เขาเป็นฝ่าบาท ฝ่าบาทที่อยู่เหนือมวลชน มีหรือที่จะทนให้คนอื่นมาหลอกลวงได้
“ตรวจยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเฟิง ปลดตำแหน่งทุกตำแหน่งของเฟิงหลิงหยุน เอาเฟิงหยูหลันไปปล่อยยังชายแดน ไม่ต้องกลับราชธานีเลยตลอดกาล” เสียงที่เย็นชาของฝ่าบาท ทำให้ทุกคนที่อยู่ในโถงใหญ่ต่างอดที่จะตะลึงงันไม่ได้ เห็นได้ชัดเลยว่าวันนี้ฝ่าบาทเกิดโทสะขึ้น
นี่ก็คืออำนาจของราชวงศ์ ที่สามารถทำให้ตระกูลเฟิงของเขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลขุนนางได้ แล้วก็สามารถทำให้ตระกูลเหิงของเขาเปล่งรัศมีอย่างไม่จำกัดดังเช่นเมื่อก่อนนี้
คำพูดประโยคเดียวของฝ่าบาทก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมลายสิ้นไปในพริบตา
เพียงแต่ฝ่าบาทก็นับว่ามีเมตตามากแล้ว ความผิดที่เฟิงหลิงหยุนและเฟิงหยูหลันเป็นถึงโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง ประหารทั้งตระกูลยังไม่มากเกินไปเลย
ร่างของเฟิงหยูหลันจู่ๆ ก็อ่อนแรงไปทันที ภายในดวงตาทั้งสองข้างต่างก็เปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง เอาไปปล่อยชายแดน ไม่อาจกลับราชธานีได้ตลอดกาล งั้นก็ฆ่านางเลยไม่ดีกว่าหรือ
ร่างของฉู่หรูเสว่ก็สั่นไปเช่นกัน นางถอยหลังไปพักหนึ่งตามสัญชาตญาณ ใช้แรงกำหมัดที่เปียกชื้นเอาไว้แน่น
“กระหม่อมขอรับโทษ ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” เฟิงหลิงหยุนทราบดีว่าฝ่าบาทนับได้ว่าเมตตาเป็นพิเศษแล้ว เขาก็ไม่กล้าดื้อดึงอะไรอีกแล้ว
เพียงแต่เขายังรู้สึกปวดใจแทนน้องหลัน น้องหลันอ่อนแอเช่นนี้ ไปชายแดนแล้วยังจะสามารถอยู่รอดได้หรือ?
เฟิงหลิงหยุนมองไปยังฉู่หรูเสว่ที่อยู่ด้านข้าง ดวงตามืดมนไปพักหนึ่ง ครั้งนี้แน่นอนว่าย่อมเป็นความคิดของฉู่หรูเสว่
ฉู่หรูเสว่ทำลายน้องหลันไปอย่างสิ้นซาก แล้วด้วยเหตุอันใดที่น้องหลันลำบากเช่นนี้ แต่ฉู่หรูเสว่กลับไม่ประสบปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
มือของเฟิงหลิงหยุนกำแน่นอยู่ครู่หนึ่ง เขาจะไม่ปล่อยฉู่หรูเสว่ไปอย่างง่ายดายเด็ดขาด
ซวนหยวนเฉินอยู่ข้างกายของฉู่หวูโยว บนใบหน้าของเขาในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็ประหลาดใจ
เขามีคำพูดมากมายที่อยากจะถาม แต่ว่าเขาก็ทราบดีว่าในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ยังไงก็ต้องรอให้เรื่องจบสิ้นอย่างหมดจรดเสียก่อน
“นังหนูหวูโยว ยังมีข้อโต้แย้งอะไรไหม?” ดวงตาของฝ่าบาทหันไปมองที่ฉู่หวูโยว เก็บอาการเย็นชาที่อยู่บนใบหน้าไว้ เสียงก็อ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
ฝ่าบาทมองไปยังซวนหยวนเฉินที่อยู่ข้างกายของฉู่หวูโยวอย่างไม่วางตาครู่หนึ่ง อารมณ์ค่อนข้างสับสนซับซ้อน
เฉินเอ๋อร์แม้ว่าจะอ่อนต่อโลก แต่ว่าก็ไม่เชื่อคนง่ายๆ แต่ตอนนี้เฉินเอ๋อร์ไม่เพียงแต่เชื่อฉู่หวูโยว กลัวว่าจะเชื่ออย่างจำนนด้วยซ้ำ
หลังจากฉู่หวูโยวป่วยหายดีแล้ว เฉินเอ๋อร์น่าจะได้เจอกับฉู่หวูโยวเป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่พบหน้าฉู่หวูโยวก็สามารถทำให้เฉินเอ๋อร์เชื่ออย่างหมดใจได้เลย
จะไม่ใช้เขาตะลึงแล้วถอนหายใจออกมาได้อย่างไรกัน ฉู่หวูโยวเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง อันที่จริงพ่อเป็นเสือยังไงลูกย่อมไม่เป็นหมาอยู่แล้ว!
ทุกคนตะลึงงันไปอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะถามนังหนูว่ามีข้อโต้แย้งอันใดอีกหรือไม่?
การตัดสินใจของฝ่าบาทเมื่อไหร่กันที่จะต้องไปถามความพึงพอใจของคนอื่นด้วย?
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา หวูโยวขอบพระทัย” ฉู่หวูโยวค่อยๆ คารวะแล้วตอบกลับอย่างนอบน้อม
แน่นอนว่านางย่อมทราบว่าหากเพียงแค่เฟิงหยูหลันใส่ร้ายนาง รับรองว่าย่อมไม่อาจถูกลงโทษหนักเช่นนี้ได้ โทษหลอกลวงเบื้องสูงนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
นางจะไปกล้ามีข้อโต้แย้งอย่างไรได้อีกเล่า?
หรือว่าหากนางเอ่ยปากพูดในตอนนี้สามารถแก้ไขชะตาของเฟิงหยูหลันได้ แต่ว่าเฟิงหยูหลันทำร้ายเจ้าของร่างเดิมนับครั้งไม่ถ้วน ก็ช่างไม่ควรค่าแก่การสงสารจริงๆ
เฟิงหยูหลันและเฟิงหลิงหยุนในครั้งนี้ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้ ทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จกลับทำร้ายถูกตัวเอง
เฟิงหลิงหยุนมองไปยังไป๋อี้เฉิน ใช้สายตาวิงวอนขอร้องให้เขาช่วยน้องหลัน
ในเมื่อฝ่าบาทในตอนนี้สอบถามความเห็นของฉู่หวูโยว เช่นนั้นแล้วหากฉู่หวูโยวเอ่ยปากน่าจะสามารถช่วยน้องหลันไว้ได้
และคนที่สามารถทำให้ฉู่หวูโยวเปลี่ยนแปลงความคิดได้นั้นก็มีเพียงไป๋อี้เฉินเท่านั้น
ไฉนเลยไป๋อี้เฉินจะไม่เข้าใจความหมายของเฟิงหลิงหยุน ไป๋อี้เฉินก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเฟิงหยูหลันต้องได้รับความลำบากเช่นนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...