น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร นิยาย บท 21

ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังฉู่หวูโยวอย่างไม่วางตา มีความอึ้งอย่างผิดคาดที่ยากจะเชื่อได้ แต่กลับแอบแฝงไว้ด้วยความโมโหหลายเท่าในนั้น

“องค์ชายไป๋และคุณหนูเฟิงต่างรักใคร่ชอบพอกัน ขอวิงวอนให้ฝ่าบาทยุติการหมั้นหมายของหวูโยวและองค์ชายไป๋ด้วยเถิด เพื่อให้องค์ชายไป๋และคุณหนูเฟิงได้สมหวัง” ภายใต้สายตาที่ผิดคาดของทุกคน ฉู่หวูโยวก็กำลังคำนับต่อฝ่าบาทอย่างเป็นทางการ

ฉู่หวูโยวทราบดีว่าไป๋อี้เฉินไม่ได้เต็มใจที่จะอภิเษกกับนาง แต่ว่าเนื่องจากเป็นราชโองการของฝ่าบาทก็เลยไม่กล้าขัดราชโองการ กลัวว่าฝ่าบาทลงโทษก็ไม่กล้าถอนหมั้นเช่นกัน

วันนี้ก็ให้นางมาเสนอเอง!

ในตอนนี้ฉู่หวูโยวขอร้องวิงวอนให้ยุติการหมั้นหมายต่อฝ่าบาทโดยตรง รูปแบบก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงอีก ไม่ได้มีการล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้มีการโอนอ่อนแม้แต่นิด อีกทั้งยังไร้ซึ่งทางหนีทีไล่แม้แต่นิดด้วย เพียงพอที่จะยืนยันได้ถึงท่าทีที่เด็ดขาดแน่วแน่ของฉู่หวูโยว

ดวงตาของไป๋อี้เฉินจู่ๆ ก็มืดหม่นเย็นชาขึ้นมา มองไปยังฉู่หวูโยว มีอาการขบกรามกัดฟันเล็กน้อย: “เจ้า......น้ำใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาเช่นนี้ข้าไม่ต้องการ”

ไป๋อี้เฉินอย่างเขาต้องการให้คนอื่นมาทำให้สมปรารถนาเมื่อไหร่กัน?

ฉู่หวูโยวอึ้งไปครู่หนึ่ง แอบยิ้มเย็นชาในใจ เมื่อครู่เขายังขอความเห็นใจให้แก่คนที่อยู่ในดวงใจของเขาเลย ตอนนี้ไม่สนใจความเป็นความตายของคนที่อยู่ในดวงใจแล้วหรือ?

นี่ก็กากเดนเกินไป ฉู่หวูโยวเริ่มที่จะมองอย่างเหยียดหยามเขาแล้ว

“พิธีอภิเษกนี้เป็นฝ่าบาทที่เป็นผู้พระราชทาน กระหม่อมน้อมรับราชโองการของฝ่าบาท จะไม่ถอนหมั้นอย่างเด็ดขาด” ไป๋อี้เฉินก็หันไปทางฝ่าบาท แต่ละคำทั้งเด็ดขาดและแน่วแน่

ในตอนนี้ไป๋อี้เฉินจงใจจี้จุดที่ว่าการหมั้นหมายนี้เป็นฝ่าบาทที่เป็นผู้พระราชทานให้ เขาน้อมรับราชโอกาง และก็จะไม่ถอนหมั้นอย่างเด็ดขาด

ฝ่าบาทเป็นถึงผู้ปกครองแคว้น จะคงไม่อาจจะตรัสแล้วคืนคำเป็นแน่

การหมั้นหมายที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ ไป๋อี้เฉินไม่อยากถอนหมั้น ฝ่าบาทก็ย่อมไม่อาจบีบบังคับให้ไป๋อี้เฉินถอนหมั้นได้อีก

ฉู่หวูโยวงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย ไม่ใช่เปล่า? ไม่ใช่น่ะ? ไม่ใช่สิ?

ไป๋อี้เฉินนี่หมายความว่ายังไง?

ไป๋อี้เฉินไม่ใช่ว่าอยากจะถอนหมั้นมาตลอดหรือ? ไม่ใช่หนังสือถอนหมั้นก็ร่างไว้แล้วหรือ? ตอนนี้ก็มาทำท่าทีเช่นนี้ออกมาอีกเพื่ออะไรกัน?

ไป๋อี้เฉินไม่ใช่ว่าต้องการจะช่วยเฟิงหยูหลันหรือ?

ตอนนี้ก็ไม่ช่วยแล้วงั้นสิ?

ฉู่หวูโยวมองไปยังไป๋อี้เฉิน ในสายตานั้นเปี่ยมไปด้วยการบอกให้รู้เป็นนัยๆ หลายเท่าอยู่ เมื่อครู่ไป๋อี้เฉินถึงกับขอร้องให้นางไว้ชีวิตเฟิงหยูหลันเชียวนะ

เพียงแต่ว่าไป๋อี้เฉินกลับมองข้ามไปเลย ราวกับว่าลืมไปหมดว่าได้มีเรื่องเมื่อครู่ที่วิงวอนจะช่วยเฟิงหยูหลันของตนเกิดขึ้น

มุมปากของฉู่หวูโยวค่อยๆ เบะลง ชายผู้นี้ชั่วช้าจนไม่อาจจะมากไปกว่านี้ได้แล้ว

ร่างของเฟิงหยูหลันสั่นไปเล็กน้อย ในดวงตาที่สิ้นหวังปกคลุมไปด้วยความเจ็บปวดที่หนักหนา เดิมนั้นนางคิดว่านางเองอยู่ในใจของไป๋อี้เฉิน ไม่ว่ามากน้อยเพียงใดก็ย่อมมีที่ยืนบ้าง

แท้จริงแล้วกลับเป็นการไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึงเช่นนี้ได้

การช่วงชิงหลายปีมานี้ การต่อสู้หลายปีมานี้ของนาง ช่างน่าเศร้าจริงๆ นางพูดมาโดยตลอดว่าฉู่หวูโยวโง่เขลา เกรงว่าตนนั้นยังโง่เขลาเสียยิ่งกว่าฉู่หวูโยวเสียอีก

“พอแล้ว วันนี้การทะเลาะในครั้งนี้ ได้กินเวลาการฉลองงานวันเกิดไปมากแล้ว มาเอาตัว เฟิงหลิงหยุนและเฟิงหยูหลันออกไปที” ฝ่าบาทมองไปยัง 2 คนนั้นที่กำลังคุมเชิงอยู่ครู่หนึ่ง ราชโองการของเขา ไป๋อี้เฉินไม่เห็นด้วยที่จะถอนหมั้น เขาก็ไม่อาจบีบบังคับไป๋อี้เฉินได้เช่นกัน

อีกอย่างการหมั้นหมายนี้ก็คือเมื่อปีนั้นเพราะฉู่หวูโยวชอบไป๋อี้เฉิน ฮองไทเฮาทรงทูลขอให้เป็นกรณีพิเศษ

ในตอนนี้ในน้ำเสียงที่ไม่สูงของฝ่าบาทนั้นมีความมีอำนาจที่ทำให้คนไม่มีทางที่จะต่อต้านได้ ไม่มีใครที่ไม่กล้าปฏิบัติตาม

และการขอร้องอ้อนวอนเพื่อเฟิงหยูหลันนั้นก็ไม่เป็นผลไปโดยทันใด!

ไป๋อี้เฉินรับคำอย่างนอบน้อม มองไปทางฉู่หวูโยวครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอยไปด้านข้าง

ฉู่หวูโยวหนักใจขึ้นมาทันใด ท่าทีของฝ่าบาททำให้นางเข้าใจ การหมั้นหมายนี้ดูยุ่งยากยิ่งกว่าที่นางคิดเสียอีก

หากเป็นไป๋อี้เฉินไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด เกรงว่าฝ่าบาทก็จะไม่อาจมีราชโองการให้ยุติการอภิเษกได้แน่

ตระกูลไป๋ถูกจัดให้เป็นตระกูลอันดับแรกในบรรดา 4 ตระกูลใหญ่ เป็นตระกูลที่บรรดาตระกูลอื่นๆ ไม่สามารถเทียบได้

กิจการของตระกูลไป๋ได้มีไปทั่วแผ่นดินแล้วภายใต้การจัดการการค้าของไป๋อี้เฉิน ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้มั่งคั่งอันดับต้นทั่วแผ่นดิน ภายใต้ทรัพย์สมบัติเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่มีอำนาจอื่นๆ

ดังนั้นในขณะที่ฝ่าบาทเห็นความสำคัญในตัวไป๋อี้เฉินก็ย่อมมีการลังเลอย่างอื่นอยู่บ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร