นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 35

"ใครน่ะ? ออกมาเดี๋ยวนี้" เฟิ่งชิงเฉินหยิบมีดจากอกเสื้อออกมากำไว้แน่น และมองไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง

ไม่ใช่ว่านางมีปฏิกิริยาโต้ตอบอ่อนไหวเกินไป แต่จมูกของนางไวต่อกลิ่นคาวเลือดหน้าตลาด แปลว่ากลิ่นคาวเลือดนี้จะไม่ได้รุนแรงนักแม้กระทั่งราวกับไม่มี แต่มันก็ไม่อ่านก็พ้นจากจมูกของเฟิ่งชิงเฉินไปได้

"มีปฏิกิริยาสนองไวเช่นนี้แล้วถูกคนเล่นงานได้อย่างไร" ภายใต้ความมืด ภายใต้ความมืด หลานจิ่วชิงชายชุดดำหน้ากากเงินก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมคำพูดเสียดสี

คำพูดนี้หมายถึงอะไร เฟิ่งชิงเฉินและหลานจิ่วชิงรู้ดี ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินถูกคนเล่นงานตื่นขึ้นมาไว้ที่หน้าประตูเมืองหรอกหรือ

เรื่องนี้เป็นราวกับตราบาปประทับอยู่บนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลบล้างออกไปได้

ยังดีที่จิตใจของนางมันคงเพียงพอ เมื่อเห็นคนคุ้นเคย เฟิ่งชิงเฉินก็ลดการระวังตัวรอ "มนุษย์ยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ท่านมีวิทยายุทธสูงส่งก็บาดเจ็บเหมือนกันใช่หรือ"

เฟิ่งชิงเฉินมองแผลที่เลือดซึมออกมาของหลานจิ่วชิงและกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์

"ตามข้ามา"

หลานจิ่วชิงลังเลเล็กน้อย เมื่อคิดถึงบาดแผลบนร่างกายของตนเองแล้วก็เห็นว่าต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินช่วยจริงๆ จึงได้เดินตามนางเข้าไปเชื่อฟัง

"นั่งลง" เฟิ่งชิงเฉินเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เมื่อกลับมาพบหลานจิ่วชิงที่ไม่รักร่างกายของตนเอง นางจึงไม่อาจทำสีหน้าให้ดีได้เลย

หากมีเสื้อกาวน์สีขาวสวมทับอยู่ เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ก็เสมือนดังหมอน้ำแข็งในตำนาน

จชลขมวดคิ้วและใช้จ่ายตายเย็นชากวาดมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างแฝงไปด้วยรัศมีสังหาร

ใครเล่าจะรู้ว่าประสาทของเฟิ่งชิงเฉินตายด้านจนไม่รู้สึกเลย

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือแพทย์ทหารที่เคยเข้าพิธีล้างบาปในสนามรบจะไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าออร่าสังหาร เพราะพวกเขาได้พบบ่อยแล้ว ยกเว้นแต่ว่าหลานจิ่วชิงคิดจะลงมือจริงๆ

เฟิ่งชิงเฉินจุดไฟในห้องทั้งหมด นางยกน้ำเข้ามาสามกะละมังและหยิบกล่องไม้การบูนกล่องหนึ่งออกมา

แต่ก่อนกล่องนี้ใช้เก็บเครื่องประดับ แต่นางเห็นว่าคุณภาพไม่เลวนัก ขนาดก็กำลังเหมาะสมถึงได้ทำให้มันว่างลงมาใช้เก็บยาสามัญประจำบ้านแทน

หลานจิ่วชิงนั่งอยู่บนเก้าอี้บางดูท่าทางคล่องแคล่วของเฟิ่งชิงเฉิน แววเยือกเย็นในดวงตาก็ลดลงไปมาก เปล่าคิดไปถึงว่าระวังตัวของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่น้อยเลย หลานจิ่วชิงถึงได้คลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้

เพียงกวาดตามองก็สำรวจห้องเล็กๆ ของเฟิ่งชิงเฉินจนทั่ว

ต้องบอกว่านี่เป็นห้องที่เรียบง่ายที่สุดที่หลานจิ่วชิงเคยเห็นมา ไม่มีฉากกั้น ไม่มีม่าน ไม่มีโต๊ะล้างหน้า ไม่มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทันทีที่เข้ามาก็เห็นเตียงขนาดใหญ่กินพื้นที่ขนาดสองในสามของห้อง ผ้าปูที่นอนเป็นสีขาวหิมะจัดไว้เรียบร้อยราวกับเพิ่งซักเสร็จ ผ้าห่มแพรไหมสีน้ำเงินถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบราวกับก้อนอิฐ แข็งเรียบไร้ความรู้สึก

ถัดมาก็มีโต๊ะเครื่องแป้ง บนโต๊ะนอกจากสีไม้เล่มหนึ่งและกระจกทองเหลืองแล้วก็ไม่มีสิ่งของอื่นใดอีก เมื่อมองที่ศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินก็ดูเรียบง่ายมาก ผมยาวของนางถูกมัดไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่งเท่านั้น

มีเป็นการแต่งกายอย่างเรียบง่ายที่สุดที่เขาเคยพบเห็นมา อดไม่ได้ที่จะบอกว่าเหมาะสมนางเป็นอย่างมาก มองแล้วดูใจกว้างและสดชื่นยิ่งนัก

นอกจากโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็เป็นโต๊ะหนังสือเล็กๆ และเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก็คือตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ในตอนนี้นั่นเอง

นี่เป็นห้องของผู้หญิงหรือ?

ภายในห้องทั้งเยียบเย็นและแข็งกระด้าง ไม่เหมือนกับห้องที่สตรีอาศัยเลย ข้อดีเพียงข้อเดียวก็คือสะอาด พื้นห้องถูกเช็ดเสียจนเงางาม

หลานจิ่วชิงรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีข้ารับใช้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเรื่องพวกนี้นางเป็นคนจัดการเองทั้งหมด

การค้นพบนี้ทำให้ทัศนคติของเขาที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินดีขึ้นอีก

สตรีผู้นี้มีความเป็นเอกเทศยิ่งนัก มิน่าเล่าแม้จะถูกตงหลิงจื่อลั่วทิ้ง ไม่เพียงไม่ได้ร้องไห้โวยวายแต่กลับเป็นอิสระมากกว่าใคร

นิสัยเช่นนี้เกิดเป็นสตรีนับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก

ในขณะที่หลานจิ่วชิงกำลังทอดถอนใจ เฟิ่งชิงเฉินก็เตรียมยาเสร็จเรียบร้อย นางสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ ก้าวผมขึ้นโดยไม่ให้มีปอยผมตกลงมาแม้แต่ปอยเดียวและยืนอยู่ตรงหน้าหลานจิ่วชิงด้วยท่าทางเคร่งขรึมของมืออาชีพ

"เหม่ออะไร นั่งดีๆ"

หลานจิ่วชิงอึ้งงัน

เขาถึงขั้นลืมป้องกันตัวเองเมื่ออยู่ภายในจวนเฟิ่งงั้นหรือ

สมควรตาย

ล้างสีโหดเหี้ยมด้านในห้องอีกครั้ง

ในยามนี้หลานจิ่วชิงมีใจคิดจะสังหารเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ

หญิงที่สามารถทำให้เขาลดการระวังตัวเช่นนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินกระตุกจนแทบหยุดเต้น นางถอยหลังไปสามก้าวเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง

"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครและไม่ต้องการจะรู้ด้วย สำหรับเจ้า ข้าเพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่ของหมออย่างสุดความสามารถเท่านั้น ในฐานะแพทย์แล้ว ข้ามิอาจทนได้ที่เจ้าไม่รักร่างกายตนเองเช่นนี้ และยิ่งครับไม่ได้ที่แผลที่ข้าเพิ่งจะเย็บให้เจ้าปริออกมาอีกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ