มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 267

เมื่อท่านหลงเห็นมู่เซิ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน รอบตัวรายล้อมไปด้วยผู้ชมกลุ่มใหญ่ หัวใจของเขาเต้นแรง ต้องมีคนที่มีตาแต่ไม่มีแววบางคนทำคุณมู่ขุ่นเคืองใจ

เขาเดินไปหามู่เซิ่งทันที โค้งคำนับด้วยความเคารพและพูดว่า “คุณมู่ ผมมาสาย โปรดยกโทษให้ด้วย……”

เตาจั๋วเห็นเข้า ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว และรีบพูดว่า “นายท่าน ขอโทษด้วย ที่ผมมาสาย”

“นี่……”

เมื่อเห็นร่างของคนทั้งสองโค้งคำนับให้กับมู่เซิ่ง ทุกคนก็ตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น?

ในชั่วพริบตา เสียงที่ดังอยู่ในบาร์ ก็เงียบลงทันที

สายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในบาร์จับจ้องไปที่เตาจั๋วกับท่านหลง และเฝ้าดูพวกเขาสองคนอย่างเงียบๆ กับท่าทางที่โค้งคำนับให้กับมู่เซิ่ง

จากนั้นพวกเขาก็พูด และเสียงของทุกคน ก็ชัดเจนมาก

ในสถานที่นี้มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นท่านหลง แต่สำหรับชื่อเสียงของท่านหลงกับเตาจั๋วนั้น มันโด่งดังมาก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นท่านหลงขอโทษมู่เซิ่ง รู้สึกประหลาดใจและตกใจจนลืมหายใจ

“อืม”

มู่เซิ่งพยักหน้าเบาๆ ตะคอกอย่างเย็นชา จากนั้นหันหัวกลับมา มองไปทางคุณชายจู และถามเบาๆ “นายบอกว่าทั่วเจียงหนาน ถ้ามีใครที่ไม่ให้เกียรติ คนนั้นก็ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว แล้วเขาล่ะ?”

“เขา?”

คุณชายจูเห็นท่านหลงจ้องมองตัวเองด้วยความโกรธ ขาเริ่มอ่อนแรง ฟันกระทบกันอย่างควบคุมไม่ได้ เขาเดินโซเซไปข้างหน้าสองสามก้าว และคุกเข่าลงต่อหน้าท่านหลง “ขอคารวะท่านหลง คารวะท่านหลง”

“นายบอกว่าทั่วทั้งเจียงหนาน จะต้องให้เกียรตินาย?”

จางเสวียนหลงพูดซ้ำคำพูดของมู่เซิ่ง

ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่า โกรธสุดๆ!

เดิมทีมู่เซิ่งออกจากเจียงหนานเป็นเวลาหนึ่งเดือน เขาได้ปรับแก้ไขอิทธิพลมืดทั้งหมด และกำลังจะอวดต่อหน้ามู่เซิ่ง เห็นว่าตระกูลกู่ได้รับความช่วยเหลือจากมู่เซิ่ง จนได้ออกจากเจียงหนานเพื่อมาอยู่ที่ยานจิง จางเสวียนหลงก็รู้สึกอิจฉา

โลกของเจียงหนาน ไม่สามารถผูกมัดเขาได้ต่อไป และเขาอยากไปการฝ่าฟันอุปสรรคกับมู่เซิ่งที่ยานจิงมากกว่า

ท้ายที่สุด ในถิ่นของเขาถึงกับมีคนที่มีตาแต่ไม่มีแววกล้าที่จะรุกรานมู่เซิ่ง ซึ่งทำให้การทำงานหนักเกือบหนึ่งเดือนของเขาสูญเปล่า ถ้าไม่ใช่มีมูเซิ่งอยู่ด้วย ท่านหลงคงจะสับเจ้าโง่คนนี้ ไปแล้ว!

“ไม่มี ผมจะกล้าได้ยังไง ต่อหน้าท่านหลง ผมจะมีเกียรติอะไร ผมแค่พูดเรื่อยเปื่อย ผมมันคนต่ำต้อยไม่มีค่า” เสียงของคุณชายจูสั่น

ท่านหลงถามอย่างเย็นชา “นายเป็นใคร ถึงมาโอ้อวดหลอกลวงในถิ่นของฉัน?”

“ผม ผมเป็นลูกชายของจูปู่หง พ่อของผมเป็นลูกน้องของลุงชิงท่านหลง ผมขอโทษ ผมสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ” คุณชายจูคุกเข่าลงบนพื้น และเริ่มคำนับกับพื้น เขาเจ็บปวดใจ และหวาดกลัวสุดขีด

พ่อของเขาอยู่ต่อหน้าลุงชิง ไม่มีค่าอะไร! ต่อหน้าท่านหลงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าพ่อของเขารู้เรื่องนี้ จะต้องถลอกหนังเขาออกแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ท่านหลงยังคงพูดต่อไป “มานี่ ไปเรียกจูปู่หงกับติงชิงมาหาฉันเดี๋ยวนี้”

ติงชิงเป็นชื่อเต็มของลุงชิง นอกจากเฮยเจียวแล้วก็เป็นลูกน้องอีกคนหนึ่งที่แข็งแกร่งของท่านหลง

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาตกใจ ท่านหลงถึงกับเรียกลุงชิงมา เพราะไม่ต้องการให้เรื่องจบลงอย่างสงบเหรอ

สายตาที่พวกเขามองไปยังมู่เซิ่ง เต็มไปด้วยความสยดสยองอย่างหาที่เปรียบมิได้

ไอ้หนุ่มคนนี้คือใครกันแน่ มีสิทธิ์อะไรถึงทำให้ท่านหลงปฏิบัติกับเขาอย่างจริงจังเช่นนี้?

ในไม่ช้า ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบบนบันไดเรื่อยๆ ในขณะที่ทุกคนหันหัวกลับมา มีชายอ้วนหูใหญ่กับชายร่างผอมแข็งแกร่ง ทั้งสองคนวิ่งออกมาจากฝูงชนด้วยกัน ชายวัยกลางคนที่อ้วนหูใหญ่คุกเข่าลงต่อหน้าท่านหลง ใบหน้าเต็มไปด้วยไขมันพร้อมรอยยิ้มประจบประแจง และเหมือนสุนัขและพูดว่า “ท่านหลง ท่านหลงตามหาผมหรือครับ?”

ชายร่างผอมแข็งแกร่งไม่พูดอะไร แต่พยักหน้าเล็กน้อยให้กับท่านหลง และพูดว่า “ท่านหลง”

“นี่คือลูกชายของคุณใช่ไหม” จางเสวียนหลงชี้ไปที่คุณชายจูซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น

“ผม ผม……”

จูปู่หงหันมามอง ตกใจจนตับแตก

นี่ นี่แม่งหาเรื่องให้พ่อแล้วซิ!

แม้ว่ากูจะมีพื้นหลังที่พอใช้ได้บ้าง อยู่ในเจียงหนานก็กวาดเรียบ แต่แกไปรุกรานท่านหลงทำไม? ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของท่านหลง เห็นได้ชัดว่าล่วงเกินได้ไม่เบา ตอนนี้ในใจของจูปู่หงถึงกับคิดอยากจะตาย

“แม่งเอ้ย เจ้าลูกผลาญ กูจะฆ่ามึงให้ตาย!”

จูปู่หงดุด่าสาปแช่งเสียงดัง และพุ่งไปข้างหน้า

เขาไม่ไว้หน้าและไร้ความปราณี นั่งขี่หัวของจูลี่เซ่อ และกำปั้นขนาดเท่ากระสอบทรายก็ทุบลงมาไม่หยุด ทันใดนั้น แก้มที่ดูดีของจูลี่เซ่อ กลายเป็นรอยฟกช้ำและบวม ผมสีเขียวส่วนใหญ่ถูกดึงออก และฟันของเขาก็ร่วงหล่นเกลื่อนพื้น รูปลักษณ์นี้ช่างน่าสมเพชมาก ดูแล้วช่างน่าอนาถใจยิ่งนัก

ตีจนถึงตอนท้าย จูลี่เซ่อไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะร้อง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดและล้มลงในกองเลือด

“เขาเป็นลูกน้องของคุณใช่ไหม?” ท่านหลงไม่แม้แต่จะมองจูลี่เซ่อ หันหัวกลับมา และถามติงชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ใช่ครับ” ติงชิงพยักหน้า

“ดีมาก ในเมื่อลูกน้องของคุณทำผิด คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วย ตัดมือข้างหนึ่ง ให้ฉันลงมือ หรือคุณจะทำเอง?” ท่านหลงถามอย่างเย็นชา

“ไม่รบกวนท่านหลงแล้วล่ะ”

คิ้วของติงชิงสั่นระริก และในที่สุดก็กัดฟัน หยิบกริชออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วฟันเข้าที่แขนซ้ายของเขาโดยตรง!

ชั๊วะ!

แขนทั้งข้างกระแทกลงพื้นโดยตรง สายตาของทุกคนที่เห็น ก็สูดลมหายใจด้วยความตกใจ

เป็นเพียงลูกชายของลูกน้องของเขาที่ได้รุกรานใครสักคน และเขาต้องใช้แขนข้างหนึ่งเพื่อชดใช้ ผู้ชายคนนี้ มีสถานะอะไรกันแน่ และติงชิงก็สมกับการเป็นคนที่แข็งแกร่ง หลังจากตัดแขนไปแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงเดี๋ยวนี้ เขาไม่มีการส่งเสียงร้อง และร่างกายของเขายังคงยืนตัวตรง

“เอาล่ะ ไสหัวออกไปได้ จากนี้ไป เจ้าจะถูกลดระดับจากหัวหน้าวิหคเป็นผู้ลาดตระเวน “ จางเสวียนหลงพูดอย่างไม่แยแส

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของติงชิงก็ซีดไปชั่วขณะ เขากัดฟันอดทนและก้มหัวลง และพูดว่า “ขอบคุณท่านหลง”

หลังจากนั้น เขาไม่สนใจแขนที่หล่นอยู่บนพื้น และเดินออกจากประตูบาร์ ก่อนออกไป เขายังมองไปที่จูลี่เซ่อกับจูปู่หงสองพ่อลูกนี้ แววตาลึกซึ้งมีความหมาย

ในเรื่องนี้ อยู่ๆเขาก็ต้องรับกรรมโดยไม่มีเหตุผล

ดังนั้นหลังจากออกจากประตูไป ติงชิงจะไม่ปล่อยจูลี่เซ่อกับจูปู่หงสองพ่อลูกนี้แน่นอน!

เห็นได้ชัดว่าจูปู่หงก็ตระหนักได้แล้ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และไม่กล้าสบตา แต่ในขณะนี้ เขาไม่อาจใส่ใจติงชิงได้อีกต่อไป และสิ่งที่สำคัญที่สุด คืออยู่ตรงหน้าท่านหลงสามารถมีชีวิตรอด

“ท่านหลง ได้โปรดปล่อยเราสองพ่อลูกด้วยเถอะ ลูกชายของผมสำนึกผิดแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุคคลท่านนี้เป็นเพื่อนของคุณ” จูปู่หงคุกเข่าลงบนพื้น และอ้อนวอน

จากนั้น ประโยคถัดไป เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาบนหัวของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“เพื่อนผม ผมมีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นเพื่อนของคุณมู่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง