มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 89

สมบัติค่ายกล หลักๆ แล้วสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภท ประเภทแรกคือการโจมตี ตัวอย่างเช่นลูกกลมทอง ที่หลินจิงหยุนใช้

อีกประเภทหนึ่งคือการป้องกัน ตัวอย่างเช่นกำไลอัญมณีฟ้า ที่เจ้าสำนักชิงหยุนมอบให้เขา ต่อมาเขาส่งต่อให้ลู่เมิ่งเหยา

ประเภทที่สามคือการช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่นค่ายกลผนึกปราณ โดยทั่วไปแล้วสมบัติค่ายกล ประเภทที่ช่วยเหลือ ถูกเรียกว่าอุปกรณ์ค่ายกล

ในเกราะแขนของหลินจิงหยุน มีหินพลังจิตชั้นล่างประมาณร้อยกว่าชิ้น อีกทั้งยังมียาฝึกปราณหนึ่งเม็ด รวมไปถึงวิชาดาบระดับ 5 อยู่ด้วย ติดตั้งค่ายผนึกปราณ 1 ค่ายกล 2 ระดับ

ของพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรกับหลัวซิว

ทว่าหลัวซิวพบหยกแขวนในนั้นหนึ่งชิ้น เป็นสมบัติค่ายกลระดับ3 ที่มีพลังป้องกัน ใช้ปราณแท้เคลื่อนและขยับ สามารถปล่อยการปกคลุมธาตุไม้ สามารถป้องกันการโจมตี อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผล

ในบรรดาศิษย์นอกสำนักเซียวเหยาจำนวนมาก ฐานะของหลินจิงหยุน นับว่าไม่สูง พละกำลังก็ไม่ได้แข็งแกร่งมาก ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ไม่ควรมีสมบัติค่ายกลขนาดนี้

เมื่อคิดว่าจางหลู่เหลียง เป็นผู้ดูแลเอกสารรับรอง ในการดวลความเป็นตายครั้งนี้ หลัวซิวไม่ต้องใช้สมองคิด ก็รู้ได้ว่า ตาเฒ่านั่นต้องใช้อุบายอยู่เบื้องหลังแน่นอน

“ตอนแรกเจ้าสำนักจางก็หาเรื่องฉัน ตาเฒ่าที่อยู่มาร้อยกว่าปี ไม่เพียงแต่จะจัดการฉันโดยไม่แยกถูกแยกผิดบุ่มบ่ามวู่วามเท่านั้น ยังเอาแต่ต้องการให้ฉันตาย รอให้ฉันมีพละกำลัง ต้องหาโอกาสฆ่าตาเฒ่าอย่างนายแน่นอน!”

เมื่อคิดว่าจางหลู่เหลียงเอาแต่เล่นงานตัวเอง ความอาฆาตปรากฏในแววตาของหลัวซิว

เขาไม่ใช่คนมีจิตใจเมตตาอ่อนโยน เพราะเขารู้ดี บนโลกใบนี้ จิตใจดีจะทำให้คนคิดว่าอ่อนแอและกดขี่ได้ง่าย

ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจางเจี๋ยอย่างบ้าคลั่ง กำจัดจางห่าย กดให้จ้าวเหลี้ยงยอมก้มหัวให้ ที่สำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุน ต่อมาฆ่าคนในเขาปาฉีกับเขาสุ่ยวู่ด้วยมือตัวเอง นิสัยบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมของหลัวซิว อันที่จริงก็เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน

หลัวซิวยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองพระจันทร์บนฟ้าสูง คิ้วขมวดขึ้น ความหงุดหงิดและไม่เป็นสุขในใจ ทำให้เขาไม่สามารถใจเย็นได้

ความเงียบเหงาตลอดคืน หลัวซิวผ่านไปด้วยความหงุดเหงิดและไม่เป็นสุข

เช้าตรู่ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก

“ท่านชายหลัวซิว มีคนส่งของสิ่งนี้มาให้คุณครับ”

หลังเปิดประตู มีคนงานนอกสำนักคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างนอก ฐานะประเภทเดียวกับคนใช้ ศิษย์นอกสำนักอย่างหลัวซิว จึงเป็นบุคคลฐานะสูงส่งสำหรับพวกเขา และทำให้มีท่าทีเกรงอกเกรงใจเป็นธรรมดา

สิ่งที่คนงานยื่นให้หลัวซิวคือ ของที่ห่อด้วยผ้า ขนาดไม่เกินฝ่ามือ

หลัวซิวไม่แน่ใจว่าใครจะส่งของมาให้ตัวเอง แต่ก็ยื่นมือไปรับ เมื่อเปิดผ้าที่พันอยู่ออก เขาหรี่ตาลงทันที

ของในมือคือ ปิ่นปักผมหงส์หยก หลัวซิวมองแวบเดียวก็รู้ทันที นี่คือของขวัญที่เขาซื้อให้หลัวซิ่วเอ๋อร์พี่สาวตัวเอง ก่อนจากเมืองชิงหยุนในตอนนั้น

ปิ่นปักผมหงส์หยกชิ้นนี้ ราคาหลักหมื่นสองตำลึงเงิน แต่กำลังทรัพย์ของหลัวซิวในตอนนั้น ไม่สนใจอะไรที่เรียกว่าเงินทองบนโลกนี้

หลัวซิ่วเอ๋อร์ผู้เป็นพี่สาว ชอบปิ่นปักผมชิ้นนี้มาก บอกว่าจะพกไว้ตลอด

แต่ตอนนี้ ปิ่นปักผมหงส์หยกชิ้นนี้ กลับถูกส่งมาที่นอกสำนักเซียวเหยา เขตการปกครองหยุนหลง

คนงานคนนั้นกำลังจะไป แต่หลัวซิวเรียกเขาไว้ก่อน และถามว่า “ใครเป็นคนส่งของสิ่งนี้มา”

คนงานส่ายหน้า “ขอตอบคำถามของท่านชาย ข้าน้อยก็ไม่รู้จักคนนั้นครับ จำได้แค่ว่าเป็นชายไว้กลางคน อายุประมาณสี่สิบปี รูปร่างท้วมเล็กน้อย บนหน้าผากซ้ายมีปานดำ”

ฟังจากที่คนงานอธิบายลักษณะ หลัวซิวขมวดคิ้วขึ้น เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยรู้จักคนลักษณะเช่นนี้

“หรือว่าเกิดเรื่องกับพี่สาว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ