“เธอเป็นใคร รู้จักเจียงหว่านได้ยังไง”
มู่เซิ่งจ้องหยางฟางฟางด้วยสายตาเย็นชามาก แม้แต่บรรยากาศรอบๆ ยังเย็นยะเยือกไปด้วย ถึงหยางฟางฟางมีผ้าขนหนูคลุมตัวอยู่ ก็อดสั่นไม่ได้
“งานเลี้ยงศิษย์เก่าก่อนหน้านี้ไง ฉันเป็นเพื่อนกับเจียงหว่าน ตอนนั้นจางเหวินเจี๋ยยังขอภรรยานายแต่งงานในงานเลี้ยงศิษย์เก่าด้วย นายใช้สร้อยตบหน้าเขาอย่างแรง ฉันอยู่ข้างๆ เห็นเต็มๆ เรื่องต่อจากนั้นฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย” หยางฟางฟางเอ่ยขึ้น
“เธอเป็นเพื่อนเจียงหว่านเหรอ” มู่เซิ่งขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ไม่ใช่เพราะเขาวิตกกังวลจนเกินไป แต่หลังผ่านเรื่องของอู๋ซื่อซวิน ทำให้เจียงหว่านบาดเจ็บ มู่เซิ่งรู้สึกโทษตัวเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจียงหว่านเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นเขาจึงต้องตัดสินเรื่องที่อาจเป็นภัยกับเจียงหว่านอย่างละเอียด
“ใช่ ตอนนั้นฉันอยู่ในงานด้วย ถ้าฉันจำไม่ผิด นายยังโดนหลี่นั่วหนานใส่ร้ายว่าทำตัวไม่สุภาพด้วย” หยางฟางฟางเอ่ยขึ้น
เธอพูดรายละเอียดในงานเลี้ยงศิษย์เก่าออกมาเยอะมาก มู่เซิ่งจึงวางใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ในงานเลี้ยงศิษย์เก่าด้วย เขาอดถามไม่ได้ว่า “ทำไมฉันจำไม่ได้เลยว่าเคยเจอเธอ”
“ตอนนั้นสมาธินายอยู่ที่ภรรยาตั้งแต่ต้นจนจบ อย่าว่าแต่ฉันเป็นเพื่อนเธอเลย ถึงฉันแก้ผ้านายก็ไม่เห็นฉันหรอก” ตอนหยางฟางฟางพูดประโยคนี้ออกมา หน้าเธอแดงด้วย
มู่เซิ่งอึ้งไป คิดว่าก็คงใช่
งานเลี้ยงศิษย์เก่าในตอนนั้น เจียงหว่านสวมสร้อยคอ ดูสวยโดดเด่นมาก ดังนั้นสมาธิของมู่เซิ่งจึงจดจ่ออยู่ที่เจียงหว่านตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนพวกเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนสนิทของเธอ มู่เซิ่งไม่ทันสังเกตเลยสักคน
ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนเจียงหว่าน งั้นต่อไปทั้งสองคนจะได้คุยกันอย่างผ่อนคลายมากขึ้น
หยางฟางฟางเล่าเรื่องสมัยมัธยมปลายของเจียงหว่านให้มู่เซิ่งฟัง มู่เซิ่งตลกจนหัวเราะร่า เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อก่อนเจียงหว่านเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าสนใจมาก ส่วนหยางฟางฟางก็นั่งอยู่ในห้องเป็นเวลานาน เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา
ในเมื่อหยางฟางฟางไม่พูด แน่นอนว่ามู่เซิ่งก็ไม่เป็นฝ่ายถาม เมื่อหยางฟางฟางออกไปแล้ว เขากลับเข้ามาในห้อง ตอนนี้เขาต้องรีบวาดรูนที่เหลืออีกสามอันให้เสร็จ
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เรียกได้ว่าสองวันนี้มู่เซิ่งอยู่แต่ในห้อง แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย นอกจากเหนื่อยล้าจนต้องออกไปสูดอากาศสักหน่อย ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาในห้อง
การเป็นนักเสวียน แม้ไม่กินอะไรได้หลายวัน แต่พลังเสวียนสามารถหมดไปได้ จำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังกลับมา
เหยาเผิงก็รู้ว่าตอนนี้มู่เซิ่งจัดการเรื่องอะไรบางอย่าง ทำให้ยุ่งมาก ดังนั้นสองสามวันนี้จึงไม่ได้มารบกวนมู่เซิ่ง เอาของกินมาวางไว้หน้าห้อง พอมู่เซิ่งหิวก็เอาเข้าไปกินได้
รูนห้าอันนี้ อันหลังๆ ยิ่งยุ่งยาก แม้ตอนนี้มู่เซิ่งสามารถควบคุมพลังเสวียนได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ใช้เวลาไปสองวันเต็มๆ ถึงจะติดตั้งรูนสามอันหลังสำเร็จ สองสามวันนี้เขาล้มเหลวจนนับครั้งไม่ได้แล้ว เขาวาดไม่รู้กี่รอบ จดจำรูปร่างของรูนห้าอันนี้ขึ้นใจแล้ว ถึงหลับตาเขาก็สามารถวาดออกมาได้ อีกทั้งยังไม่ผิดพลาดเลยด้วย
“รูนอันที่ห้า” มู่เซิ่งถอนหายใจเบาๆ
เมื่อตวัดพู่กันวาดลงไป ในที่สุดรูนอันที่ห้าที่วาดบนหลังมือก็เสร็จสิ้น จากนั้นหายไปจากบนหลังมือ แม้หายไปแล้ว แต่มู่เซิ่งสัมผัสได้จากพลังเสวียนในตัว เขาสัมผัสถึงรูนแต่ละอันที่วาดลงบนมือได้อย่างชัดเจน
รูนห้าอันนี้ลักษณะเหมือนสายฟ้าบนท้องฟ้า หรือไม่ก็แสดงถึงดวงตาดุดันของเทพเซียน แต่ที่ไม่แตกต่างกันคือเป็นตัวแทนของพลังสายฟ้า เมื่อมู่เซิ่งหลับตาลง รูนแต่ละอันส่องแสงสายฟ้าเคลื่อนไหวอยู่บนมือเขา
“ขั้นสุดท้ายแล้ว” สัมผัสถึงรูนบนฝ่ามือ มู่เซิ่งรวบรวมสมาธิ เอาสายตาจดจ่อไปที่หน้าต่อไปของหนังสือในหัวสมอง
หลังจากนั้นเขาทำตามคำอธิบายของตำราหมัดห้าสายฟ้า เอารูนทั้งห้าวางลงในมือตามลำดับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...