เฟิงหลิงหยุนก็มัวแต่กลัวว่าเรื่องนี้จะเกิดการเปลี่ยนไปเพราะองค์ชายสิบมามีส่วนร่วมด้วย ก็เลยตัดไฟแต่ต้นลม: “ฉู่หวูโยวไม่ใช่ไม่อธิบาย แต่ไม่มีทางอธาย เพราะว่าเรื่องจริงก็คือนางกรีดหน้าน้องหลันให้บาดเจ็บ”
เฟิงหลิงหยุนเคยชินกับการเพียงแค่มีเหตุผลก็จะไม่ยอมคนเด็ดขาด: “ตามกฎข้อบังคับของราชวงศ์ซวนหยวน โทษจงใจทำร้ายคน สถานเบาถูกโบยเป็นการตักเตือน จากนั้นก็เอาไปปล่อยทิ้งยังชายแดน อย่างต่ำ 5 ปี สถานหนักตัดศีรษะทันที ฉู่หวูโยวทำร้ายรูปโฉมของน้องหญิง ตามความเห็นของผู้หญิงคนหนึ่ง รูปโฉมสำคัญมากเท่าไร ก็ขอให้ฝ่าบาทตัดสินด้วยเถิด”
ดวงตาทั้งคู่ของฉู่หวูโยวมืดมนขึ้นมา เอาไปปล่อยทิ้งที่ชายแดน 5 ปี ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เกรงว่าดูจะน่าเวทนาเสียยิ่งกว่าเอาชีวิตของนางไปอีก สองพี่น้องตระกูลเฟิงช่างโหดพอตัวจริงๆ
พวกเขาคิดว่านางยังเหมือนฉู่หวูโยวเมื่อก่อนนี้ที่ยินยอมให้พวกเขาจัดการได้โดยง่ายอยู่จริงๆ
ในเมื่อคนเขาแสดงได้ตระการตาเช่นนี้ นางจะไปทำลายความสนุกของทุกคนได้อย่างไรกันล่ะ!
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก้อนซวนหยวนเฉินก็ยังรอดูฉากละครอยู่เลยจริงๆ
ฉู่หวูโยวเดินเข้าไปเบื้องหน้าของฝ่าบาท แล้วคารวะอย่างเป็นทางการมาก: “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีสองสามประโยคที่ต้องการจะถามองค์ชายเฟิง”
“ได้ ข้าอนุญาต” ดวงตาของฝ่าบาทแอบสั่นไหวไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง ท่ามกลางความประหลาดใจนั้นยังแอบแฝงไว้ด้วยความคาดหวังอยู่บ้าง
เขาคิดว่าหวูโยวนังหนูคนนี้เกรงว่าจะทำเรื่องสะเทือนอะไรออกมา
ในตอนนี้ฉู่หวูโยวก็เลยหันมาทางเฟิงหลิงหยุน นางเพียงแค่กวาดสายตามองไปยังเฟิงหลิงหยุนอย่างเฉยๆ เท่านั้น แล้วก็ค่อยๆ เอ่ยปากกล่าวว่า: “องค์ชายเฟิงเป็นหมอหลวง ใช่หรือไม่?”
เสียงของนางเรียบเฉยและเบามาก แต่ว่ากลับดูเหมือนว่ามีความกดดันอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไม่มีทางต้านทานได้
ทุกคนที่อยู่ในโถงใหญ่นั้นได้ยินคำพูดของฉู่หวูโยวที่ค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่าในตอนนี้ไม่ไปถามเฟิงหยูหลัน ทำไมกลับไปถามเฟิงหลิงหยุน อีกทั้งยังถามคำถามเช่นนี้ด้วย?
สีหน้าของเฟิงหลิงหยุนกลับค่อยๆ หนักใจขึ้นมาในทันที ใจก็หนักตามไปด้วยเช่นกัน
คำพูดนี้ของฉู่หวูโยวหมายความว่าอะไร?
เขาไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะสามารถมองเส้นสนกลในในด้านนี้ออกได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
“ใช่” เฟิงหลิงหยุนตอบกลับด้วยเสียงเข้มหนึ่งคำ เขาไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะสามารถมองอะไรออกได้ ฉู่หวูโยวน่าจะเพียงแค่อยากจะหาข้ออ้างเท่านั้น!
แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าฉู่หวูโยวจะหาข้ออ้างอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เขาจะต้องเอาโทษทัณฑ์นี้ตราตรึงลงไปบนตัวของฉู่หวูโยวให้ได้แน่นอน
“อืม” ฉู่หวูโยวพยักหน้าเบาๆ มีความเกรงใจอย่างมาก มีมารยาทอย่างมาก ง่ายมากที่จะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านางร้อนตัว
ริมฝีปากแดงของนางเผยอออก เสียงยิ่งนุ่มนวลมากขึ้น: “เมื่อครู่องค์ชายเฟิงบอกว่าใบหน้าของน้องหญิงเสียโฉมไปแล้ว เสียโฉมคำนี้ ใช่ว่าจะอธิบายว่าไม่มีทางที่จะรักษาให้หายหรือไม่?”
เฟิงหลิงหยุนอึ้งไปชั่วครู่ ในชั่วขณะนี้เขามีความรู้สึกที่ผิดแปลกไปโหวงเหวงหลายเท่าขึ้นมา ในตอนนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะแยกแยะเจตนาของหวูโยวไม่แน่ชัดอยู่บ้าง เขาก้มหน้ากล่าวออกมาด้วยเสียงเข้มว่า: “ใช่”
ธนูง้างแล้วไม่อาจถอยกลับไป
หากในตอนนี้เขาบอกว่าใบหน้าของน้องหลันมีโอกาสช่วยได้ เช่นนั้นตามอำนาจของตระกูลฉู่ และการปกปักรักษาจากฮองไทเฮา ยังไงก็ไม่อาจจะทำอะไรต่อฉู่หวูโยวได้เลย?
เช่นนั้นทุกอย่างที่น้องหลันทำก็เท่ากับว่าเปล่าประโยชน์งั้นน่ะสิ
มาถึงจุดนี้แล้ว น้องหลันไม่มีทางถอยแล้ว เขาก็ไม่มีทางถอยแล้วเช่นกัน
ฉู่หวูโยวกลอกดวงตามองไปยังเฟิงหยูหลัน สายตาก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่บาดแผลบนใบหน้าของเฟิงหยูหลัน
นางยิ้มจางๆ ออกมา: “บาดแผลที่อยู่บนใบหน้าของเฟิงหยูหลัน ยาว 9 เซน มีดลึก 5 มิล แต่มุมที่กรีดเข้าไปกลับดูเอียงมาก ดุไปแล้วเหมือนว่าจะทำให้คนตกใจ แต่แม้แต่พังผืดที่อยู่ผิวเผินก็ยังไม่ได้บาดเจ็บถูกเลย แม้ว่าจะเป็นการรักษาธรรมดาก็ไม่มีทางที่จะหลงเหลือร่องรอยแผลเป็นไว้แน่ ไฉนเลยองค์ชายเฟิงยังจะใช้ยาที่ดีที่สุดอีกเล่า”
ในโลกปัจจุบันแต่ละปีนางทำการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วน เหมือนดั่งว่าวิธีการเด็กๆ ง่ายดายเช่นนี้จะมาหลอกนางได้อย่างนั้นแหละ?
คำพูดนี้ของนางพอออกไป ทุกคนในโถงใหญ่ต่างพากันตะลึงงันไปเลย โดยเฉพาะหมอหลวงที่ค่อนข้างเลื่องชื่อสองสามคนนั้น ยิ่งตะลึงจนตาค้างปากอ้าไปเลย
แม้ว่าพวกเขาจะตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องสำรวจอย่างแม่นยำปานนี้ ฉู่หวูโยวเพียงแค่กวาดสายตามองไปเช่นนั้นเท่านั้น คิดไม่ถึงว่า?
เป็นไปไม่ได้ นางจะต้องเดาส่งเดชแน่นอน ใช่แน่นอน
อันที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันคิดเดาเช่นนี้
เพียงแค่ศัพท์ทางการแพทย์เฉพาะทางเช่นนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...