“ชิงจั๋ว มีแขกมา ทำไมถึงยังไม่รีบยกน้ำชามาอีก” ฉู่หรูเสว่รู้ดีแก่ใจว่า หากชิงจั๋วยังอยู่ตรงนี้ ก็ยากที่จะจัดการกับหญิงปัญญาอ่อนคนนั้นได้ จึงคิดที่จะแยกชิงจั๋วออกไป
ชิงจั๋วหรี่ตาลง และกำลังจะสั่งให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไปยกน้ำชามา
“ไปเถอะ” จู่ ๆ ฉู่หวูโยวก็เอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงที่บางเบา แต่กลับทำให้ชิงจั๋วสัมผัสได้ถึงความมั่นใจอย่างยิ่ง ความกังวลที่อยู่ในใจของชิงจั๋วจางหายไปในทันที เพราะคำพูดเบา ๆ สองคำนี้
เมื่อชิงจั๋วคิดได้ว่าตอนนี้นายหญิงไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไป หากตอนนี้นายหญิงสั่งให้นางออกไป คงต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน จึงคำนับและน้อมรับคำสั่ง : “เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นชิงจั๋วเดินออกไปแล้ว สาวใช้คนอื่น ๆ ล้วนเป็นคนของจวนเจ้าพระยา
เมื่อมีฉู่หรูเสว่อยู่ที่นี่ บรรดาสาวใช้ต่างไม่กล้ามีปากมีเสียง
เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูไม่คิดจะเสแสร้งอีกต่อไป จึงเผยธาตุแท้ออกมาโดยไม่เกรงกลัวอีก
“เหอะ หรูเสว่บอกว่านางไม่ปัญญาอ่อนแล้ว ข้าว่า ดูเหมือนนางจะปัญญาอ่อนกว่าเก่าเสียอีก” ไป๋ยี่หยูหัวเราะเยาะออกมาทันที
“จริงด้วย ข้าว่า คงปัญญาอ่อนเกินเยียวยาแล้ว เห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยงนัก เห็นแล้วอยากจะอาเจียนจริง ๆ มิหนำซ้ำยังไร้ยางอาย คิดจะแต่งงานกับพี่เฉินอีก เรียกว่าฝันกลางวันของคนปัญญาอ่อนจริง ๆ” ใบหน้าของเฟิงหยูหลันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ปากกลับเต็มไปด้วยคำพูดหยาบคาย
ฉู่หวูโยวไม่สนใจพวกนางเลยสักนิด จับมดได้ปริมาณพอสมควรแล้ว จากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะหินในลาน
ฉู่หวูโยวเทผงที่อยู่ในขวดบนโต๊ะ ลงในขวดที่บรรจุมดทีละขวด
“นี่ ยัยบ๊อง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าได้ยินหรือไม่ ? คงไม่กลายเป็นคนหูหนวกไปหรอกใช่ไหม ?” เมื่อไป๋ยี่หยูเห็นว่าฉู่หวูโยวไม่สนใจนาง ก็อดที่จะรู้สึกโมโหได้ จึงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
“ยัยบ๊องหน้าตาขี้เหร่ พี่เฉินไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าแน่นอน” เฟิงหยูหลันเริ่มใช้คำด่าที่รุนแรงขึ้น
นี่คือลูกไม้ที่พวกนางใช้เป็นปกติ พวกนางเกรงกลัวฮองไทเฮา จึงไม่กล้ารังแกฉู่หวูโยวอย่างเปิดเผย
ดังนั้น ทุกครั้งพวกนางจึงยั่วโมโหฉู่หวูโยว ให้ฉู่หวูโยวเป็นฝ่ายลงมือก่อน จากนั้นพวกนางก็ใช้ข้ออ้างในการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวมาทำร้ายฉู่หวูโยว
ในที่สุด ฉู่หวูโยวก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องมองพวกนาง พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ : “พวกเจ้าว่าหัวหมูสองหัวนับว่าขี้เหร่หรือไม่”
“หัวหมูอะไรกัน ?” เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูต่างผงะไป และหันมองฉู่หวูโยวด้วยประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉู่หวูโยวพูด
แววตาของเฟิงหยูหลันปรากฏความชั่วร้ายขึ้นมา ดูเหมือนฉู่หวูโยวจะไม่ปัญญาอ่อนแล้วจริง ๆ เมื่อก่อน ฉู่หวูโยวไม่มีทางพูดประโยคที่สมบูรณ์เช่นนี้ออกมาได้
ฉู่หวูโยวค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบนริมฝีปาก เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด : “แม้กระทั่งหัวหมูก็ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ ? แต่ว่า ไม่ต้องรีบร้อนไป พวกเจ้ากำลังจะได้เห็นเดี๋ยวนี้แล้ว”
เห็นได้ชัดว่าฉู่หวูโยวกำลังยิ้มอยู่ ซ้ำยังเป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนหวาน แต่ไม่รู้ทำไมเฟิงหยูหลันกลับรู้สึกตื่นตระหนกในใจ
ชิงจั๋วที่ยกน้ำชาเข้ามาพอดี เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณหนูก็ผงะไปครู่หนึ่ง ชิงจั๋วรู้สึกว่าคุณหนูของตนเองกำลังจะก่อเรื่องใหญ่ขึ้น!
ไป๋ยี่หยูที่ค่อนข้างโง่เขลา ไม่ทันสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ จึงยังคงด่าต่อไป : “ฉู่หวูโยว ยัยขี้เหร่อย่างเจ้ากำลังคิดจะทำอะไร”
ฉู่หวูโยวเหลือบมองเฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางยกมือขึ้น แล้วนำขวดที่ถืออยู่ในมือ โบกไปมาเบา ๆ ด้านหน้าคุณหนูทั้งสอง ผงที่อยู่ในขวด ลอยตามลมไปอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน
“ฉู่หวูโยว เจ้าสาดอะไรใส่หน้าของพวกเรา” สิ่งที่หญิงสาวให้ความสำคัญมากที่สุดคือความงามบนใบหน้าของตนเอง ถึงแม้ไม่รู้ว่าฉูหวูโยวสาดอะไรมา แต่เฟิ่งหยูหลันและไป๋ยี่หรูต่างก็ตกใจจนใบหน้าที่งดงามซีดเผือด
ฉู่หวูโหยวชายตามองพวกนาง แล้วริมฝีปากแดงระเรื่อก็เริ่มขยับ : “ยากลายร่างเป็นหัวหมู” ฉู่หวูโยวยังคงยิ้มอยู่ เป็นรอยยิ้มจาง ๆ และอ่อนโยนอย่างยิ่ง
เฟิงหยูหลันขมวดคิ้ว : “หมายความว่าอย่างไร ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...