ฉู่หวูโยวผงะไป แววตาดูงุนงงเล็กน้อย ฮูหยินไป๋มาเพื่อไป๋ยี่หยูหรือนี่
ตระกูลไป๋เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ ในเมืองหลวง นับว่าฮูหยินไป๋มีฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง แต่เพื่อไป๋ยี่หยู ฮูหยินไป๋กลับมาคุกเข่าต่อหน้ารถม้าของนางและอ้อนวอนโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น
ฉู่หวูโยวเป็นเด็กำพร้าคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรักเช่นนี้ของแม่มาก่อน
ฉู่หวูโยวเปิดผ้าม่านขึ้น
“คุณหนูฉู่ ขอร้องเจ้า ได้โปรดละเว้นน้องหยูสักครั้งเถิด” เมื่อฮูหยินไป๋เห็นนาง แววตาที่แต่เดิมดูสิ้นหวัง กลับกลายดูมีความหวังขึ้นมาไม่น้อย
ฮูหยินไป๋รู้ดีว่า เมื่อวานลูกเฉินไปที่จวนเจ้าพระยาแต่กลับไม่ได้ยาถอนพิษกลับมา แม้กระทั่งลูกเฉินยังไม่อาจเอายาถอนพิษกลับมาได้ นางเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดีแล้ว ?
เพียงแต่ เมื่อเห็นน้องหยูต้องร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน นางก็แทบใจสลาย ทำให้นางจำต้องมาขอร้องฉู่หวูโยวอย่างไม่มีทางเลือก
ถึงแม้ฉู่หวูโยวจะซาบซึ้งในความรักที่ฮูหยินไป๋มีต่อบุตรสาว แต่นางตัดสินใจแล้วว่าจะยกเลิกการแต่งงานกับไป๋อี้เฉิน และไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลไป๋อีก ดังนั้นฉู่หวูโยวจึงไม่ได้ลงจากรถม้า
ฉู่หวูโยวพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม : “ยานั่นอีกไม่กี่วันก็หมดฤทธิ์แล้ว ถึงตอนนั้นไป๋ยี่หยูก็จะกลับมามีสภาพเช่นเดิม เชิญฮูหยินไป๋ลุกขึ้นเถิด”
ฮูหยินไป๋ผงะไปเล็กน้อย ราวกับยังรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ เพียงแต่ เมื่อเห็นฉู่หวูโยวที่ทั้งอ่อนโยนและดูว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ จึงรู้สึกเชื่อใจ
“ขอบคุณคุณหนูฉู่” ฮูหยินไป๋เอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ และแอบรู้สึกโล่งใจลงไม่น้อย เดิมทีฉู่หวูโยวแค่คิดจะทำให้น้องหยูตกใจเท่านั้น ก่อนหน้านี้ น้องหยูเองก็มักจะกลั่นแกล้งฉู่หวูโยวอยู่บ่อย ๆ ฉู่หวูโยวทำเช่นนี้ ก็ไม่นับว่าเกินกว่าเหตุ
“ฮูหยินไม่ต้องเกรงใจ” ฉู่หวูโยวยิ้มเล็กน้อย นางดูออกว่าฮูหยินไป๋เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่ง นางรู้สึกอิจฉาไป๋ยี่หยูจริง ๆ ที่มีแม่ที่ดีเช่นนี้
เมื่อเห็นท่าทางของฉู่หวูโยวในตอนนี้ ฮูหยินไป๋ก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึงในใจ คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อฉู่หวูโยวหายจากอาการปัญญาอ่อนแล้ว จะกลายเป็นเด็กที่ดูว่านอนสอนง่ายเช่นนี้
ทั้งคำพูดและการกระทำของฉู่หวูโยวในตอนนี้ทั้งฉะฉานและดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้จะยังดูอัปลักษณ์อยู่เหมือนเดิม แต่เช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว การแต่งงานระหว่างฉู่หวูโยวและลูกเฉิน เป็นงานแต่งพระราชทานจากฝ่าบาท ช้าเร็วก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี
ไม่สู้เลือกวันมงคล ให้พวกเขาแต่งงานกันให้เสร็จสิ้นจะดีกว่า ไป๋ฉูหยินแอบคิดในใจ
หลังจากฮูหยินไป๋กลับถึงจวนไป๋แล้ว ก็หารือกับนายท่านไป๋ จากนั้นจึงเรียกไป๋อี้เฉินมา
ทันทีที่ไป๋อี้เฉินเข้ามา ฮูหยินไป๋ก็กล่าวตักเตือนทันที : “ลูกเฉิน เรื่องการแต่งงานระหว่างเจ้ากับคุณหนูฉู่ แม่กับท่านพ่อขอเจ้าหารือกันแล้ว ต้องการเลือกวันมงคลให้กับพวกเจ้า ให้พวกเจ้าได้แต่งงานกัน ตอนนี้คุณหนูฉู่หายจากอาการป่วยแล้ว อีกทั้งยังว่านอนสอนง่ายและรู้ความอีกด้วย”
ฮูหยินไป๋รู้ดีว่า แต่ไหนแต่ไรมา บุตรชายไม่เคยชอบพอฉู่หวูโยว แต่นี่เป็นงานแต่งพระราชทานจากฝ่าบาท ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
และนางเองก็รู้เรื่องที่หลายวันก่อนไป๋อี้เฉินเขียนหนังสือยกเลิกงานแต่ง หากไทเฮาทรงสืบสาวราวเรื่องเข้าละก็ เกรงว่าพวกเขาทั้งตระกูลคงไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน
โชคดีที่ในตอนนั้นฉู่หวูโยวหมดสิตไป จึงไม่ได้นำหนังสือยกเลิกงานแต่งไปด้วย
ตอนนี้ฉู่หวูโยวไม่ใช่คนปัญญาอ่อนอีกแล้ว ถึงแม้รูปร่างหน้าตายังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก
เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องฝืนใจทำแล้ว
“ขอรับ” แววตาของไป๋อี้เฉินเป็นประกายเล็กน้อย จากนั้นจึงตอบรับเบา ๆ
ฮูหยินไป๋ผงะไป นางรู้ดีว่าบุตรชายไม่ชอบฉู่หวูโยว นางจึงได้เตรียมคำพูดมากมายเพื่อมาเกลี้ยกล่อมบุตรชาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพียงแค่นางเอ่ยปาก บุตรชายก็ตอบตกลงเสียแล้ว
คงเป็นเพราะบุตรชายคิดได้แล้ว ใบหน้าของฮูหยินไป๋จึงแสดงความปลื้มใจออกมาไม่น้อย
“เช่นนั้นให้รอให้งานฉลองวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของเจ้าพระยาผ่านพ้นไปแล้ว ข้ากับท่านแม่ของเจ้าจะไปที่จวนเจ้าพระยาเพื่อปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้าพระยา” นายท่านไป๋เองก็แสดงทีท่าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็นับว่าโล่งไปลงไปมากเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...