น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร นิยาย บท 17

ฉู่หวูโยวยิ้มจางๆ อยู่ในใจ ฝ่าบาทไม่เสียแรงที่เป็นฝ่าบาท

ร่างของเฟิงหยูหลันค่อยๆ แข็งทื่อนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วบีบเสียงกล่าวออกมาว่า: “เพคะ”

“เสด็จพ่อ พวกเราเมื่อครู่ต่างก็อยู่ในเหตุการณ์ทั้งนั้น ทั้งหมดต่างเห็นชัดเจน คำพูดที่เฟิงหลิงหยุนพูดทุกคำเป็นความจริง” ซวนหยวนหลี่ก็ช่วยพูดสนับสนุนให้อยู่ด้านข้าง ในน้ำเสียงนั้นยังแฝงไว้ด้วยการได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่อย่างไม่พอใจ

“เสด็จพ่อ รอยบาดเจ็บบนใบหน้าของแม่นางเฟิงก็เป็นฉู่หวูโยวที่เป็นคนทำจริงๆ” ซวนหยวนฝานก็เอ่ยปากช่วยพูดสนับสนุนด้วยเช่นกัน

คนอื่นๆ ที่เหลือเห็นว่าองค์ชายแปดและองค์ชายเก้าได้ออกปากแล้ว ต่างก็เลยได้เพียงพยัก

“เสด็จพ่อ หวูโยวก็เพียงแค่ใจร้อนไปชั่วขณะเท่านั้นเอง ไม่ได้เจตนา ขอให้ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตนางในครั้งนี้ด้วยเถิด” ฉู่หรูเสว่ก็เดินมาข้างหน้าเช่นกัน ขอความเมตตาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล เพียงแต่ว่าในดวงตาที่หรี่ลงของนางกลับแฝงไว้ด้วยแสงอันชาญฉลาดที่ไม่ปกติอยู่ในนั้น

คำอธิบายประโยคนี้ของนาง ก็เป็นการยืนยันความผิดของฉู่หวูโยวพอดี

ได้ยินคำพูดของฉู่หรูเสว่แล้ว ฉู่หยุนเทียนก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาที่อ่านเหตุการณ์ใต้หล้านับไม่ถ้วนคู่นั้นค่อยๆ มืดมนลง

แต่ว่าเขายังคงไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร

ฝ่าบาทก็ไม่ได้สนใจฉู่หรูเสว่เช่นกัน ดวงตาคู่นั้นยังคงมองไปยังฉู่หวูโยว ส่วนลึกในดวงตานั้นแอบซ่อนความครุ่นคิดอยู่ในนั้น วันนี้นังหนูผู้นี้ช่างทำให้เขาคิดไม่ถึงจริงๆ

แม้ว่าจะได้ยินมาจากไทเฮาทางด้านนั้นนานแล้วว่านังหนูผู้นี้ไม่ได้โง่เขลาแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าการเปลี่ยนแปลงจะมากขนาดนี้

หากเปลี่ยนเป็นคนปกติธรรมดา เจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็คงจะร้องไห้โวยวายอธิบายใหญ่แล้ว ไม่ก็คงจะตกใจกลัวจนเนื้อตัวสั่นไปหมด แต่ในตอนนี้คิดไม่ถึงว่าฉู่หวูโยวจะดูไม่ทุกข์ร้อนเป็นปกติได้ปานนี้ ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

นี่มันช่างน่าสนใจขึ้นมาจริงๆ

ไม่เสียดายที่เป็นลูกสาวของฉู่หยุนเทียน!

“ไม่ถูก เสด็จพี่แปดและเสด็จพี่เก้าตอนนั้นอยู่ด้วยกันกับข้า แต่ตอนที่เกิดเรื่องกับแม่นางเฟิงและฉู่หวูโยวเป็นอีกเรือนหนึ่งที่อื่น ยังไงพวกเราก็คงไม่อาจเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนแน่ อีกอย่างตอนนั้นทุกคนเดิมนั้นก็อยู่ในเรือยเดียวกันกับข้า ยังไงก็ไม่มีทางเห็นกับตาได้อยู่แล้ว ในเมื่อไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ก็ไม่ควรพูดจาส่งเดช เพื่อไม่ให้กระทบต่อการตัดสินของเสด็จพ่อเอาได้” คำพูดนั้นของเจ้าก้อนซวนหยวนเฉินล่วงเกินคนในห้องนั้นทั้งหมด แต่ว่าเขาไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว

ฉู่หวูโยวอยากจะหัวเราะอีกแล้ว ทำไมถึงได้น่ารักเช่นนี้กันนะ!

“ความหมายขององค์ชายสิบคือ น้องหญิงของกระหม่อมทำลายรูปโฉมของตัวเองเพื่อใส่ร้ายฉู่หวูโยวงั้นหรือ? หน้าตาสำคัญแค่ไหนสำหรับผู้หญิง ขอถามหน่อยว่าใครเพียงเพื่อจะใส่ร้ายคนอื่นแล้วต้องทำร้ายรูปโฉมของตนงั้นหรือ?” เฟิงหลิงหยุนทราบดีว่าเรื่องในวันนี้เขาจะต้องดันทุรังให้ถึงที่สุด จะไม่ให้โอกาสฉู่หวูโยวได้กลับตัวอย่างเด็ดขาด

“ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ใส่ร้ายฉู่หวูโยว ข้าเปล่า ข้าเปล่าจริงๆ นะ” เฟิงหยูหลันส่ายหัวปฏิเสธติดต่อกัน 3 ครั้ง

ฉู่หวูโยวกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะบอกปฏิเสธ และก็ไม่ได้ร้อนใจที่จะอธิบายด้วย นางไม่ร้อนตัว นางไม่ร้อนตัวเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ

ฉากเด็ดยังอยู่ตอนท้ายต่างหากเล่า!

“หากเจ้าไม่ได้ทำ เจ้าก็ควรจะยืนขึ้นมาปฏิเสธ ทำไมเจ้าถึงไม่ปฏิเสธ?” ในตอนนี้ซวนหยวนเฉินยืนอยู่ข้างกายของฉู่หวูโยวพอดี เขาในตอนนี้ยังร้อนใจยิ่งกว่าฉู่หวูโยวเสียอีก

ฉู่หวูโยวมองไปยังเขาครู่หนึ่ง ถอนหายใจออกมาเบาๆ หนึ่งเฮือก: “จิตใจคนช่างร้ายกาจ ความจริงค่อนข้างซับซ้อน”

เด็กคนนี้โตมายังไงเนี่ย ทำไมจึงได้บริสุทธิ์ผุดผ่องเช่นนี้ได้?

ในความทรงจำของร่างเดิมก็มีความทรงจำเกี่ยวกับซวนหยวนเฉินอยู่บ้างเช่นกัน ตอนเด็กๆ ซวนหยวนเฉินสุขภาพไม่ดี ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายของเสด็จแม่โหรวเฟยมาโดยตลอด มีไทเฮาคอยตามใจ มีฝ่าบาทรักเอ็นดู ยังมีองค์ชายเจ็ดที่เป็นพี่ใหญ่ท้องเดียวกันคอยปกป้องอีก ก็มิน่าจึงเลี้ยงออกมาได้มีนิสัยอ่อนต่อโลกเช่นนี้ได้

ฉู่หวูโยวก็เพิ่มเติมจากใจจริงออกมาหนึ่งประโยค: “เจ้ายังเป็นเด็กอยู่ เจ้าไม่เข้าใจ”

“ข้า......ข้าไม่ใช่เด็ก ข้าโตเป็นผู้ใหญ่บริบูรณ์นานแล้ว ปีนี้ 17 ปีเต็ม ข้ายังโตกว่าเจ้า 1 ปีเลย” เจ้าก้อนซวนหยวนเฉินก็หน้าแดงด้วยความไม่พอใจขึ้นมา เน้นไปที่ปัญหาอายุของตนเองอย่างตั้งใจจนหาที่เปรียบมิได้

ฉู่หวูโยวเห็นเขามีท่าทางที่จริงจังได้เช่นนี้ก้อยากจะหัวเราะ นางก็เลยส่งเสริมให้ท้ายเขาไปตามสัญชาตญาณ: “ได้ ได้ เจ้าไม่ใช่เด็ก เจ้าเป็นชายชาตรี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร