ในตอนนี้เอง ผู้ที่อยู่ภายในค่ายกลทั้งหมดต่างก็สิ้นสติไป รวมทั้งสวีผิงและหวางช่านอัจฉริยะทั้งสองคน เนื่องด้วยการโจมตีพลังห้วงความคิดนี้ จอมยุทธ์พรสวรรค์ผู้แข็งแกร่งหลายคนยังมิอาจต้านทานได้
ทว่าผู้คนที่อยู่ตรงนั้น กลับมีเพียงหลัวซิวที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ ร่างสั่นโคลงเคลงเล็กน้อย แต่ก็มิได้ล้มลง
ภาพเช่นนี้ แม้แต่เจ้าสำนักลู่เจ้าสำนักลู่ผู้สูงส่งที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ยังอดไม่ได้ที่จะประทับใจเล็กน้อย “เจ้านั่นพึ่งอายุเพียงสิบสี่ปี จิตมั่นคงถึงเพียงนี้เลยหรือ? ชี่ไห่ขั้น2 ทัดเทียมเสมอเหมือนสภาพจิตใจระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ หากได้เติบโตขึ้นมาในอนาคต จักต้องประสบผลสำเร็จอย่างแน่แท้”
“แม้แต่ตัวข้าเอง ในตอนที่ฝึกถึงชี่ไห่ขั้น6 ก็มิอาจต้านทานด่านโจมตีพลังห้วงความคิดนี้ได้” เจ้าสำนักลู่เจ้าสำนักลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย “มิน่าเมิ่งเหยาถึงได้ใส่ใจเขาเช่นนี้ ทว่าคิดจะคู่ควรกับบุตรสาวของข้าลู่เฟยเฉิน จักต้องโดดเด่นกว่านี้ถึงจะได้”
ในด่านที่สอง การโจมตีพลังห้วงความคิดจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่ขาดสาย รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นอกเสียจากจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกถึงแดนเทพยุทธ์ชั้น9 ขั้นสูงแดนขั้นสูงฝึกจิตขั้น9 ถึงจะสามารถต้านทานได้ทั้งหมด
หลังจากที่ต้านรับการโจมตีพลังห้วงความคิดระลอกแรกผ่านพ้นไป จากนั้นพลังห้วงความคิดระลอกที่รุนแรงกว่าเดิมก็ใจมตีเข้ามา
หลัวซิวอยู่ภายในค่ายกล ร่างสั่นโคลงเคลง กัดฟันฝืนทน
“ครืนนนน!”
ดุจดั่งกระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุจิตวิญญาณของหลัวซิว แทบจะทันทีทันใด จิตของหลัวซิวก็พังทลายลงทันที สองตามืดสนิท แล้วสิ้นสติไป
“พรึบ!”
ค่ายกลได้หยุดลง เงาร่างมนุษย์กระโดดออกมาตาม ๆ กัน พาร่างสลบไสลของพวกหลัวซิวที่หมดสติไปในค่ายกลออกมา
เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป ทุกคนต่างค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา ไม่น้อยคนยังคงตกใจหวาดผวาอยู่ ใบหน้าซีดเซียว
สภาพจิตใจของหลัวซิวเองก็ไม่ค่อยจะดีนัก วินาทีที่จิตถูกทำลาย ความเจ็บปวดดุจดั่งถูกฉีกเป็นเสี่ยง ๆ เช่นนั้น ผู้ใดที่เคยสัมผัส จักต้องไม่อยากพบเจออีกครั้งอย่างแน่นอน
จางหลู่เหลียงก้าวออกมาเพื่อประกาศผลการทดสอบในครั้งนี้ของทุกคน แดนมิติชั้น9 หนึ่งขั้นนับเป็นหนึ่งคะแนน ผู้ที่สามารถต้านรับการโจมตีพลังห้วงความคิดระลอกแรกได้ จะได้รับสิบคะแนนในทันที!
ใบหน้าชราของจางหลู่เหลียงดูไม่ค่อยดีนัก เนื่องด้วยการแสดงออกของหลัวซิวอยู่เหนือความคาดหมายอีกครั้ง แม้แต่เจ้าสำนักจากนอกสำนักยังรู้สึกประทับใจ มันทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง
การทดสอบในครั้งนี้ มีเพียงหลัวซิวที่ได้รับเต็มสิบคะแนน แซงสวีผิงและหวางช่านในคราเดียว ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทันที!
เช่นนี้ ก็เหลือเพียงการทดสอบด่านสุดท้าย ประลองยุทธ์!
เมื่อครั้นที่ประกาศว่าหลัวซิวได้รับคะแนนเต็มอีกครั้ง สายตาของผู้คนทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่หลัวซิว
โดยเฉพาะสวีผิงและหวางช่าน ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมลงมา ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะประจำตระกูล พวกเขาโอหังเพียงใด เวลานี้กลับถูกคนที่การฝึกฝนน้อยกว่าตนเองเหยียบศีรษะ ทำให้รู้สึกถึงอันตรายอยู่ลึก ๆ
“ตอนประลองยุทธ์ ข้าจักต้องเอาชนะเจ้าให้ได้ อันดับหนึ่งจักต้องตกเป็นของข้าอย่างแน่นอน!”
หวางช่านเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าหลัวซิว ท่าทางโอหัง ในแววตาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่หวางช่านมีต่อตนเอง แต่เขาเองก็พอเข้าใจ เพราะรางวัลจากการทดสอบรับศิษย์เข้าสำนัก มีเพียงอันดับหนึ่งเท่านั้นถึงจะได้รับ โดยเฉพาะวิชายุทธ์ระดับ5 นั่น เว้นเพียงหลัวซิว สำหรับเหล่าจอมยุทธ์ที่มาเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้แล้ว มันมีค่ายิ่งกว่ายาฝึกปราณสามเม็ดเสียอีก
ทว่าจะเข้าใจหรือไม่นั้นมันก็เป็นอีกเรื่อง หลัวซิวเกลียดคนที่มักมองคนอื่นต่ำต้อย ยโสโอหังเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร
เช่นนั้น สำหรับคำกล่าวท้าของหวางช่าน หลัวซิวจึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หลับตาลง คร้านแม้แต่จะสนใจเขา
เนื่องด้วยการทดสอบพลังจิตเมื่อก่อนหน้า ทำให้สภาพกายของทุกคนในตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก เช่นนั้นการทดสอบประลองยุทธ์ จึงจัดขึ้นในเวลาบ่าย
หลังจากที่ได้พักผ่อนเป็นเวลาสามชั่วชาม จอมยุทธ์ชี่ไห่ทั้งห้าสิบคนก็ได้มารวมตัวกันที่ลานฝึกยุทธ์
กฎในการทดสอบประลองยุทธ์ ก็คือผู้ใดชนะจะได้รับคะแนนของผู้ที่พ่ายแพ้ไปครอง ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากผู้ใดสามารถเอาชนะหลัวซิวได้ ก็จะได้รับคะแนนทั้งหมดที่เขามีอยู่ ทั้ง 28 คะแนนไปทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...