา?

“เจ้าหนุ่มคนนี้ ประมาทเช่นนี้เชียวรึ?” ผู้คนไม่น้อยมีสีหน้าเปลี่ยนไป คิดว่าหลัวซิวได้กระทำการที่ไม่ฉลาดเช่นนี้ ช่างโง่เขลาสิ้นดี

บนเวทีประลองยุทธ์ ที่มุมปากของเจิงคุนแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เดิมทีเขาคิดว่าโอกาสที่ตนเองจะชนะนั้นไม่มากนัก เพราะไม่ว่าจะอย่างไรอีกฝ่ายก็ได้ฝึกวิชากระบี่ระดับ4 จนถึงขั้นบริบูรณ์แล้ว

แต่เจ้านั่นกลับใช้วิชายุทธ์ระดับ2 มาประมือกับตนเอง?

“หลัวซิว เจ้าแพ้แน่แล้ว!” เจิงคุนหัวเราะเสียงดัง ขับดันพลานุภาพของฝ่ามือวัชรยักษ์จนถึงขีดสุด

ทว่าการจู่โจมของเขายังไม่ทันได้สัมผัสร่างของหลัวซิว แก้มด้านซ้ายของตนเอง ก็ได้ถูกหลัวซิวโจมตีอย่างแรงดั่งเสือโคร่งที่ดุร้ายเป็นที่เรียบร้อย

ท่าทางบนใบหน้าของเจิงคุน แข็งทื่อไปอย่างฉับพลัน

“ปัง!”

เขารู้สึกเหมือนดั่งว่าใบหน้าของตนเองได้ถูกค้อนทุบอย่างแรง ร่างกายกำยำลอยปลิวออกไป ฟันเปื้อนเลือดเล่มหนึ่งลอยกระเด็นออกมา

ไม่เพียงเท่านั้น หมัดนี้ของหลัวซิวแฝงไปด้วยปราณแท้ที่บริสุทธิ์และทรงพลัง เจิงคุนล้มตกลงไปบนพื้น ตาลายมองเห็นดาว คิดอยากจะลุกขึ้นมา ลองครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าไม่อาจลุกขึ้นมาได้

ด้านล่างเงียบเป็นเป่าสาก ได้ยินแม้เสียงใบไม่ที่ร่วงหล่น! (ได้ยินแม้เสียงใบเข็มที่ร่วงหล่น)

กระบวนท่าเดียว! เพียงแค่กระบวนท่าเดียว หลัวซิวก็สามารถเอาชนะเจิงคุนได้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ