“สิ่งที่ฉันรู้ ฉันก็บอกไปหมดแล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน......” ฮั่วหลินอ้อนวอน
หลัวซิวเก็บกระบี่เงามืดเข้าฝัก แล้วเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ “ฉันบอกไปแล้วว่าจะไม่ฆ่าแก ฉันก็จะไม่ทำ”
จบประโยคฮั่วหลินจึงถอนใจ ทว่าในตอนนั้นหลัวซิวกลับยกฝ่ามือฟาดลงที่จุดตันเถียนของเขา เพื่อขจัดผลการฝึกตนของเขาทิ้ง
ฮั่วหลินเบิกตาโพลง ดวงตาของดำมืดก่อนที่จะหมดสติไป
ปลิดชีวิตไปสอง กำจัดไปอีกหนึ่ง ในแววตาของหลัวซิวไม่ปรากฏวี่แววความสงสาร ในเมื่อคนพวกนี้แข็งข้อกับเขาก็ต้องได้รับผลของการกระทำตัวเอง
“คนนอกสำนักควบคุมเซินกาวเจี้ยนอยู่?”
หลัวซิวเลิกคิ้ว จากรายงานที่เขาได้ยินจากปากของฮั่วหลิน ความสัมพันธ์ระหว่างเซินกาวเจี้ยนกับจางหลู่เหลียงนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ตามหลักแล้วนี่ไม่น่าจะเป็นฝีมือของจางหลู่เหลียงไหว้วานมา
ไม่เพียงเท่านั้น หลัวซิวยังได้ข่าวมาอีกด้วยว่าพ่อแม่และพี่สาวของตนถูกควบคุมเอาไว้แล้ว ตอนนี้ถูกขังอยู่ในสำนักยุทธ์ ส่วนเจ้าสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนตอนนี้ถูกปลดจากตำแหน่ง เซินกาวเจี้ยนจึงเป็นผู้ขึ้นมารับตำแหน่งเจ้าสำนักชั่วคราว
นี่คือแผนจัดการหลัวซิวอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแค่พ่อแม่และพี่สาวของเขาเท่านั้น แม้แต่เจ้าสำนักชิงหยุนยังถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง
“เซินกาวเจี้ยนถูกคนนอกสำนักบงการ อย่างน้อยๆ คนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งจากสวรรค์ชั้นเจ็ดมาโดยกำเนิด หากใช้เพียงพลังของฉันบุกเข้าไปช่วยที่สำนักยุทธ์ คงไม่ต่างอะไรกับแกะวิ่งเข้าไปในปากเสือ”
หลัวซิวพยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง เพื่อไม่ให้ก่อเรื่องบุ่มบ่ามที่ส่งผลร้ายจนเกินเยียวยา
เขามั่นใจว่าตอนนี้ทั่วเมืองชิงหยุนคงจะมีหูตากระจายอยู่ทั่วแล้ว ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ศัตรูยังไม่รู้ว่าเขาใช้ค่ายวาร์ปบุกมาถึงเมืองชิงหยุน แต่การที่ฮั่วหลินและพรรคพวกหายตัวกันไปตั้งสามคน พวกศัตรูก็คงพอเดาได้แล้วว่าตอนนี้เขาได้บุกมาถึงเมืองชิงหยุนแล้ว
หลัวซิวแน่ใจว่าต่อให้ตนฆ่าฮั่วหลินตายแล้วทำลายศพจนไม่เหลือซาก เขาก็คงจะเหลือเวลาไม่มากอยู่ดี
ตั้งแต่ตอนที่เขาได้หมวกสานมาจากกล่องสมบัติตอนที่ฝึกฝนอยู่ที่เขาปาฉี หลัวซิวก็ไม่ได้กลับไปยังสำนักยุทธ์ชิงหยุนอีก แต่กลับไปยังแก๊งนักล่าอสูรที่อยู่ในเมือง
บารมีของแก๊งนักล่าอสูร แก๊งนักค่ายกล แก๊งนักหลอมอาวุธและแก๊งนักกลั่นยารวมทั้งสี่แก๊ง ไม่ว่าจะในเขตการปกครองหยุนหลงหรือว่าในประเทศเทียนหวู ต่างมีฐานะที่สูงส่งทั้งสองที่
แม้จะดูคล้ายว่าฐานะของสำนักเซียวเหยาเหนือกว่าแก๊ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงเพราะระหว่างทั้งสองกลุ่มยังไม่ได้มีผลประโยชน์หรือความขัดแย้งใดๆ ต่อกันเท่านั้น
นอกสำนักเซียวเหยา หลัวซิวเคยได้ยินมาว่า สาขาของสุดยอดแก๊งทั้งสี่แผ่ขยายไปทั่วทั้งแผ่นดินและประเทศเทียนหวู และเมืองที่มีขนาดทั่วๆ ไปที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของประเทศเทียนหวู ต่างมีฐานอำนาจของสุดยอดแก๊งทั้งสี่อยู่ทั้งสิ้น
ในเขตการปกครองหยุนหลง แม้แต่เจ้าสำนักเซียวเหยาเองเวลาที่ต้องพบหน้ากับหัวหน้าสุดยอดสี่แก๊งยังต้องปฏิบัติตัวอย่างนอบน้อม
ภายในแก๊งนักล่าอสูรเป็นเขตปลอดการทะเลาะเข่นฆ่า ดังนั้นเมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ ขอแค่เขาไม่ก้าวออกจากที่นี่ไป ในห้องโถงใหญ่ของแก๊งแห่งนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา
……
สำนักชิงหยุน
หนึ่งในสถานที่ดำเนินงานนอกสำนักเซียวเหยา เซินกาวเจี้ยนมีร่างกายแข็งแกร่ง ฝ่ามือหนากว้าง ใบหน้าด้านซ้ายของเขามีรอยแผลเป็นรูปตะขาบอันน่าสยดสยอง
ผู้ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าสำนักมองไปที่ร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่างและฮั่วหลินที่ถูกถอดการฝึกตนในสภาพไร้สติด้วยสีหน้าหมองคล้ำ
“ท่านเจ้าสำนัก เราพบคนทั้งสามคนนี้หมดสติอยู่บนถนนในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลัวซิวคงจะกลับมาถึงเมืองชิงหยุนแล้ว”
ชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าฝ้ายคนหนึ่งเป็นคนกล่าวขึ้น และคนผู้นี้คือจางช่าวไห่ ผู้ที่รับผิดชอบตำแหน่งเจ้าตระกูลจางอยู่
“เขาคงจะใช้ค่ายวาร์ปของแก๊งนักล่าอสูรมาที่นี่” เซินกาวเจี้ยนมองจางช่าวไห่พลางพยักหน้า “เจ้าพาองครักษ์เกราะเขียวจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าไปเฝ้าใกล้ๆ พวกแก๊งนักล่าอสูรเอาไว้ หากเห็นหลัวซิวโผล่หัวออกมาก็ฆ่ามันอย่าให้เหลือซาก!”
“ครับ” จางช่าวไห่รับคำก่อนจะออกไปจัดการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...