ชั่วพริบตาเดียว งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครอบรอบห้าสิบปีของฉู่หยุนเทียนก็มาถึง
ห้าสิบปีนับเป็นการครบรอบครั้งใหญ่ ประกอบกับเป็นวันคล้ายวันเกิดของฉู่หวูโยวและฉู่หวูเสว่ ดังนั้นจึงเตรียมงานไว้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ
เช้าตรู่ ชิงจั๋วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉู่หวูโยว โดยสวมใส่ชุดที่ไทเฮาทรงสั่งตัดให้นางเป็นพิเศษ
เพียงแต่ ไม่รู้เพราะชิงจั๋วเคยชิน หรือเพราะว่าลืม จึงไม่ได้แต่หน้าให้ฉู่หวูโยว
เพียงแค่ช่วยจัดแต่งทรงผมที่ดูสวยงามให้กับฉู่หวูโยวเท่านั้น
ฉู่หวูโยวผงะไป แต่กลับไม่ได้สนใจนัก อย่างไรเสีย ใบหน้าที่หมองคล้ำขนาดนี้ จะแต่งเช่นไรก็คงไร้ประโยชน์
ยังเช้าอยู่ ยังถึงเวลาฉลองวันเกิด แต่บรรดาแขกเหรื่อก็เดินทางมาถึงกันเป็นจำนวนมากแล้ว โดยเฉพาะเหล่าขุนนางในราชสำนัก ต่างก็นำรายการของขวัญมามากมาย และเดินทางกันมาแต่เช้า
แต่ไหนแต่ไรมา ฉู่หวูโยวไม่ชอบสถานที่ที่อึกทึกคึกโครมนัก นางจึงชื่นชมดอกไม้อยู่ในสวนเพียงลำพัง แม้กระทั่งชิงจั๋ว ก็ไม่ได้พามาด้วย
ตอนนี้สาวใช้ชิงจั๋วผู้นั้น เชื่อฟังนางเป็นอย่างยิ่ง นางชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ โดยที่ชิงจั๋วไม่กล้าโต้แย้งเลยสักนิด
ชิงจั๋วเองก็น่าจะรู้ดีว่า ตอนนี้นางคงไม่ถูกผู้อื่นรังแกอีกต่อไป ดังนั้น เมื่อนางไม่ให้ชิงจั๋วตามมา ชิงจั๋วเองก็ไม่ตามมา
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ดอกไม้ในสวนกำลังบานสะพรั่ง ชวนให้ชื่นชมจริง ๆ
ตอนนี้ ทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ย่อมไม่มีใครมาที่นี่แน่นอน ดังนั้น สถานที่ที่งดงามเช่นนี้ จึงมีนางเชยชมเพียงแค่คนเดียว
มองดูเหล่าผีเสื้อและผึ้งบินวนไปมารอบดอกไม้ ฉู่หวูโยวก็นึกถึงบุปผาระเริงรมย์ของซ่าติ่งติ่งจึงฮัมออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว
จู่ ๆ ฉู่หวูโยวก็เห็นว่า มีดอกไม้อยู่ประเภทหนึ่ง ที่ด้านบนเต็มไปด้วยผึ้ง นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าดอกไม้ชนิดนี้จะหลอกล่อผึ้งได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าคือดอกอะไร ?
ฉู่หวูโยวไม่รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้มีความพิเศษอย่างไร จึงนึกสงสัยในใจ นางเด็ดออกมาเบา ๆ จำนวนหนึ่ง เพื่อต้องการจะนำกลับไปศึกษาอย่างละเอียด
“เหอะ ยัยขี้เหร่ กล้าเปรียบเทียบตนเองกับดอกไม้อย่างไร้ยางอาย เป็นการด้อยค่าดอกไม้ที่งดงามเหล่านี้เสียจริง ๆ” จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาจากด้านหลังฉู่หวูโยว
แววตาทั้งสองข้างของฉู่หวูโยวหมองหม่นลงเล็กน้อย ลึกเข้าไปในแววตาปรากฏประกายของความเย็นชาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้นางไม่อยากสร้างปัญหา แต่ก็จะปล่อยให้ใครมารังแก ให้ใครมาดูถูกเหยียดหยามไม่ได้เด็ดขาด
อีกทั้งผู้ชายคนนี้ก็ปากเสียจริง ๆ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีฐานะอะไรกันแน่ ? อย่างไรเสียวันนี้ก็เป็นวันเกิดของท่านพ่อ ย่อมไม่อาจทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุได้ เพราะท่านพ่อผู้นี้เอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง
“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ ยัยขี้เหร่อย่างเจ้ากลับทำหูหนวกอย่างนั้นหรือ” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากนาง น้ำเสียงของชายผู้นั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งด้วยความโมโห
แววตาของฉู่หวูโยวแฝงไปด้วยความเย็นชา เข้าเรียกตนเองว่าอ๋อง ดังนั้นเขาคือท่านอ๋องผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ ?
เป็นท่านอ๋องแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ? เป็นท่านอ๋องแล้วสามารถดูถูกใครได้ตามอำเภอใจหรืออย่างไร ?
ฉู่หวูโยวรู้ดีว่าสังคมนี้แบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจน บางคนคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าใคร ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา และไม่เห็นแม้กระทั่งชีวิตของผู้อื่นมีค่า
แต่นาง ฉู่หวูโยว แต่ไหนแต่ไรไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครมารังอกได้ง่าย ๆ
คนอื่นด่านางขนาดนี้ จึงไม่มีเหตุผลที่นางจะไม่ตอบโต้
ฉู่หวูโยวมองต่ำลงเล็กน้อย เมื่อเห็นกลีบดอกไม้ที่อยู่ในมือ แววตาก็เป็นประกายออกมา
ฉู่หวูโยวค่อย ๆ หันกลับไป เมื่อเห็นว่าที่แท้คนที่มาคืออ๋องเก้า ซวนหยวนหลี่ นางจึงทำความเคารพตามมารยาท : “หวูโยวคารวะอ๋องเก้าเพคะ”
“ยัยขี้เหร่คนนี้ รีบไสหัวไปเสีย อย่าทำให้สายตาของข้าต้องแปดเปื้อน ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้า กินข้าวไม่ลงไปสามวันทุกที” ซวนหยวนหลี่ยิ่งด่าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น : “ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่ก็เป็นยัยขี้เหร่อยู่ดี เห็นแล้วสะอิดสะเอียนนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...